“นี่……นี่มันเป็นไปได้ยังไง! ผู้อาวุโสทั้งสามแม้แต่กระบวนท่าเดียวยังรับมือไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้!”
ผู้ชมที่เห็นการพ่ายแพ้อย่างอนาถของผู้อาวุโสทั้งสามก็มีแต่หวางซานคนเดียวเท่านั้น ในขณะนี้เขาได้แต่เบิกตากว้างและอ้าปากค้างด้วยความตกใจ และถึงกับกลืนน้ำลายอย่างไม่หยุด
ในวินาทีต่อมา หวางซานก็รู้สึกตัวขึ้นมา และใบหน้าซีดเซียวของเขาได้แต่กวาดมองไปที่เย่เทียนผู้น่าเกรงขามและจากนั้นสายตาก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่
เขาไม่ได้สนใจการต่อสู้ที่นอกโกดังอีก ได้แต่คว้าตัวเหลียงเยว่หรูที่กำลังสลบอยู่แล้ว เดินลึกเข้าไปในโกดังร้าง
“เย่เทียน! แกมันสมควรตาย!”
ผู้อาวุโสสามผู้ที่ดูมีราศีดุจเทพก่อนจะขึ้นเวที แต่ตอนนี้กลับเสียแขนซ้ายไปแล้ว สภาพของเขาสะบักสะบอม ทั้งตัวก็เปื้อนด้วยเลือดของเขา ซึ่งดูแล้วน่าอนาถอย่างสุดใจ
เขากัดฟันไว้แน่นๆ และสายตาก็จ้องเขม็งไปที่เย่เทียน
สามคนร่วมมือกัน แต่สุดท้ายยังตายหนึ่งเจ็บสอง นี่ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พวกเขาต้องสูญเสียขนาดนี้ ดังนั้นจึงถือเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดของพวกเขาแล้ว!
“เย่เทียน แกกล้าฆ่าน้องรองของข้างั้นเหรอ ข้าจะให้แกตายอย่างศพไม่เหลือเศษซาก!”
ผู้อาวุโสใหญ่ที่ดูอ่อนแอและสีหน้าซีดเซียว แต่สายตาที่อาฆาตแค้นของเขานั้นไม่น้อยไปกว่าผู้อาวุโสสามเลย
“ดังคำที่กล่าวไว้ว่า สุนัขที่กัดคนมักจะไม่เห่า แต่สุนัขที่ไม่กล้ากัดคนมันจะเห่าอย่างไม่หยุด!”
เย่เทียนปิดหูอย่างไม่แยแสและพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างที่พูด ผมก็ยืนอยู่ตรงนี้ อยากแก้แค้นก็เข้ามาเลยสิ!”
“เจ้าสาม!”
ผู้อาวุโสใหญ่สีหน้าบูดบึ้งอย่างที่สุด จากนั้นตะโกนออกไปอย่างเสียงดัง
ผู้อาวุโสสามก็รีบเข้าไปยืนอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสใหญ่ และใช้มือขวาที่เหลืออยู่แตะไหล่ของผู้อาวุโสใหญ่ จากนั้นส่งกำลังภายในเข้าไปยังร่างกายของผู้อาวุโสใหญ่ผ่านมือขวาของเขา
“ไปตายซ้ะ!”
ผู้อาวุโสใหญ่ตวาดเสียงดังอีกครั้ง กำลังภายในของเขาไหลเวียนอย่างรวดเร็วและเขาก็ซัดฝ่ามือไปที่เย่เทียน
บนฝ่ามือของผู้อาวุโสใหญ่นั้นได้เกิดลายฝ่ามือขนาดใหญ่ออกมา และมันก็พุ่งเข้าใส่เย่เทียนราวกับลมพายุสายฟ้า
“ปล่อยพลังภายในงั้นหรือ? การโจมตีแบบรวมพลัง!”
สีหน้าของเย่เทียนเปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด “นี่เป็นไพ่ใบสุดท้ายของพวกคุณแล้วใช่ไหม?”
หลังจากนั้น เย่เทียนก็ตั้งสติได้ทันที ถึงแม้พลังฝ่ามือที่ถูกซัดออกมานั้นจะเหนือความคาดหมายของผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามไปมาก แต่มันก็ยังไม่ถึงระดับดินอยู่ดี มากสุดก็แค่ขั้นสุดยอดของระดับดำเท่านั้น
ตราบใดที่ยังเป็นระดับดำ เย่เทียนก็ไม่มีทางเกรงกลัวอยู่แล้ว!
“ถูกต้อง! ถึงแม้เจ้าสองจะตายอย่างอนาถ แต่การใช้พลังนี้สำหรับไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างแก ข้ากับเจ้าสามก็พอใจแล้ว!”
“เราสามคนศิษย์พี่ศิษย์น้องฝึกฝนวิชามาแบบเดียวกัน ปราณเดียวแหล่งเดียว คอยดูว่าตอนนี้แกจะรับมือยังไง!”
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามสีหน้าโกรธแค้นกันทั้งคู่ พวกเขาแทบอยากฉีกเนื้อของเย่เทียนออกจากกระดูกเพื่อเป็นการแก้แค้นให้ผู้อาวุโสรอง
“พวกคุณสองคนแก่จวนจะตายอยู่แล้วยังคิดจะฆ่าผมเหรอ ฝันอยู่ใช่ไหม!”
เย่เทียนหัวเราะเยาะ จากนั้นมุทรามือทั้งสองของเขา และหมอกควันค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากด้านหลังเขา ซึ่งมันเป็นเงาของเทพจักรพรรดิที่ถือดาบอันแหลมคม
“นี่……นี่มันพลังเวทย์อะไรกัน?”
“เป็นไปได้ยังไง? เงาของกำลังภายในขนาดนี้ แล้วจะอยู่แค่ระดับดำได้ยังไง?!”
ฉากนี้ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามหวาดกลัวจนสุดขีด มันไม่ง่ายเลยที่จะรวบรวมความกล้ากลับมาแต่มันกลับถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
ทั้งสองคนยังไงก็คิดไม่ถึง เพราะเย่เทียนไม่ใช่คนที่ฝึกวรยุทธ แต่เป็นคนที่ฝึกบู๊มากกว่า! “วิชารวมพลังอะไรของพวกคุณ ผมจะให้พวกคุณเห็นเอง ว่าช่องว่างที่ไม่อาจก้าวข้ามของระหว่างเรานั้นมันใหญ่แค่ไหน!” “ไปตายซะ!” เย่เทียนไม่สนใจว่าสองคนนั้นจะคิดยังไง ด้วยคำสั่งของเขา เงาเทพที่อยู่ด้านหลังของเย่เทียนก็ชูดาบขึ้น และด้วยรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวนั้น มันก็ฟันดาบยักษ์ที่รุนแรงออกไป
กระทั่งเวลานี้ ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสสามไม่มีทางที่จะหนีเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้จะกลัว แต่พวกเขาทำได้เพียงกัดฟันสู้เท่านั้น เพราะนี่เป็นทางรอดเดียวที่เหลืออยู่
รอยยิ้มอันเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เทียน นี่คือหนึ่งในพลังเวทย์ที่ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์หวง ซึ่งมีชื่อเรียกว่าท่ามังกรเก้า
เขาในชาติก่อน ฝึกฝนถึงท่าที่สี่แล้ว
แต่นี่ เป็นเพียงจุนหลินเทียนเชี่ยที่เป็นท่าแรกเท่านั้น!
บึ้ม!
ชั่วขณะหนึ่ง อากาศทั้งหมดดูเหมือนจะแหลกสลาย รอบทิศราวกับมีพายุพัดขึ้น ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วท้องฟ้าและทำให้คนแทบจะลืมตาไม่ได้
ฝ่ามือพลังภายในของพวกเขายังต้านทานไม่ได้แม้แต่ในวินาทีเดียว มันถูกดาบลวงตาทำลายจนแหลกสลายไป!
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
ผู้อาวุโสใหญ่ตกใจจนแทบจะหัวใจวาย รูม่านตาบานสะพรั่งและแสดงออกถึงความเหลือเชื่อ
“ผมบอกแล้วไง วิชารวมพลังกระจอกๆ ของพวกคุณ มันก็แค่เรื่องตลกในสายตาผม!”
เสียงเยือกเย็นและไร้ความปรานีของเย่เทียนดังขึ้นข้างหูเขา
“น้องสาม หนีเร็ว!”
ผู้อาวุโสใหญ่ฟังแล้วเส้นเลือดในสมองแทบจะระเบิด เขาใช้พลังสุดท้ายที่มีอยู่เพื่อตะโกนส่งเสียงเตือนออกมา
วินาทีต่อมา เงาดาบลวงตาได้ปกคลุมไปทั่วร่างของผู้อาวุโสใหญ่ คงไม่ต้องพูดถึงศพของเขา เพราะแม้แต่เนื้อหรือกระดูกของเขายังไม่เหลือสักชิ้น มันแหลกสลายกลายเป็นขี้ฝุ่นในทันที
ลมหนาวค่อยๆ พัดผ่านมา และเขาก็ถูกพัดออกไปพร้อมกับสายลมราวกับว่าไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกนี้มาก่อน
ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่ขอบของโกดังร้างยังถูกตัดออก และบนพื้นยังทิ้งรอยของดาบที่ยาวห้าเมตร กว้างสองเมตร และลึกสามเมตรไว้!
นี่เป็นเพราะเย่เทียนจำได้ว่าเหลียงเยว่หรูยังอยู่ในโกดัง เขาจึงรั้งพลังไว้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นเกรงว่าทั้งโกดังคงจะแหลกสลายเป็นเถ้าถ่าน!
“พี่ใหญ่!”
ผู้อาวุโสสามได้ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเศร้าโศก แต่เขาไม่ลังเลใดๆ ที่จะรวบรวมพลังภายในกลับคืนแล้วหันหลังเพื่อวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต
แม้ว่าการรวบรวมพลังภายในกลับคืนอย่างกะทันหันอาจทำลายเส้นลมปราณของเขา และนับจากนี้เขาอาจกลายเป็นคนพิการไร้ค่าคนหนึ่ง แต่เขาก็เลือกที่จะทำเช่นนี้อย่างไม่ลังเล
เรื่องมันก็ถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่มีความคิดที่จะต่อต้านอีก ความคิดเดียวในตอนนี้ก็คือหนีไปจากที่นี่ให้พ้น หนีได้ยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!
เขายังตายไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้เขายังตายไม่ได้!
เขาจำเป็นต้องนำข่าวนี้กลับไปที่สำนักหวู่หันก่อน ไม่อย่างนั้น ด้วยพลังของเย่เทียนที่ได้แสดงออกมา สำนักหวู่หันต้องถูกทำลายอย่างสิ้นซากแน่นอน!
“ยังกล้าหันหลังให้ผมอีกเหรอ รนหาที่ตายชัดๆ!”
เย่เทียนยิ้มอย่างเย้ยหยันและรวบรวมพลังชี่ทิพย์ไปที่ฝ่ามืออีกครั้ง จากนั้นเขาสะบัดเพียงแค่ทีเดียว ชี่ทิพย์ในฝ่ามือก็พุ่งตามผู้อาวุโสสามไป
“เอื้อก!”
ผู้อาวุโสสามส่งเสียงคร่ำครวญอย่างอนาถ เนื่องจากพลังชี่ทิพย์นั้นได้เจาะทะลุหัวของเขา ร่างกายที่วิ่งหนีอยู่ตั้งแต่แรกก็ได้ล้มลงและกลิ้งต่อไปหลายตลบแล้วค่อยหยุดนิ่ง เขาในตอนนี้ได้แต่ตายจนไม่รู้จะตายยังอีก!
“พญามังกรมีเกล็ด ถ้ากล้าสัมผัสก็ต้องตาย!”
“อย่าโทษผมว่าไม่เหลือแม้แต่ซากศพให้พวกคุณ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษพวกคุณที่มาจับคนรอบข้างของผมเพื่อมาข่มขู่ผมก่อน!”
ขณะที่พูดอยู่ เย่เทียนได้โบกมือเบาๆ และร่างของผู้อาวุโสรองที่ได้ตายไปตั้งแต่แรกก็ระเบิดขึ้นทันที และมันก็กลายเป็นปุ๋ยให้กับวัชพืชและดอกไม้ป่าที่นั่นไป
“นักบู๊อายุน้อยๆ แต่กลับลงมือโหดเหี้ยมขนาดนี้ ไม่กลัวว่าวันข้างหน้าจะนำความหายนะมาสู่ตัวเองงั้นหรือ?”
ในระหว่างที่เย่เทียนกำลังเตรียมเข้าไปในโกดังเพื่อตามหาหวางซานนั้น เสียงของชายชราคนหนึ่งก็ดังทะลุออกมาจากด้านบนของโกดัง
“ใคร?!”
เย่เทียนรีบหันมองไปทันที
เขาเห็นเพียงด้านบนของโกดังมีนักพรตคนหนึ่งที่จ้องมองเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ชายชราคนนี้ดูแล้วเหมือนกับคุณปู่เพื่อนบ้านที่ทำให้เขาอดรู้สึกถึงความสนิทสนมไม่ได้
แต่ว่า เย่เทียนกลับระมัดระวังตัวมากขึ้นและไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่นิด
ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้สังเกตเห็นนักพรตคนนี้ที่ปรากฏตัวให้เห็นเลย!