บทที่ 95 เสียงฝีเท้าจากชั้นสอง (ต้น)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 95 เสียงฝีเท้าจากชั้นสอง (ต้น)

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ?”

ณ ลานหญ้า สายตาของหลี่เสวียนชางซึ่งจับจ้องไปที่ลานโล่งหลังภูเขาแววตาบ่งบอกว่าไม่เชื่อต่อภาพที่เห็น “กระบี่แทรกเข้าสู่ร่างกาย จากการดูดกลืนของเจ้าหนุ่มคนนั้น ไม่น่าเป็นไปได้… หรือว่า เขามีกายากระบี่ต้นกำเนิดตามตำนาน !?”

ถึงตอนนี้ ปรากฏแววตาหวาดกลัววูบหนึ่ง

ตำนานกล่าวว่า คนเหล่านี้สมรรถนะทางร่างกายมีคุณลักษณะโดดเด่นเป็นพิเศษ กายากระบี่ต้นกำเนิดเป็นหนึ่งในนั้น บุคคลซึ่งมีกายากระบี่ต้นกำเนิดอาจกล่าวได้ว่าเกิดมาเพื่อเป็นเซียนกระบี่ ! สภาพทางร่างกาย จะมีความแตกต่างจากทั่วไปอย่างสิ้นเชิง จึงสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน !

แต่ทว่าเมื่อการณ์แห่งกายาอันมีลักษณะพิเศษบังเกิด นั่นคือสิ่งซึ่งขัดต่อพระประสงค์แห่งสวรรค์ !

ณ ลานประลองหลังภูเขา

วินาทีที่เยี่ยฉวนบรรลุสู่ขั้นหลอมรวมลมปราณ ชายหนุ่มพลันหันกลับมาเผชิญหน้าและออกหมัดพุ่งใส่ผู้นั้นทันที

เมื่อเทียบพลังหมัดก่อนหน้านี้ ความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่าจากผลความสำเร็จในการบรรลุ ขั้นพลัง !

ผัวะ !

ร่างที่อยู่เบื้องหลังถูกแรงปะทะส่งให้ล่าถอยออกไปไกลราว 3 จั้งเศษ

ในขณะนั้นเอง เมื่อชายหนุ่มเห็นผู้ที่ผงะล่าถอยอย่างถนัดตาจึงออกประหลาดใจไม่น้อย ชายสวมชุดดำพอดีตัว อายุคะเนยี่สิบกว่า นัยน์ตาแฝงแววเย็นชาอยู่เบื้องลึก ปรากฏชัดเจนว่าผู้นี้คือผู้ฝึกกระบี่ ! ทั้งยังใกล้บรรลุเป็นยอดผู้ฝึกกระบี่ในไม่ช้า !

สาเหตุเพราะเวลานั้นชายหนุ่มสังเกตเห็นลำแสงเรืองรองเจือจางปรากฏภายในกระบี่ !

ชายชุดดำจ้องเยี่ยฉวนราวจะกินเลือดกินเนื้อ “ไฉนจึงดูดกลืนกระบี่ของข้า ?”

เยี่ยฉวนมองสบตาหน้าถมึงทึง “ตอนแรกตกลงว่าจะต่อสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง แต่เจ้ากลับใช้ลูกไม้ ฉะนั้นไม่ข้าก็เจ้าต้องตายกันไปข้างหนึ่ง !”

สิ้นสุดประโยคร่างพุ่งทะยานออกไปเบื้องหน้า ขณะเดียวกันกระบี่เล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นตรงกลาง ฝ่ามือ !

กระบี่หลิงเซี่ยว !

ณ เวลานี้เยี่ยฉวนบรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณแล้ว ดังนั้นจึงสามารถหลอมรวมพลังชี่เข้าด้วยกัน ทำให้ทันทีที่กระบี่หลิงเซี่ยวปรากฏ จึงเกิดลำแสงแผ่กระจายออกโดยรอบกระบี่

ลำแสงแห่งกระบี่

สัญลักษณ์แห่งยอดผู้ฝึกกระบี่ !

บรรดาศิษย์ฉางมู่ทั้งหลายที่อยู่ในลานโล่ง ภาพที่ปรากฏประจักษ์แก่สายตาทุกคู่

รวมทั้งชายชุดดำเบื้องหน้าชายหนุ่ม เขามองอย่างไม่เชื่อสายตาเช่นกัน “ยอดผู้ฝึกกระบี่ แท้ที่จริงเวลานี้เจ้าคือยอดผู้ฝึกกระบี่…”

สำหรับชายชุดดำ อีกไม่นานเขาจะบรรลุขั้นยอดผู้ฝึกกระบี่ ทว่าระยะเวลาไม่นานนั้นอาจต้องกินเวลา ถึงสิบปี ยี่สิบปี หรือกว่านั้น !

ตอนนี้หาใช่เวลาคิดอีกต่อไปไม่ ด้วยเยี่ยฉวนทะยานเข้าหาเขาตวัดกระบี่ลงหนึ่งครั้ง ส่งให้ลำแสงกระบี่กระจายออกเป็นเวลาเดียวกับที่ปลายกระบี่ลดต่ำลง

ฉับพลันชายสวมผ้าคลุมสีดำสีหน้าแปรเปลี่ยนสิ้นเชิง พลันยกเท้ากระแทกลงพื้นหนึ่งครั้งเกิดแรงส่ง ผลักออกร่างถอยหลังกรูดรวดเดียว ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ทันการณ์ ประกายจากลำแสงแห่งกระบี่ตวัดฟาดลง กลางหน้าอกชายสวมผ้าคลุมเข้าเต็มรัก

ควับ ! ควับ ! ควับ ! ควับ !

ชายสวมผ้าคลุมสีดำซวดเซถอยร่นอย่างไม่เป็นท่าก่อนหงายหลังล้มลงไปบนพื้นดิน โลหิตทะลักออก มาจากบริเวณหน้าอก !

ไม่ทันไร เยี่ยฉวนพลันสีหน้าเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อปรากฏเงาสีขาวพุ่งทะยานเข้ามาเบื้องหน้า !

ชายในชุดสีขาวผู้ที่ออกปะทะกับโม่อวิ๋นฉีก่อนหน้า ครานี้เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาเพื่อเข้ามาช่วยชายที่ สวมผ้าคลุมสีดำ

ชายหนุ่มมองด้วยสีหน้าเฉยเมย กระชับกระบี่ยาวให้ถนัดมือ พลันเคลื่อนไหวรวดเร็วทะยานเข้าหาด้วยความเร็วขีดสุด !

ลำแสงกระจายออกปลายกระบี่ ตวัดฟาดประกายแสงสว่างจ้าเจิดจรัส !

ชายในชุดขาวหรี่ตา เขาถ่ายพลังสู่ฝ่ามือเกิดความสั่นอย่างรุนแรง ทันใดนั้นพลังสีฟ้าแห่งกระแสลม พวยพุ่งจากร่าง ผนึกรวมเป็นปราการสีฟ้า ทว่ายังไม่อาจต้านแรงปะทะจากพลังกระบี่ของเยี่ยฉวน

ลำแสงกระบี่ฟาดฟันปราการสีฟ้าสบั้นลงอย่างง่ายดาย ทว่าปลายกระบี่สะดุดตรงกลางหว่างคิ้วของ ชายชุดขาวเพียงไม่กี่กระเบียด เพราะเขาประกบฝ่ามือฉวยจับปลายกระบี่ของเยี่ยฉวนไว้อย่างมั่นคง !

ในขณะเดียวกัน ฝ่ามือของชายชุดขาวเริ่มก่อเกิดรังสีแห่งกลุ่มก้อนเปลวไฟ ด้วยเปลวไฟนี้จึงสามารถ ทนทานต่อลำแสงกระบี่จากปลายกระบี่ของเยี่ยฉวน

ชายหนุ่มฉวยจังหวะกระโจนเข้าหาและตวัดขาเตะใส่คนชุดขาวอย่างรวดเร็ว บีบให้อีกฝ่ายจำต้องหลบหลีกทันท่วงที ทั้งมือที่ประกบยังต้องผละออกครั้งหนึ่งก่อนผลักกระบี่ออกไป

ผัวะ !

ทั้งสองเยี่ยฉวนและชายเสื้อคลุมสีขาวผงะออกจากกัน ต่างคนต่างล่าถอยออกไปคนละหลายจั้ง !

เมื่อเยี่ยฉวนหยุดชะงักตั้งหลัก ครานั้นเองก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่โม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อตามมายืน ขนาบเบื้องซ้ายและขวา เวลานี้สภาพของไป๋เจ๋อ ส่วนบนของร่างปรากฏร่องรอยฝ่ามือแดงฉานประทับอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหน้าอกมีรอยฝ่ามือกดลึกอย่างน่าหวาดเสียว ด้านโม่อวิ๋นฉีแทบไม่ต่างกัน แขนขวากระดูกหักและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ คราบโลหิตไหลเป็นทางที่มุมปาก แน่ชัดว่าเขาบาดเจ็บไม่น้อย

ทว่าทั้งชายชุดสีขาวและชายในผ้าคลุมสีดำ ทั้งสองไร้ร่องรอยของอาการบาดเจ็บ !

สายตาของฝ่ายตรงข้ามจับจ้องมายังเยี่ยฉวน ขณะนั้นเองทั้งสองทำท่าจะเริ่มการต่อสู้ครั้งใหม่ พลัน ปรากฏร่างของชายชราขึ้นเบื้องหน้าอย่างกระทันหัน

ผู้นั้นคืออาจารย์ใหญ่จี้

หลังจากอาจารย์ใหญ่ของสถานศึกษาฉางหลาน หลี่เสวียนชางค่อยปรากฏเป็นคนถัดมา

ชายชราคนแรกยกน้ำเต้าบรรจุสุราขึ้นซดอึกใหญ่ เมื่อเพียงพอแล้วจึงหันมาพูดกับหลี่เสวียนชาง “ผล เป็นอย่างไร ? เจ้ายังเดินหน้าคิดจะกำจัดเด็กสามคนนี้อยู่อีกหรือไม่ ?”