ณ ภายในห้องทดลอง

ขณะจ้องมองอนุภาคสีขาวเจือสีแดงอ่อนๆ ในอุปกรณ์ปฏิกรณ์ แกสตันร่าย ‘เวทระบุตัวตน’ ด้วยท่าทางเคร่งเครียด เมื่อเขาเห็นผลปรากฏ ดวงตาสีเหลืองเข้มที่ดูแปลกประหลาดก็หรี่ลง เขาพึมพำออกมา “คาร์บาไมด์จริงๆ…คาร์บาไมด์สามารถสังเคราะห์ออกมาได้โดยไม่ต้องใช้ส่วนประกอบสิ่งมีชีวิต…”

หลังจากจ้องอนุภาคที่ว่าอยู่นานพอควร รอยยิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏบนหน้าของแกสตัน ‘พวกที่ชอบเล่นกับศพมาตลอดใน “หัตถ์ไร้ชีวา” มีปัญหาแน่ๆ รอบนี้…’

เนื่องด้วยความเชื่อที่ต่างกันและความสนใจในศาสตร์ที่แข่งขันกัน ประวัติศาสตร์ความบาดหมางระหว่าง ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ กับ ‘หัตถ์ไร้ชีวา’ มีมายาวนาน ในฐานะผู้อำนวยการของกลุ่มเจตจำนงแห่งธาตุ แกสตันก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนักกับนักเวทชั้นอาวุโสหลายๆ คนจากองค์กรหัตถ์ไร้ชีวา และบัดนี้ เมื่อได้เห็นหลักฐานว่า ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ กำลังจะถูกล้มล้าง เขาก็อยู่ในอาการลิงโลดสุดๆ เมื่อจะได้เห็นความพินาศของฝั่งตรงข้าม ภาวะฌานสมาธิของแกสตันมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับทฤษฎีพลังชีวิตน้อยมาก ฉะนั้น ตัวเขาเองไม่มีอะไรต้องกังวลทั้งสิ้น

เขาสงสัยว่าทำไมลูเซียนเสนอการทดลองที่สำคัญขนาดนี้ในบทความโครงการวิจัยครั้งนี้ เขาอยากรู้ให้ได้ลูเซียนเคยได้ยินเรื่องทฤษฎีพลังชีวิตมาก่อนหรือไม่ ในห้วงความคิดของแกสตัน เขามีแนวโน้มจะเชื่อว่าลูเซียนอาจไม่รู้อะไรเลย หรือลูเซียนอาจได้รับแรงบันดาลใจจากทฤษฎีโบราณทฤษฎีนี้ และไม่สามารถทำการทดลองนอกเหนือจากกรอบแนวคิดทฤษฎี ด้วยพรสวรรค์ของลูเซียนในอาร์คานาศาสตร์ แกสตันไม่ติดใจสงสัยในวิธีคิดของเขา ในหัวของแกสตัน ลูเซียนมีแนวทางความคิดที่เฉียบคม และกล้าหาญในการเสนอสมมติฐานที่ห้าวหาญและมีจิตวิญญาณของการแสวงหาบทพิสูจน์ ยิ่งไปกว่านั้น แกสตันรู้สึกว่าศักยภาพในการทำการทดลองของลูเซียนก็น่าประทับใจอย่างยิ่ง

“โครม!!”

ขณะแกสตัสกำลังออกจากห้องทดลอง ประตูห้องก็ถูกพังเข้ามา และวงเวทบนประตูก็สลายไป

“ใครกัน?!” แกสตันถามด้วยน้ำเสียงระวังภัย ในทันใดนั้น ร่างของเขาก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยโล่ทรงกลมหลากสี

เวทระดับเจ็ด ‘อาคมสะท้อนกลับเวท’

“แกสตัน! เจ้าเห็นบทความของลูเซียนหรือยัง? ส่วนสุดท้ายของบทความ! การทดลองสังเคราะห์คาร์บาไมด์!” ราเวนติตะโกนเสียงดังลั่น

หลังจากจ้องไปที่ราเวนติสักชั่วอึดใจ แกสตัสก็ถอนหายใจ “เคาะประตูก่อนเถอะ ข้าขอร้อง”

“ข้าตื่นเต้นมากกับเรื่องนี้!” ราเวนติไม่สนใจอะไรแล้ว “ข้าถามว่าเจ้า เจ้าอ่านบทความ… เดี๋ยวๆ เจ้าทดลองตามแล้วงั้นรึ?!”

ราเวนติเห็นอุปกรณ์ปฏิกรณ์ตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของห้องทดลอง และมีอนุภาคสีขาวอยู่ในหลอดแก้วเวทมนตร์

แกสตันทำท่าทางขอให้ราเวนติเบาเสียงลง “ใช่ ท่านราเวนติ ข้าพิสูจน์ความถูกต้องในการทดลองของอีวานส์แล้ว แต่ข้าคิดว่ายังขาดหลักฐานชี้ชัดไปบางอย่าง เพราะพวกหัตถ์ไร้ชีวาคงไม่ยอมรับคาร์บาไมด์เป็นองค์ประกอบที่มีชีวิต แต่ท่านราเวนติ ท่านให้ใครอ่านบทความนี้แล้วบ้าง?”

“ไม่ ยกเว้นเจ้า” แม้ว่าราเวนติจะมีอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ในฐานะนักเวทระดับเก้า เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมแกสตัสถึงถามเช่นนั้น “เจ้าอยากซ่อนบทความชิ้นนี้จากพวกนักเวทศาสตร์มืดไปก่อนจนกว่าจะมีหลักฐานที่ชัดแจ้งใช่ไหม?”

แกสตันพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “คำสำคัญของบทความนี้ก็คือ ‘ธาตุ’ และ ‘เล่นแร่แปรธาตุ’ หากว่ากันตามทฤษฎีแล้ว บทความชิ้นนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสำนักศาสตร์มืดมากนัก แต่อีกนัยหนึ่ง เป็นไปได้ว่าพวกนักเวทศาสตร์มืดคงไม่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องเดียวที่ข้ากังวลก็คือฝั่งอีวานส์ เขาอาจเปิดเผยเรื่องนี้กับคนอื่นไปแล้ว”

แกสตันมีความสุขเกินกว่าจะบรรยายเมื่อเห็นโอกาสทองในการโจมตีองค์กรหัตถ์ไร้ชีวาด้วยผลการวิจัยชั้นเลิศเช่นนี้

“ข้าไม่เห็นด้วยกับเจ้า แกสตัน” ราเวนติส่ายหน้าด้วยสีหน้าขึงขัง “นี่เป็นงานที่จะล้มล้างทฤษฎีเดิม ไม่เหมือนกับการสร้างอาคมอะไรขึ้นมาสักอย่าง ผลการศึกษานี้ควรต้องเปิดเผยต่อสาธารณะโดยเร็วที่สุด จอมเวทต่างๆ จะได้เข้าร่วมการอภิปราย นั่นแหละ ถ้ามีจริงๆ เราจะได้พบกับหลักฐานเชิงประจักษ์ในเวลาสั้นที่สุด แกสตัน เจ้ายังจำจิตวิญญาณพื้นฐานที่ก่อร่างสร้าง ‘สภาเวทมนตร์’ ขึ้นมาได้ไหม? การสำรวจความจริงและการสื่อสารด้วยความสัตย์!”

หลังจากหยุดคิดอยู่พักหนึ่ง แกสตันพยักหน้า “เอาละ ข้าแค่กังวลว่าการอภิปรายครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะยิ่งทำให้ลูเซียนตกอยู่ในอันตราย”

“ให้ลูเซียนย้ายมาอยู่บ้านตรงกลางระหว่างบ้านเราสิ” ราเวนติตอบอย่างรวดเร็ว “แต่ก่อนหน้านั้น ข้าต้องคุยกับผู้นำดรูอิดให้ตรวจสอบความถูกต้องของส่วนแรกในบทความของลูเซียนเสียก่อน พวกเขาจะได้หวังเรื่องเพิ่มผลผลิตธัญพืช”

“อีวานส์ ตอนนี้ เจ้าเข้าใจความสำคัญของ ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ ในสำนักศาสตร์มืดหรือยัง?” วูดส์ใช้เวลากว่าสิบนาทีในการอธิบายทฤษฎีนี้ให้ลูเซียนฟัง

ลูเซียนได้แต่แสร้งทำท่าทาง ‘อ๋อหรือ’ “ขอรับ ขอบคุณมาก ท่านวูดส์ เนื่องจากข้าเชี่ยวชาญในสำนักเวทธาตุและโหราศาสตร์ ข้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยจริงๆ ยิ่งความเข้าใจถึงความสำคัญของทฤษฎีในประวัติศาสตร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย แต่ ท่านวูดส์ ข้ายังไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกับการทดลองสังเคราะห์คาร์บาไมด์ของข้า?”

“…” วูดส์หมดคำจะพูด ประโยคที่ลูเซียนพูดออกมาพิสูจน์ว่าเขามีภูมิหลังมาจากเวทมนตร์โบราณจริงๆ เนื่องจากเขาไม่มีความรู้พื้นฐานในระบบเวทมนตร์ร่วมสมัยเลย

“เอาละ…” วูดส์พยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุด “คาร์บาไมด์เป็นองค์ประกอบที่มีชีวิต… หรือจะบอกว่า คนส่วนใหญ่ถือว่าคาร์บาไมด์เป็นองค์ประกอบของชีวิต คำว่าองค์ประกอบของชีวิตนี้ก็ไม่มีคำนิยามชัดเจนหรือกนะ”

ลูเซียนพูดด้วยอารมณ์ขัน “ท่านวูดส์ นั่นหมายความว่าบทความของข้าบังเอิญไปล้มล้าง ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ อย่างนั้นหรือขอรับ? บทความของข้าจะได้คะแนนสูงไหม? หรือบางที ข้าจะมีสิทธิได้ ‘รางวัลบัลลังก์นิรันดร’ ด้วยไหมขอรับ?…”

“ตอบยากนะ เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ในบทความของเจ้า นักเวทสำนักศาสตร์มืดหัวดื้อบางคนอาจไม่ยอมรับว่าคาร์บาไมด์เป็นองค์ประกอบชีวิต” วูดส์ขมวดคิ้ว เนื่องจากเขาเองก็เชื่อในทฤษฎีนี้เช่นกัน “ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่ได้มองไปถึงการคว้ารางวัลบัลลังก์นิรันดรหรือกนะ แต่จะคอยระวังตัวหลังจากข่าวเรื่องนี้สะพัดไปทั่วในวันพรุ่งนี้ เจ้าก็น่าจะรู้ พวกนักเวทศาสตร์มืดดื้อด้านบ้าๆ พวกนั้นอาจจะ…”

“ข้าจะพักอยู่ในคฤหาสน์นี้ไปอีกหลายวัน เลยได้อยู่ใกล้กับท่านราเวนติและท่านแกสตัน” ลูเซียนตอบ “ท่านวูดส์ ท่านยังจะตีพิมพ์บทความชิ้นนี้ไหมขอรับ?”

“แน่นอน บทความชิ้นนี้จะเป็นเรื่องแรกในวารสารอาร์คานาสามัญฉบับหน้า ข้าคิดว่าคงมีบทความออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทดลองของเจ้าตามมาอีกมาก เราคงสามารถรวบรวมบทความพวกนั้นและใส่ไว้ในวารสารด้วยเหมือนกัน” วูดส์วางแผนอย่างชาญฉลาด

ตอนนั้นเอง เสียงของราเวนติก็ดังลอยมาจากด้านหลังประตู “เจ้าอยู่ในห้องไหม อีวานส์?”

“ขอรับ?” เมื่อนึกถึงแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์และอาร์คานาศาสตร์ที่เขายังทำไม่เสร็จ ลูเซียนเปิดประตูอย่างอิดออด

ราเวนตินยังอยู่สวมเสื้อคลุมเวทสีดำ ซึ่งบนเสื้อคลุมของเขามีสัญลักษณ์ธาตุเรียงลำดับกันใหม่ “แกสตัสกับข้าได้อ่านบทความของเจ้าแล้ว คะแนนรวมจากคณะกรรมการตรวจสอบอาร์คานาก็ส่งกลับมาแล้ว แต่เรารีบไปกันที่ห้องข้างๆ ห้องข้าดีกว่า”

“ขอรับ” ลูเซียนรีบพยักหน้า แล้วเขาก็เริ่มอ่านผลการให้คะแนน “บทความชิ้นนี้ประสบความสำเร็จในการนำเสนอทางออกที่หลากหลายต่อคำถามที่ว่าผลิตภัณฑ์เล่นแร่แปรธาตุสามารถบำรุงการเจริญเติบโตของต้นไม้ได้หรือไม่และอย่างไร? เพราะฉะนั้น แนวคิดนี้มีความสำคัญและจะได้รับความนิยมไปทั่ว การทดลองต่างๆ ที่ออกแบบและนำเสนอในบทความชิ้นนี้ การทดลองที่ว่าด้วยการสังเคราะห์คาร์บาไมด์แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ทฤษฎีโบรารณ ‘ทฤษฎีพลังชีวิต’ อาจไม่ถูกต้อง และนี่เป็นการล้มล้างทฤษฎี ซึ่งส่งผลให้บทความชิ้นนี้ควรค่าแก่การอภิปรายต่อไปอย่างยิ่ง โดยสรุป บทความชิ้นนี้เป็นจุดเปลี่ยนและมีค่าอย่างยิ่งยวด ดังนั้น ขอมอบค่าชื่อเสียงห้าสิบคะแนน และคะแนนอาร์คานาสามร้อยคะแนนให้กับผู้เขียน”

“บทความทั้งสามชิ้นของเจ้าได้รับการยกย่องทุกชิ้น” วูดส์พูดด้วยค่อนข้างน้ำเสียงมีอารมณ์  ในฐานะจอมเวทที่ใกล้เลื่อนขั้นเป็นระดับห้า บทความมากมายที่เขายื่นต่อคณะกรรมการมีเพียงไม่กี่ชิ้นที่ได้รับคำชื่นชมระดับนี้ ไม่เหมือนกับของลูเซียน วูดส์จึงรู้สึกเศร้าอยู่ในที

หลังจากนั้นสักพักหนึ่ง เขาก็กลับมาให้กำลังใจตัวเองและถามออกไป “โครงการวิจัยจะเดินหน้าต่อไหมขอรับ? ฟังดูเหมือนท่านยังอยู่ที่นี่อีกสามสามวัน ท่านราเวนติ”

“ใช่สิ มัลฟิวเรียนตัดสินใจส่งพวกดรูอิดกลับไปก่อน ส่วนเขากับดรูอิดที่เหลือจะอยู่ต่อเพื่อพิสูจน์ว่าผลิตภัณฑ์เล่นแร่แปรธาตุที่ค้นพบในบทความของลูเซียนจะแก้ปัญหาได้จริงๆ หรือไม่” ราเวนติตอบด้วยสีหน้าค่อนข้างจริงจัง เนื่องจากมัลฟิวเรียนประกาศไว้ชัดเจนว่าพวกเขาจะไม่ให้ความร่วมมือกับจอมเวทในการปล่อยให้ศึกษา ‘จิตแห่งธรรมชาติ’ อีกต่อไป

“แต่ว่า ท่านเจ้าแห่งวายุ และท่านหญิงแฮททาเวย์ หลังจากได้อ่านบทความของลูเซียน มีคำตัดสินออกมาว่าจอมเวทที่เข้าร่วมการอภิปรายจะได้รับค่าชื่อเสียงเพิ่ม และบทความที่ถูกอ้างอิงในการอภิปรายก็ยังได้รับค่าชื่อเสียงจากการอ้างอิงอีกนะขอรับ”

ความสำคัญอย่างยิ่งยวดที่อยู่ภายใต้ตารางธาตุยังคงต้องการเวลาอีกกว่าจะค้นพบ และการก่อตั้งสาขาวิชาใหม่ก็ต้องการเวลาเช่นกัน ดังนั้น ผลความสำเร็จจากตารางธาตุก็ยังไปไม่ถึงไหน

ขณะเดียวกัน การล้มล้างทฤษฎีเก่าและโบราณอาจมีความสำคัญยิ่งกว่าเป็นไหนๆ

ช่วงเช้าตรู่ของวันที่สอง ‘เมนชากย์’ นักเวทศาสตร์มืดจากองค์กรหัตถ์ไร้ชีวา กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ของโครงการวิจัยอยู่โดยมีจานขนมปังทาเนยวางอยู่ตรงหน้า

ในฐานะสมาชิกอาวุโสของหัตถ์ไร้ชีวา เมนชากย์มีอายุเกือบสี่ร้อยปี และเขาได้เข้าสู่การมอบชีวิตเป็น ‘จอมเวทอสูร’ ไปแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องกินเพื่ออยู่ แต่เขาเลือกที่จะกินเพื่อความพอใจ เมนชากย์เป็นจอมเวทระดับห้า นักเวทศาสตร์มืดระดับเจ็ด และในโครงการวิจัยที่ทำงานร่วมกับดรูอิด เขาก็รับผิดชอบกลุ่มวิจัยกลุ่มหนึ่ง

“วิธีการผลิตขนาดใหญ่สำหรับผลิตภัณฑ์เล่นแร่แปรธาตุที่เป็นประโยชน์ที่พบในการทดลองปลูกข้าวโอ๊ตและการอภิปรายว่าด้วยการใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม?” บทความชิ้นนี้ดึงดูดความสนใจของเมนชากย์ได้ในทันที เนื่องจากเขาสงสัยว่าพวกนักเวทจาก ‘เจตจำนงแห่งธาตุ’ คิดค้นอะไรได้บ้าง แม้ว่านักเวทศาสตร์มืดเองก็มีการพัฒนาเหมือนกัน เช่น การใช้พลังชีวิตกระตุ้นการเจริญงอกงามของต้นไม้ หรือการใช้ผีดิบช่วยในการทำไร่ วิธีการพวกนี้ยังไม่ได้รับความนิยม

หลังจากอ่านบทความชิ้นนี้ไปสักพักใหญ่ มือที่มีแต่โครงกระดูกกับชั้นผิวหนังบางๆ ห่อหุ้มไว้ของเมนชากย์ก็สั่นเทา

……………………..