พลังของเกาทัณฑ์ดับตะวัน
“อืม ผู้เฒ่าอยู่กับข้ามาเนิ่นนานแล้ว…”
ฟ่านเฉวียนพยักหน้า กล่าวเล่าความหลัง “เมื่อร้อยปีก่อนตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก สมัยที่ข้ายังเป็นนายน้อยของตระกูลใหญ่ในพื้นที่ปกครองของสำนักจันทร์จรัสแสง…ผู้เฒ่าก็เป็นผู้ที่คอยดูแลติดตามอยู่ข้างกายข้า คอยดูแลสารทุกข์สุกดิบของข้าทุกเรื่อง…”
“หลังจากนั้นพอข้าย้ายมาอยู่ที่สำนักจันทร์จรัสแสง ผู้เฒ่าก็ติดตามมาดูแลข้า…”
วาจาท้ายประโยคนั้น ใบหน้าแววตาของฟ่านเฉียนก็เผยความอ่อนโยนไม่น้อย
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เรื่องราวก็เป็นดั่งที่เขาคิดไว้
ต้วนหลิงเทียนปฏิเสธคำเชิญชวนให้พักอยู่ต่อที่คฤหาสน์ของฟ่านเฉียน ก่อนที่จะลาอีกฝ่ายกลับฝ่ายนอก
เมื่อมาถึงบ้านเดี่ยวพร้อมลานส่วนตัวของเขา ก็พบว่ามีคนมายืนเฝ้ารอเขาอยู่หน้าบ้าน
เห็นร่างที่ยืนรออยู่ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแววจ้าคราหนึ่ง ค่อยยิ้มทัก “ไง ฉงหู่”
“ศิษย์พี่ต้วน”
ได้ยินเสียงทักของต้วนหลิงเทียน ฉงหู่ที่ยืนเหม่อรอคอยพลันเผยความตื่นเต้นทันที “ข้ามิคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตมากมายขนาดนี้ตอนที่ข้าปิดด่านบ่มเพาะ…ศิษย์พี่ต้วนท่านจะร้ายกาจเกินไปแล้ว! ตอนนี้ท่านนับว่าเป็นความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมืองชงซันเรายิ่ง!!”
เห็นได้ชัดว่าหลังออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ ฉงหู่ก็ได้รับทราบเรื่องราวความเป็นไปในช่วงที่ผ่านมาหมดแล้ว
กำจัดเฝิงฟ่าน เอาชนะศิษย์ฝ่ายใน ทุบตีกรรโชกทรัพย์เฮ่อจง!
ตอนที่มันได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรก มันถึงกับอ้าปากค้างสองตาโตเท่าลูกวัว
เห็นฉงหู่ตื่นเต้นคึกคัก ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆกล่าว “ฉงหู่ ครั้งสุดท้ายที่ข้าแวะไปหาเจ้าก็พบว่าเจ้าปิดด่านบ่มเพาะอยู่…ในเมื่อเจ้าออกมาแล้ว ข้าก็จะได้ส่งคะแนนอุทิศที่ครูฝากมาให้เจ้าเสียที”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว พร้อมยกมือขึ้นเรียกบัตรแก้วออกมา
“ศิษย์พี่ใหญ่ คะแนนอุทิศนั่นท่านเก็บไว้ใช้เองเถิด”
ฉงหู่ยิ้ม
“เจ้าแน่ใจเหรอว่าจะให้ข้าเก็บไว้? หรือเจ้าไม่คิดฝึกวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นอะไรแล้ว? แล้วเจ้าจะเอาอะไรไปสู้หากหลิวฮ่วนส่งคนไประรานเจ้า?”
ต้วนหลิงเทียนมองจี้ถามฉงหู่ ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะหน้าม้านไปทันที
ก่อนหน้านี้มันไม่ได้คิดอะไรให้ถี่ถ้วน
มันคิดเพียงว่าคะแนนอุทิศนี้หากอยู่ในมือต้วนหลิงเทียจะมีประโยขน์กว่าอยู่กับมัน
“ส่งบัตรมาเร็วๆ ลูกผู้ชายยังจะพิรี้พิไรทำอะไร มาเอาไปเสีย”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยความหงุดหงิดเมื่อเห็นทีท่าเหนียมอายของชายร่างใหญ่ปานหมีควาย
ฉงหู่ยิ้มเจื่อนๆค่อยส่งบัตรแก้วออกมา
อย่างไรก็ตามเมื่อมันเห็นจำนวนคะแนนอุทิศที่ต้วนหลิงเทียนถ่ายโอนมาให้ มันก็ตกใจจนร้องโพล่งออกมา “เฮ่ย ศิษย์พี่ต้วน นี่มิใช่แล้ว! ข้าจำได้ว่าท่านอาจารย์ฝากคะแนนอุทิศมาให้ข้าแค่ 20,000 แต้มมิใช่หรือไร..ไฉนท่านโอนมา 250,000 แต้มเล่า!?”
“เหอะๆ คะแนนอุทิศแค่ 20,000 แต้มเจ้าจะเอาไปทำอะไรได้? ด้วยคะแนนอุทิศ 250,000 แต้มนี่เจ้าสามารถซื้อศาสตราเซียนระดับปฐพีที่มีอาคมเซียน 2 ดาว ทั้งยังฝึกวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นได้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ที่ข้าช่วยเจ้าได้ก็มีแค่เรื่องนี้…ส่วนคะแนนอุทิศที่เจ้าจะไว้ใช้จ่ายเพื่อยืมอ่านป้ายวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นบทที่เหลือเจ้าต้องหาเอง”
“ศิษย์พี่ต้วน”
ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน น้ำตาฉงหู่ก็คลอเบ้าขึ้นมาทันที เห็นชัดว่ามันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนคิดช่วยเหลือมัน ทำให้ตื้นตันซาบซึ้งไม่น้อย
ศาสตราเซียนระดับปฐพีที่มีอาคมเซียน 2 ดาวจารึกไว้ ให้เป็นอาจารย์ของมันอย่างฟางฮุ่ยก็เกรงว่าจะไม่มีใช้ด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องทำซึ้ง รีบๆไปหาซื้อของที่ศาลาอุทิศไป”
หลังจากกล่าวจบต้วนหลิงเทียน ก็เดินเข้าบ้านทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มร่างหนาปานหมีควายอย่างฉงหู่ยืนซึ้งอยู่ลำพัง
เรื่องคะแนนอุทิศจำนวนมากที่ให้ฉงหู่ไปเขาก็คิดไว้แต่แรกแล้ว
ตอนนี้ในสำนักจันทร์จรัสแสงรู้กันทั่วว่าเขามีเรื่องบาดหมางกับอาวุโสฝ่ายในหลิวฮ่วนขนาดไหน…หากหลิวฮ่วนพบว่าไม่อาจจัดการเขาได้ง่ายๆ ไม่พ้นต้องเบนเข็มไปเล่นงานพวกฉงหู่กับหลิวอวิ๋นแน่นอน!
หากฉงหู่กับหลิวอวิ๋นไม่มีแม้แต่ความสามารถในการป้องกันตัวเองได้ มิแคล้วต้องพบพานจุดจบอันอนาถ!
ด้วยรู้ดีว่าหลิวฮ่วนคงยากจะปล่อยคนของจวนเจือเมืองชงซันไปได้ง่ายๆ ต้วนหลิงเทียนจึงคิดตัดไฟแต่ต้นลม เร่งส่งเสริมให้ฉงหู่กับหลิวอวิ๋นมีกำลังมากพอ
และอีกเหตุผลหนึ่ง ก็เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้ฉงหู่กับหลิวอวิ๋นพาลประสบเคราะห์เพราะเขาเป็นต้นเหตุ
ป๋ายลี่หงกล่าวบอกไว้ว่าการจารึกอาคมเซียนลงบนสายเกาทัณฑ์จำต้องใช้เวลา 3 วัน เช่นนั้นใน 3 วันที่ต้องเฝ้ารอต้วนหลิงเทียน จึงไปขยันฝึกปรือบนชั้น 2 ของศาลาอุทิศอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
ช่วงที่เขาฝึกเป็นเวลา 9 วันในเจดีย์ โลกภายนอกก็ล่วงเลยไปครบ 3 วันพอดี
คราวนี้ต้วนหลิงเทียนไปยังคฤหาสน์ของป๋ายลี่หงด้วยตัวเอง
“เอ้านี่ ศาสตราเซียนของเจ้า”
ป๋ายลี่หงยื่นส่งเกาทัณฑ์ดับตะวันคืนให้ต้วนหลิงเทียน และมันรู้ดีว่าของใหม่จำต้องลอง จึงพาต้วนหลิงเทียนไปยังลานฝึกหลังคฤหาสน์ พอดีกันกับในลานนั้นมีหินใหญ่อยู่ก้อนนึง และมันมิใช่หินธรรมดาๆทั่วไป
“ด้วยพลังของเกาทัณฑ์เจ้า แม้จะมีอาคมเซียนทะลวงเกราะ…ข้าก็กลัวว่าจะไม่พอที่จะยิงทะลุหินก้อนนี้ได้”
เมื่อป๋ายลี่หงเห็นต้วนหลิงเทียนคิดใช้หินใหญ่เป็นเป้า ก็กล่าวเตือนออกมา
หินใหญ่ก้อนนี้เป็นหินที่ไม่ธรรมดาอยู่บ้างในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เมื่อหลอมสกัดสายแร่โลหะที่แฝงในหินก้อนนี้ออกมา โลหะดังกล่าวสามารถเอาไปหลอมสร้างศาสตราเซียนได้!
แน่นอนว่ายังหลอมได้แค่ศาสตราเซียนระดับมนุษย์เท่านั้น
แต่ถึงกระนั้นคิดจะเจาะทะลวงหินใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!
ได้ยินคำกล่าวของป๋ายลี่หงต้วนหลิงเทียนยังคงเงียบ เพียงยกเกาทัณธ์ดับตะวันขึ้นมาเล็ง
มือขวาเขาเร่งเร้าปราณแท้ควบรวมเป็นลูกธนูพลังมีสภาพ ก่อนที่จะไปขึ้นสายน้าวศร
“นี่น่ะเหรออาคมเซียน เจาะทะลวง?”
ในขณะที่น้าวสายเกาทัณฑ์ต้วนหลิงเทียนก็มองไปยังลวดลายจารึกบนสายเกาทัณฑ์ที่แลเห็นลางๆ แต่เขาก็รู้ดีว่ามันคืออาคมเซียนระดับ 3 ดาว เจาะทะลวง ที่ป๋ายลี่หงจารึกให้เขา
ไร้ซึ่งความลังเลใดๆต้วนหลิงเทียนถ่ายปราณแท้สู่สายเปิดใช้อำนาจของอาคมเซียนเจาะทะลวงทันที
ทันใดนั้นอาคมเซียนเจาะทะลวงก็เริ่มสำแดงอานุภาพ
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ชัดว่ามีพลังอำนาจลึกลับขุมหนึ่งหลั่งไหลเข้ามาผสานควบรวมเข้ากับลูกเกาทัณฑ์พลังมีสภาพ กลิ่นอายทะลุทะลวงหนึ่งแผ่ซ่านออกมาให้สัมผัส
ลูดลมหายใจเข้าลึกๆ ต้วนหลิงเทียนพยายามน้าวสายเกาทัณฑ์ด้วยพลังทั้งหมด
เอียดด! เอียยดดด!!
……
สายธนูส่งเสียงตึงเปรี๊ยะ ได้ยินชัดถนัดหู
ป๋ายลี่หงที่อยู่ข้างๆก็ยืนดูชมอย่างตั้งใจ
มันเองก็อยากรู้นักว่าพลังฝีมือของผู้ที่กำลังดังกระฉ่อนไปทั่วฝ่ายนอกฝ่ายในตอนนี้เป็นอย่างไร อีกทั้งพลังอำนาจของเกาทัณฑ์นั่นยามเสริมอาคมเจาะทะลวงมันจะแน่สักแค่ไหน!
เกาทัณฑ์เริ่มโค้ง สายถูกดึงจนขึงตึง แผ่นหลังต้วนหลิงเทียนเองก็เริ่มสั่น สภาวะคนคล้ายกลับกลายเป็นเกาทัณฑ์
ทันใดนั้นตัวเกาทัณฑ์ก็เริ่มสั่นไหวอย่างแรง
พริบตาต่อมามือนิ้วที่คีบศรปล่อยออก ศรพลังมีสภาพฉาบอาคมเจาะทะลวงก็ประหนึ่งจะวูบทะลุความว่าง! กลับกลายเป็นประกายแสงสายหนึ่งสว่างวาบพุ่งชำแรกเนื้อหินจมหายไปในพริบตา สุดท้ายยังทะลุผ่านหินใหญ่ไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ทิ้งไว้แค่รูโบ๋อันน่ากลัว!!
สึบ!
ทว่าก่อนที่ป๋ายลี่หงจะทันได้ตกใจอะไร มันก็ได้ยินเสียงทะลวงจนทะลุอีกครั้ง
มิคาดเกาทัณฑ์นั่นไม่เพียงทะลุหินใหญ่อันแข็งแกร่ง มันยังพุ่งละลิ่วออกไปจนทะลุกำแพงกั้นเขตคฤาสน์ พ้นไปด้านนอก
“โอ๊ยยยย!!”
ทันใดนั้นพลันมีเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นจากนอกเขตคฤหาสน์ นำพาให้ต้วนหลิงเทียนกับป๋ายลี่หงหน้าเหวอทันใด “ฉะ…ฉิบหาย มีคนถูกข้ายิงงั้นเหรอ!?”
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนกับอึ้งค้างตาปริบๆ ใครกันที่มันโชคร้ายถึงขนาดนี้!
ทว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าคิดมากสืบไป เร่งพุ่งร่างออกไปชมดูเรื่องราวด้านนอกที่ริมกำแพงทันที จนได้เห็นว่ามีศิษย์ฝ่ายในผู้หนึ่งคล้ายถูกลูกเกาทัณฑ์ปักที่หัวเข่า เร่งเดินลากเท้าออกห่างจากเขตคฤหาสน์ของอาวุโสป๋ายลี่หงอย่างหวาดกลัว
คล้ายมันไม่กล้าสร้างปัญหาหรือความรำคาญอะไรให้ป๋ายลี่หง
‘ดูเหมือนว่าฐานะของอาวุโสป๋ายลี่หงในสำนักจันทร์จรัสแสงจะไม่ธรรมดาแล้วจริงๆ ขนาดถูกลูกหลงจนขาเป๋แบบนั้นยังไม่กล้ามาหาความ’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว
เรื่องนี้เขาเองก็เข้าใจได้ไม่ยาก
ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวนั้น มีคุณค่าอย่างสูงกระทั่งขุมพลังชั้น 6 แน่นอนว่าให้เป็นเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงเองก็ยังต้องเกรงใจป๋ายลี่หง
ไม่ต้องกล่าวถึงระดับต่ำกว่านั้น
ศิษย์ฝ่ายในคนนั้นไม่พ้นคงเป็นศิษย์ของอาวุโสฝ่ายในที่อยู่แถวๆนี้เป็นแน่ แม้มันจะรู้สึกไม่เป็นธรรมอยู่บ้างที่เดินอยู่ดีๆก็ถูกทำร้าย
แต่ในฐานะศิษย์ของอาวุโสฝ่ายในมันย่อมรู้ดีว่าป๋ายลี่หงไม่ใช่คนที่มันหรืออาจารย์ของมันจะตอแยด้วยได้
เมื่อต้วนหลิงเทียนย้อนกลับมาจากริมกำแพงกลับมายังลานฝึก เขาก็พบว่าป๋ายลี่หงยืนอึ้งอยู่กับที่ สายตาอีกฝ่ายที่มองมายังเขาทำราวกับเห็นตัวประหลาด
“อาวุโสป๋ายลี่ สมแล้วที่ท่านเป็นปรมาจารย์จารึกเซียน 3 ดาว อาคมเซียนเจาะทะลวงระดับ 3 ดาวนี่ช่างมีอำนาจทะลุทะลวงสูงเหลือเกิน!”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวอุทานออกมาด้วยความชมเชย
ดอกศรนั่นไม่เพียงแต่จะเจาะทะลุหินใหญ่ที่แลดูแข็งแกร่งนี่ได้ง่ายๆ ยังเจาะทะลุกำแพงไปทำร้ายศิษย์ฝ่ายในได้แบบนี้!
“นี่เจ้า…ใช้ผู้ฝึกยุทธ์หลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบแน่หรือ?”
อย่างไรก็ตามป๋ายลี่หงไม่ได้ตอบรับคำชมต้วนหลิงเทียน พองมองถามต้วนหลิงเทียนอย่างอึ้งๆ
“อะไรกันอาวุโสป๋ายลี่ท่านไม่เชื่อหรือ งั้นท่านไม่ลองใช้ทักษะวิญญาณลี้ลับตรวจพลังฝึกปรือของข้าเพื่อยืนยันดูเองเลยเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา
อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้เสมือนทุ่มหินทับเท้าตัวเองไม่มีผิด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันร้ายกาจขุมหนึ่งแผ่พุ่งออกมาจากร่างป๋ายลี่หง ครอบคลุมชำแรกตรวจสอบเขาไปทั่วทั้งร่าง จนเขารู้สึกเสมือนยืนเปล่าเปลือย
จังหวะนี้คล้ายเขาไม่หลงเหลือความลับใดๆที่สามารถปกปิดได้อีก
ต้วนหลิงเทียนพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง เขาเพียงกล่าวหยอกป๋ายลี่หงเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะบ้าจี้ตรวจสอบพลังฝึกปรือเขาจริงๆ!
ทว่าเขาไม่อาจโกรธเคืองอะไรได้
เพราะสุดท้ายแล้วเขาดันเป็นฝ่ายกล่าวชี้นำป๋ายลี่หงเอง เช่นนั้นคำทุ่มหินทับเท้าจึงเหมาะสมแล้ว
“เป็นหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบจริงๆด้วย! เจ้าหนุ่ม..เจ้ามันตัวประหลาดแท้ๆ!!”
ป๋ายลี่หงสูดลมหายใจเข้าอย่างตื่นตระหนก ค่อยกล่าวพึมพำออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
จังหวะนี้เรื่องอาจารย์แสนร้ายกาจที่ต้วนหลิงเทียนอุปโลกน์ขึ้นมาก็พลันมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน!
หากไม่มีอาจารย์ที่ลึกลับและร้ายกาจพรรค์นั้นสั่งสอน ไฉนศิษย์จึงเป็นตัวประหลาดเช่นนี้ได้?
ความคิดของป๋ายลี่หงก็เรียบง่ายตรงไปตรงมานัก
“อาศัยพลังฝีมือของเจ้าในตอนนี้น่ากลัวว่าต่อให้เป็นอันดับต้นๆในรายนามปฐพีเจ้าก็สามารถเอาชนะได้มิยาก…แถมหากเจ้าทะลวงไปถึงหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ได้เมื่อใด เกรงว่ากระทั่งอันดับ 1 ในรายนามปฐพีจำต้องเสียตำแหน่งแล้ว”
ป๋ายลี่หงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน
“อาวุโสป๋ายลี่มั่นใจในตัวข้าเกินไปแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มกริ่มออกมารับคำชม
“เพ่ย! ข้าเชื่อมั่นในอาคมเซียนที่ข้าจารึกต่างหาก!!”
ป๋ายลี่หงโพล่งคำแก้เขินเล็กน้อย แน่นอนว่ามันไม่กล้ากล่าวยอมรับออกมาตรงๆ
อย่างไรก็ตามพอคิดถึงเรื่องที่มันต้องจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวอย่างอาคมเซียนเจาะทะลวงให้อีกฝ่ายเปล่าๆ ใจมันก็รู้สึกเสมือนหลั่งเลือด
อาคมเซียนระดับ 3 ดาวนั้น ลำพังแค่วัตถุดิบสิ่งของที่ต้องใช้ในการจารึกขึ้นมา ต้นทุนก็ปาเข้าไป 200,000 – 300,000 คะแนนอุทิศของสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว!
เกรงว่าหากต้วนหลิงเทียนได้ยินความในใจของป๋ายลี่หง เขาคงอดไม่ได้ที่จะก่นด่า…
อาคมเซียนระดับ 3 ดาวของท่าน ต้นทุนในการจารึกก็แค่ 2-3 แสนคะแนนอุทิศ แต่ท่านนำไปขายเป็นล้าน! กระทั่งอีกายังไม่ดำเท่าใจท่าน!!
“อาวุโสป๋ายลี่ท่านจะชี้แนะเต๋าแห่งการจารึกอาคมเซียนให้ข้าวันนี้เลยหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามพร้อมกระพริบตาปริบๆ
“ในเมื่อข้าสัญญากับเจ้าแล้วคำไหนย่อมเป็นคำนั้น…อย่างไรก็ตามเจ้ามิอาจร่ำเรียนเต๋าแห่งการจารึกอาคมเซียนได้เพียงเพราะเจ้าอยากเท่านั้น เรื่องนี้ย่อมขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับผล…”
ป๋ายลี่หงกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียน