ตอนที่ 1477

War sovereign Soaring The Heavens

ปากกาจารึกระดับ 9 ดาว!

 

ศาสตร์แห่งการจารึกอาคมเซียนนั้นมิใช่อยากเรียนรู้ก็เรียนรู้ได้?

 

ขึ้นอยู่กับความสามารถและพรสวรรค์?

 

เตรียมตัวเตรียมใจรับผล?

 

ได้ยินวาจากล่าวเตือนเหล่านี้ของป๋ายลี่หง ต้วนหลิงเทียนลอบหัวเราะในใจ

 

เขาสืบทอดศาสตร์แห่งการจารึกอาคมมาจากจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด และศาสตร์แห่งการจารึกอาคมนั้น เขาพบแล้วว่ามันก็ละม้ายคล้ายกับการจารึกอาคมเซียน การร่ำเรียนเต๋าแห่งการจารึกอาคมเซียนนั้น เขาไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ เพียงแค่ต้องการเรียนรู้ถึงพื้นฐานการจารึกอาคมเซียนเท่านั้น

 

ตราบใดที่ ‘สะพาน’ เชื่อมการจารึกอาคมกับการจารึกอาคมเซียนได้ถูกสร้างขึ้นมา เขาเชื่อว่าเขาสามารถกลายเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนต้นแบบ ที่โดดเด่นได้!

 

ตลอดเดือนต่อมาต้วนหลิงเทียนก็พักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ของป๋ายลี่หง และร่ำเรียนการจารึกอาคมจากป๋ายลี่หงอย่างตั้งใจ

 

ในตอนแรกป๋ายลี่หงก็ไม่ได้มองต้วนหลิงเทียนในแง่ดีเดี่ยวกับการจารึกอาคมเซียน

 

เพราะสุดท้ายแล้วพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ของต้วนหลิงเทียนนับว่าสูงล้ำจนมันหวาดกลัว ในสายตาของมัน…ในเมื่อฟ้าประทานพรสวรรค์ในการต่อสู้มาให้ต้วนหลิงเทียนขนาดนี้แล้ว ความสามารถในการจารึกอาคมเซียนของต้วนหลิงเทียนคงไม่มีมากนัก

 

อย่างไรก็ตาม ความจริงที่เกิดขึ้นกลับตบหน้ามันดังฉาด และมันอดขบขันตัวเองเสียไม่ได้ที่คิดอย่างนั้นในตอนแรก

 

โลกหล้าไหนเลยมีผู้มากพรสวรรค์พรรค์นี้ได้!!

 

ในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือน ต้วนหลิงเทียนก็สามารถจารึกอาคมเซียนระดับ 1 ดาวได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว! อีกทั้งจากที่มันค้นพบ หากไม่ใช่เพราะพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนยังอ่อนแอเกินไป การที่ต้วนหลิงเทียนจะจารึกอาคมเซียนระดับ 2 ดาวได้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก!

 

ตลอดเดือนนี้ต้วนหลิงเทียนทำให้มันตกใจแทบตาย

 

เริ่มจากการไม่รู้อะไรเลย มิคาดเณรน้อยกลับกลายเป็นมหาเถระได้ในระยะเวลาแค่เดือนเดียว กระทั่งยังมีแนวคิดอันอัศจรรย์นัก

 

บางครั้งแนวทางที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา กลับเป็นการเปิดโลกให้ป๋ายลี่หง จนไปๆมาๆป๋ายลี่หงรู้สึกว่าตัวมันเสมือนมือใหม่หัดจารึกแต่ต้วนหลิงเทียนเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนอันร้ายกาจที่กำลังชี้แนะมันแทน…

 

มันรู้สึกว่าเรื่องราวช่างน่าเหลือเชื่อนัก ทว่าทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว!

 

‘จารึกอาคมเซียน…หรือจารึกอาคมธรรมดา ล้วนเหมือนกัน!’

 

ต้วนหลิงเทียนค้นพบสะพานเชื่อมศาสตร์การจารึกอาคมและการจารึกอาคมเซียนได้หลังจากร่ำเรียนได้ 10 วัน และในเวลาแค่ 20 วัน ต้วนหลิงเทียนก็ข้ามสะพานดังกล่าวและเริ่มทำความเข้าใจทุกสิ่งด้วยตัวเอง และไม่กี่วันหลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ค้นพบความเหมือนในความแตกต่าง

 

หลังจากนั้นอีกแค่ไม่กี่วันเขาก็ถึงขั้นประยุกต์ใช้องค์ความรู้ของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด จนดัดแปลงอาคมทั้งหลายในความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดให้กลายเป็นอาคมเซียนได้สำเร็จ!

 

แน่นอนว่าอาคมจารึกที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดแตกฉานมันมีมากมายมหาศาลนัก รากฐานแน่นหนาสามารถต่อยอดแตกแขนงได้นับหมื่นพัน ให้กล่าวทั้งวันก็ไม่จบสิ้น!

 

ในตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจอาคมเซียนระดับ 2 ดาวและ 3 ดาว ไม่ว่าจะเป็นอาคมสลาตัน อาคมพันทวี หรืออาคมเจาะทะลวง เขาล้วนแตกฉานแล้วทั้งสิ้น เขายังประยุกต์เคล็ดจารึกของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดได้สำเร็จ จนสามารถใช้พวกมันจารึกอาคมเซียนเหล่านี้ได้มีประสิทธิภาพ

 

แน่นอนว่าวัตถุดิบหลักที่ต้องใช้ในการจารึกอาคม ที่ต้องแปรรูปให้กลายเป็นของเหลวอย่าง ‘น้ำหมึก’ นั้น ก็มีรูปแบบการจัดการเหมือนในกาลก่อนไม่มีผิด

 

ควบคุมของเหลวเหล่านั้นด้วยพลังวิญญาณ ใช้ปากกาจารึกวาดเขียนอักขระประหนึ่งสร้างวงจรพลัง!

 

อนิจจาด้วยระดับพลังวิญญาณของเขาในตอนนี้ เพียงจารึกอาคมเซียนได้แค่ระดับ 1 ดาวเท่านั้น

 

หากเขาคิดจะจารึกอาคมเซียนระดับ 2 ดาว เขาจำต้องทะลวงผ่านไปยังขอบเขตสู่เซียนเสียก่อน ถึงตอนนั้นพลังวิญญาณเขาจะยกระดับจนมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะจารึกอาคมเซียนระดับ 2 ดาวได้!

 

‘ตลอดเดือนที่ผ่านหลังจากได้เรียนรู้ศาสตร์การจารึกอาคมเซียน ตอนนี้ข้าสามารถเปลี่ยนทุกอาคมที่เคยรู้จักให้เป็นอาคมเซียนได้แล้ว…ขอเพียงข้ามีพลังวิญญาณสูงพอ ข้าจะจารึกอาคมเซียนเหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นตามเคล็ดแปลงพลังบรรจบสรรพสิ่งเกื้อหนุนของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด!’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว

 

สถานการณ์ของเขาตอนนี้กลับกลายเป็นอย่างตอนที่อยู่ทวีปเมฆาล่องอีกครั้ง

 

ในตอนที่เขาอยู่ทวีปเมฆาล่องนั้น ขอเพียงพลังวิญญาณเขาสูงถึงเกณฑ์ เขาจะสามารถจารึกอาคมที่มีระดับเดียวกันกับพลังวิญญาณได้ทันที!

 

“อาวุโสป๋ายลี่ ขออภัยด้วยตลอดเดือนที่ผ่านมาข้าลำบากท่านแล้ว…”

 

เมื่อร่ำเรียนครบ 1 เดือนต้วนหลิงเทียนก็ประสานมือกล่าวขอบคุณป๋ายลี่หงจากใจ และถึงเวลาแล้วที่ต้วนหลิงเทียนจะต้องจากคฤหาสน์หลังนี้ไป

 

“ลำบากอันใดกัน…ต้วนหลิงเทียนข้ายอมรับนับถือเจ้านัก พรสวรรค์ในการจารึกของเจ้า ก้าวล้ำไปไกลจนเกินกว่าที่ข้าจะเทียบได้!”

 

ป๋ายลี่หงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ต้วนหลิงเทียน…ในนามของอาจารย์ข้าๆอยากรับเจ้าเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์…เจ้าเต็มใจยอมรับเรื่องนี้หรือไม่?”

 

“อาวุโสป๋ายลี่…ท่านมีอาจารย์ด้วยหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนชักสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

 

“เพ้ย มิมีแล้วข้าจะไปร่ำเรียนการจารึกอาคมเซียนมาจากที่ใดเล่า?”

 

ป๋ายลี่หงส่ายหน้าไปมา ค่อยกล่าวตามตรง “ต้วนหลิงเทียนอาจารย์ของข้านั้นเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาว! กระทั่งปากกาจารึกที่ข้าใช้ก็ล้วนเป็นมรดกตกทอดของท่าน”

 

ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาว!

 

ต้องกล่าวเลยว่าวาจานี้ของป๋ายลี่หงทำให้ต้วนหลิงเทียนยำเกรงไม่น้อย

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเข้าใจว่าอย่างไรป๋ายลี่หงก็ต้องมีอาจารย์ และอาจารย์อีกฝ่ายต้องเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาวเป็นอย่างน้อย ทว่าเขาไม่คิดเลยว่าอาจราย์อีกฝ่ายจะเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาว!

 

“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าไฉนเดือนที่แล้วข้าถึงได้มั่นใจในการเดิมพันนัก?”

 

ป๋ายลี่หงกล่าวถาม

 

“ไม่ใช่ว่าท่านมั่นใจว่าตัวเองสามารถจารึกอาคมเซียนลงบนศาสตราเซียนระดับนภาได้งั้นหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

 

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่า ไฉนข้าถึงได้มั่นใจนักว่าต่อให้เป็นศาสตราเซียนระดับนภาข้าก็สามารถจารึกมันได้?”

 

ป๋ายลี่หงกล่าวถามอีกรอบ

 

“เช่นนั้นสมควรเป็นเพราะปากกาจารึกสินะ?”

 

ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วคิดครู่หนึ่งค่อยตอบ

 

ศาสตราเซียนระดับนภานั้น หากปากกาจารึกระดับไม่สูงพอ ย่อมไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนอะไรได้

 

“มิผิด! ล้วนเป็นเพราะปากกาจารึก”

 

ป๋ายลี่หงพยักหน้ากล่าวออกด้วยสายตาคมกล้า “ปกติแล้วปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวอย่างดีก็มีเพียงปากกาจารึกระดับ 4 ดาวเท่านั้น…ทว่าปากกาจารึกระดับ 4 ดาว ก็สามารถจารึกอาคมเซียนลงบนศาสตราเซียนระดับปฐพีดั้งเดิมได้เท่านั้น ไม่อาจจารึกลงบนศาสตราเซียนระดับสูงกว่านั้นได้”

 

“ปากกาเซียนระดับ 4 ดาวจะจารึกได้แค่ศาสตราเซียนระดับปฐพีดั้งเดิมงั้นเหรอ? อืม…ที่แท้กลับเฉพาะเจาะจงแบบนี้นี่เอง”

 

ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจ

 

“อย่างที่เจ้าคิด”

 

ป๋ายลี่หงกล่าว “ปากกาจารึกแบ่งออกเป็น 9 ระดับตามวัตถุดิบที่ใช้หลอมสร้างมัน ปากกาจารึกระดับ 1 ดาวนับว่าอ่อนด้อยที่สุด และดีที่สุดย่อมเป็น 9 ดาว…ทั่วไปแล้วในดินแดนเทพยุทธ์เซียนล้วนใช้กันแค่ 9 ระดับนี้! ทว่าอาจารย์ข้ากล่าวไว้ว่า ยังมีปากกาจารึกที่เหนือกว่าระดับ 9 ดาวอยู่อีก…”

 

ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่น้อย

 

แม้ตอนนี้เขาจะสามารถเชื่อมโยงการจารึกอาคมกับการจารึกอาคมเซียนได้แล้ว แต่หากเป็นเรื่องของปากกาจารึกในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น เขาไม่ค่อยรู้เรื่องของมันสักเท่าไร

 

พอมาฟังวาจาเหล่านี้ของป๋ายลี่หง เขาจึงทราบความสำคัญของปากกาจารึกทันที

 

“ปากกาจารึกระดับ 1 ดาวนั้น เทียบได้กับศาสตราเซียนระดับมนุษย์ดั้งเดิม นั่นหมายความว่าปากกาจารึกระดับ 1 ดาว อย่างดีก็ทำได้แค่จารึกอาคมเซียนลงบนศาสตราเซียนระดับมนุษย์ดั้งเดิมเท่านั้น…ส่วนปากกาจารึกระดับ 2 ดาว ก็สามารถจารึกได้ถึงศาสตราเซียนระดับมนุษย์สามัญ…”

 

“ปากกาจารึก 3 ดาว สามารถจารึกได้ถึงศาสตราเซียนระดับมนุษย์โดดเด่น…4 ดาวจารึกได้ถึงศาสตราเซียนระดับปฐพีดั้งเดิม…ตามนี้ไปเรื่อยๆ เช่นนั้นปากกาจารึกระดับ 9 ดาวจึงสามารถจารึกอาคมเซียนลงบนศาสตราเซียนได้ถึงระดับนภาโดดเด่น…เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่?”

 

ป๋ายลี่หงกล่าวออกมารวดเดียวจบ ทำให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจความหมายของระดับปากกาจารึกทันที

 

“เช่นนั้นปากกาจารึกที่ท่านใช้อยู่ ก็สมควรมีระดับมากกว่า 7 ดาวงั้นสินะ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ

 

เพราะเดือนที่แล้วป๋ายลี่หงกล่าวออกอย่างมั่นใจมาก ว่าต่อให้เป็นศาสตราเซียนระดับนภามันก็สามารถจารึกอาคมเซียนลงไปได้

 

ในเมื่อตอนนี้เขาได้รับทราบถึงความหมายของระดับปากกาแล้ว เขาจึงเดาได้ไม่ยาก

 

“มิผิด”

 

ป๋ายลี่หงพยักหน้ารับ ขณะเดียวกันก็เรียกปากกาจารึกออกมา ค่อยกล่าวสืบต่อ “นี่คือปากกาจารึกที่ข้าได้รับสืบทอดมาจากท่านอาจารย์ที่กระทั่งข้าเองก็ไม่เคยพบเจอท่านมาก่อน! มันเป็นปากกาจารึกระดับ 9 ดาว! ด้วยเหตุนี้ข้าจึงมั่นใจว่าสามารถจารึกอาคมเซียนลงได้แน่นอน ต่อให้เป็นศาสตราเซียนระดับนภาโดดเด่นก็ตามที…”

 

“ตอนนี้เจ้าสมควรรู้แล้วใช่หรือไม่ ว่าไฉนเดือนก่อนข้าถึงได้มั่นอกมั่นใจนัก”

 

ต้องกล่าวเลยว่าขณะที่ป๋ายลี่หงมองกล่าวเรื่องราวกับต้วนหลิงเทียนนั้น มันก็อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อเดือนก่อนจนต้องถอนหายใจออกมา “ข้ามิคิดมิฝันเลยจริงๆ ว่าศาสตราเซียนของเจ้า จะมีระดับเหนือกว่าศาสตราเซียนระดับนภาโดดเด่น! มันสมควรมีระดับเดียวกันกับเหล่ายอดศาสตราเซียนไม่ผิดแน่!”

 

ป๋ายลี่หงคิดว่าเกาทัณฑ์ดับตะวันของต้วนหลิงเทียนนั้น สมควรเป็นยอดศาสตราเซียน

 

ทว่ามีเพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่รู้ดี..ว่าเกาทัณฑ์ดับตะวันของเขาไม่ใช่ยอดศาสตราเซียน แต่มันคือยอดสมบัติสวรรค์ที่เสียหาย!

 

อนิจจาอูฐผอมยังใหญ่กว่าม้า กาลก่อนนั้นด้วยความที่เกาทัณฑ์ดับตะวันเป็นถึงยอดสมบัติสวรรค์ ต่อให้มันจะเสียหายเพียงใด แต่หากเทียบกับยอดศาสตราเซียนแล้ว นับกันแค่ในแง่ของความแข็งแกร่งศาสตรา มันย่อมเหนือกว่ากันอย่างทาบไม่ติด!

 

ปากกาจารึกระดับ 9 ดาว!

 

ตั้งแต่ตอนที่ต้วนหลิงเทียนได้ยินป๋ายลี่หงกล่าวว่าปากกาจารึกในมือเป็นถึงปากกาจารึกระดับ 9 ดาว เขาก็อึ้งจนแทบไม่ได้ฟังวาจาหลังจากนั้นด้วยซ้ำ!

 

ปากกาจารึกระดับ 9 ดาว เป็นปากกาจารึกที่ดีที่สุดที่ใช้กันทั่วไปในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!

 

ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะพอเดาได้ว่าปากกาจารึกของป๋ายลี่หงสมควรมีระดับ 7 ดาวขึ้นไป แต่เขาก็คิดว่าอย่างดีก็คงเป็นแค่ระดับ 7 ดาวเท่านั้น…ไม่คิดเลยจริงๆว่าปากกาจารึกในมือป๋ายลี่หงที่แท้จะมีระดับถึง 9 ดาว!

 

“อาวุโสป่ายลี่หง ไม่ใช่ท่านกล่าวบอกข้าเหรอว่าอาจารย์ของท่านเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 7 ดาว แล้วไฉนถึงมีปากกาจารึกระดับ 9 ดาวได้เล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองถามป๋ายลี่หงด้วยสีหน้าตกใจ

 

“เรื่องในป้ายหยกบันทึกเสียเองก็งมิมีบอกไว้…ท่านอาจารย์ไม่เคยกล่าวถึงเลย”

 

ป๋ายลี่หงส่ายหัว

 

“แล้วท่านไม่เคยถามอาจารย์ท่านเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนสงสัย

 

“ถามท่าน?”

 

ป๋ายลี่หงอึ้งไปวูบหนึ่งค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ข้าพึ่งบอกเจ้าหยกๆ…ว่าข้ามิเคยแม้แต่จะพบกับท่านอาจารย์ด้วยซ้ำ…ข้าแค่ได้แหวนพื้นที่อันเป็นมรดกของท่านอาจารยมาเท่านั้น ในแหวนนอกจากวัตถุดิบบางส่วน ก็มีแค่ป้ายหยกบันทึกเสียง 2 ป้าย กับปากกาจารึกระดับ 9 ดาวเล่มนี้เท่านั้น…”

 

“ข้ามิรู้ด้วยซ้ำว่าอาจารย์ของข้าเคยดำรงอยู่ในยุคสมัยใด…”

 

วาจาประโยคหลังกล่าวจบป๋ายลี่หงยังอดถอนหายใจออกมาเสียไม่ได้

 

“อย่างนี้นี่เอง”

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ทราบแล้ว ว่าป๋ายลี่หงเพียงสืบทอดความรู้มาจากป้ายหยกที่อยู่ในแหวนพื้นที่ของปรมาจารย์เซียนระดับ 7 ดาวเท่านั้น ไม่ได้กราบอาจารย์ด้วยตัวเอง

 

“ในเมื่อตอนนี้อาจารย์ของท่านไม่อยู่แล้ว ไฉนท่านถึงบอกว่าคิดรับข้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ท่านเล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยความสงสัย

 

“ในป้ายหยกที่ท่านอาจารย์ทิ้งไว้ ว่าหากพรสวรรค์ในการจารึกของข้ามิสูงล้ำอะไร เมื่อใดที่พบเจอคนที่มีพรสวรรค์เหนือกว่าข้า ข้าต้องรับคนผู้นั้นเป็นศิษย์ในนามของอาจารย์ข้า เพื่อที่ข้าจะได้ถ่ายทอดเคล็ดจารึกพิสดารให้กับคนผู้นั้น…”

 

วาจาท้ายประโยคของป๋ายลี่หงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมจริงจัง

 

“เคล็ดจารึกพิสดาร?”

 

ต้วนหลิงเทียนแปลกใจ “นั่นมันคืออะไรกัน? หรือมีความเกี่ยวข้องกับเต๋าแห่งการจารึกอาคมเซียน?”

 

“จากที่ท่านอาจารย์กล่าวไว้ เคล็ดจารึกพิสดารนั้น…เป็นเคล็ดวิชาจารึกอาคมเซียนที่แตกต่างจากเคล็ดวิชาจารึกทั่วๆไปของเหล่าปรมาจารย์จารึกเซียน แก่นแท้ของมันคือได้ผลลัพธ์เสมือนแม้วัตถุดิบด้อยกว่า…อาคมเซียนเดียวกันหากใช้วัตถุดิบที่แตกต่างกันได้…ในแง่ของมูลค่าแล้วมันแตกต่างจากเดิมมหาศาลนัก!”