บทที่ 138 นอนหลับ

รักหวานอมเปรี้ยว

เดิมทีชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกกระหายน้ำ แต่ก็ไม่รู้คิดอย่างไร จึงพยักหน้ารับ “ขอผมแก้วหนึ่ง”

มายมิ้นท์ตอบรับ แล้วหยิบแก้วขึ้นมาอีกใบเพื่อรินน้ำแล้วส่งให้เขา

“ขอบคุณครับ” เปปเปอร์รับแก้วน้ำไว้

“ไม่เป็นไรค่ะ” มายมิ้นท์โบกมือเชิงแสดงออกว่าไม่ต้องเกรงใจ แล้วก็ก้มหน้าดื่มน้ำต่อ

เปปเปอร์ถือแก้วน้ำไว้แต่ไม่ได้ดื่ม แต่สายตามองมาที่เธอตลอด

หลังจากดื่มน้ำจนหมด มายมิ้นท์วางแก้วน้ำลง พลางจะเอ่ยปากให้กลับห้องได้แล้ว แต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องโครกครากมาเป็นพักๆ

เธอหันกลับไปมองตามเสียงอย่างอดไม่ได้ และเสียงร้องนั้นดังมาจากท้องของเปปเปอร์นั่นเอง

เปปเปอร์เองก็ไม่คิดว่าท้องตัวเองจะร้องขึ้นมาเวลานี้ สีหน้าที่ปกติแล้วมีเพียงความเฉยชา ทว่าได้แสดงออกถึงความเขินอายเป็นครั้งแรก

มายมิ้นท์เห็นดังนั้น จึงเม้มริมฝีปาก และกั้นหัวเราะไว้

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเปปเปอร์ตอนนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเห็นได้ง่ายนัก

“คือว่า…” ตอนนี้เปปเปอร์เริ่มขยับปาก และพูดออกมา

มายมิ้นท์มองไปที่เขา “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

“ช่วยทำอะไรให้กินหน่อยได้ไหม” เปปเปอร์ก้มหน้าลงแล้วถาม

มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว “ให้ฉันทำอาหารให้คุณ?”

“ครับ” เปปเปอร์พยักหน้าตอบ

เขาหิวจริงๆด้วย

มายมิ้นท์เม้มปาก ในใจรู้สึกสะใจเล็กน้อย

ตลอดหกปีที่ผ่านมา เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้ใจของเขา ถึงขนาดไปเรียนทำอาหาร แต่เขาไม่เคยสนใจ แม้แต่ชายตายังไม่ยอม

แต่ตอนนี้กลับเอ่ยปากขอให้เธอทำกับอาหารให้เขากิน ช่างน่าขำเสียจริง

เมื่อเห็นว่ามายมิ้นท์ไม่ตกปากรับคำสักที สีหน้าของเปปเปอร์เริ่มไม่ค่อยสู้ดีนัก ในใจเขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่กลับพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เธอก็ถือซะว่าฉันไม่ได้ขอก็แล้วกัน”

“ไม่ค่ะ ฉันจะทำให้คุณเอง” มายมิ้นท์เงยหน้ามองเขา

เปปเปอร์คาดไม่ถึง แล้วสบตาเธอด้วยความแปลกใจ “คุณตกลงเหรอ?”

มายมิ้นท์พยักหน้า “ก็ถือว่าแทนคำตอบที่คุณช่วยส่องทางเดินให้ฉัน ไปห้องครัวกันเถอะ”

เปปเปอร์เม้มริมฝีปาก ตอบรับทันที

เมื่อทั้งสองเดินมาถึงห้องครัว

มายมิ้นท์เปิดประตูตู้เย็นออก ในนั้นเหลือผักไม่กี่อย่าง เหลือเพียงผักใบเขียวเท่านั้น

เธอครุ่นคิดสักพัก แล้วหันหน้ามา

คาดไม่ถึงว่า เปปเปอร์กำลังยืนโค้งตัวลงอยู่ด้านหลัง เพื่อดูของในตู้เย็นพร้อมกับเธอ

และแล้วริมฝีปากของมายมิ้นท์ ก็แตะริมฝีปากของเปปเปอร์

ทั้งสองตกอยู่ในภวังค์ไปสักพัก

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เปปเปอร์เป็นฝ่ายได้สติก่อน จึงถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วยืนตัวตรง ตามด้วยเสียงพูดที่แหบแห้ง “ขอโทษ”

เขาก็ไม่คาดคิด ว่าเธอจะหันหน้ากลับมากะทันหันแบบนั้น

แก้มของมายมิ้นท์แดงขึ้นเล็กน้อย เธอยกมือปิดริมฝีปาก และโต้กลับด้วยความรู้สึกเขินอาย “ไม่ใช่ความผิดของคุณ ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ”

เรื่องเกิดขึ้นเพราะเธอหันกลับมาถึงมาสัมผัสเขา

ชั่วขณะนั้น ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ห้องครัวที่กว้างใหญ่ทำให้รู้สึกเงียบเป็นพิเศษ จึงได้ยินแต่เสียงลมหายใจเข้าออก

ผ่านไปไม่นาน เปปเปอร์ก็ได้ขยับตัวทำลายบรรยากาศความเงียบสงัดที่เกิดขึ้น “เมื่อกี้คุณมีอะไรจะถามผมเหรอ?”

มายมิ้นท์ก็เข้าใจดีว่าเขาต้องการแก้สถานการณ์เขินอายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ จึงไม่นิ่งเงียบอีกต่อไป เธอพยักหน้าตอบไปว่า “ฉันอยากจะบอกว่า อาหารในตู้เย็นไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันทำเส้นบะหมี่ให้กินได้ไหม”

“ได้สิครับ” เปปเปอร์รับคำทันที

มายมิ้นท์ได้หยิบผักออกมากำนึง แล้วเดินไปทางซิงค์ล้างจาน

เปปเปอร์ก็เดินตามหลังมาติดๆ เพื่อส่องทางให้เธอ

ไม่นาน บะหมี่หนึ่งชามก็พร้อมเสริฟ

ทั้งสองเดินมาที่ห้องอาหาร

มายมิ้นท์วางบะหมี่ไว้บนโต๊ะอาหาร “กินเถอะ”

“ขอบคุณครับ” เปปเปอร์มองมาทางบะหมี่ร้อนๆที่โชยไปด้วยกลิ่นหอม พร้อมกล่าวขอบคุณด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน

มายมิ้นท์หาวออกหนึ่งครั้ง แล้วได้ปาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตา พร้อมเร่งด้วยน้ำเสียงที่ง่วงนอน “เอาเถอะ คุณรีบกินเถอะ กินเสร็จก็ไปส่งฉันที่ชั้นสามด้วยนะ”

“ได้สิ” เมื่อเปปเปอร์เห็นเธอแสดงท่าทางรำคาญออกมา เขากลับรู้สึกถึงความน่ารักที่ซ่อนอยู่

หลังจากนั้น เปปเปอร์ก็ได้ดึงเก้าอี้นั่งลง แล้วเริ่มกินบะหมี่

มายมิ้นท์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ใช้แขนยันศีรษะเอาไว้ ระหว่างที่รอเขากิน

แต่ไม่นานนัก เธอเริ่มหาวบ่อยขึ้นเรื่อยๆ หนังตาก็เริ่มหย่อนลงเรื่อยๆ ส่วนคอก็เอียงไปทางซ้ายทีขวาที ท่าทางง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว

เห็นดังนั้นเปปเปอร์ ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว และก็เร่งกินบะหมี่ให้เร็วขึ้น

แต่ยังไม่ทันรอให้เขากินเสร็จ มายมิ้นท์ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอก็ได้ก้มลงนอนที่โต๊ะ

เปปเปอร์ทำตัวไม่ถูก และแล้วรอยยิ้มก็ไม่ปรากฏบนใบหน้าของเขา

แต่ไม่นานนัก เขาก็ควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง เขาวางตะเกียบลง แล้วเดินไปด้านหลังของมายมิ้นท์ พร้อมกับผลักเธอเบาๆ “มายมิ้นท์ ตื่นเถอะ ขึ้นไปชั้นบนกัน”

มายมิ้นท์ในเวลานี้กำลังฝันว่าตัวเองถูกสัตว์ประหลาดจับตัวไว้ เธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วพูดว่า “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ปล่อย!”

เปปเปอร์นึกว่าเธอตื่นแล้ว จึงดึงมือออกไป

แต่ผ่านไปสักพัก เขาก็ยังไม่เห็นว่ามายมิ้นท์จะมีท่าทีลุกขึ้น จึงรู้ในทันทีว่าเธอยังคงหลับไหล และละเมอพูดออกมา

เขายกมือขึ้นคลำระหว่างคิ้วตัวเองอย่างไม่มีทางเลือก แต่แล้วเปปเปอร์ก็ได้เลิกพยายามปลุกมายมิ้นท์ให้ตื่น ได้เข้าอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินขึ้นบันได

มาถึงชั้นสาม เปปเปอร์สังเกตเห็นว่ามีประตูห้องที่เปิดอยู่ห้องหนึ่ง จึงเดาว่าน่าจะเป็นห้องนอนของมายมิ้นท์

เขาจึงได้อุ้มมายมิ้นท์เข้าไป อาศัยแสงอย่างจำกัดที่ส่องสว่างจากไฟมือถือเดินมาที่ขอบเตียง ค่อยๆ โน้มตัวเพื่อวางมายมิ้นท์ลงบนเตียง แต่คิดไม่ถึงว่า มายมิ้นท์จะกอดคอเขาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ

เปปเปอร์ที่ลุกยืนขึ้นมาไม่ได้ ก็ได้แต่ก้มอยู่อย่างนั้น พลางมองดูหญิงสาวที่อยู่บนเตียง พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “มายมิ้นท์ ปล่อย”

“อย่าไปนะ” จู่ๆ มายมิ้นท์ก็โต้กลับ สีหน้าท่าทางรู้สึกกลัว เหมือนกำลังฝันร้าย

เปปเปอร์ไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน จึงใจอ่อนแล้วพูดด้วยความอ่อนโยนว่า “ครับ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”

ราวกับว่าจะได้ยินเสียงตกปากรับคำนั้นแล้ว สีหน้าที่แสดงความหวาดกลัวของมายมิ้นท์ก็ได้ผ่อนคลายลง ส่วนริมฝีปากก็ยังเผยรอยยิ้ม

สายตาของเปปเปอร์หยุดไว้ที่ริมฝีปากของเธอ สมองก็พลันนึกถึงเหตุการณ์ที่ริมฝีปากสัมผัสโดยไม่คาดทันตั้งตัสที่เกิดขึ้นในห้องครัวเมื่อสักครู่

แม้จะเป็นเพียงการกระทบเบาๆ แต่ริมฝีปากที่รู้สึกนุ่มๆของเธอก็ได้ประทับลงไปในความทรงจำส่วนลึกของเขาแล้ว

เขาก้มหน้าลงอย่างบังคับตัวเองไม่ได้ แล้วเล็งมาที่ริมฝีปากของมายมิ้นท์ จากนั้นก็จูบเธอ

ความรู้สึกดีเหมือนความทรงจำที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ ริมฝีปากนุ่มและอ่อนหวาน ทำให้เขาอยากทำเกินเลยกว่านั้น

เรื่องจริงก็คือ เปปเปอร์จะทำแบบนั้นแล้วจริงๆ

เขาชันเข่าข้างหนึ่งบนเตียง ใช้มือได้ยกคางของมายมิ้นท์ขึ้นมา และจังหวะที่ริมฝีปากของเธอเปิดออก เขาก็ได้สอดลิ้นของตัวเองเข้าไป

มายมิ้นท์ส่งเสียงดัง “อืม…” เสียงแหลมยาวที่นิ่มนวลเพิ่มระดับความเย้ายวนใจ สายตาของเปปเปอร์หนักแน่นขึ้น และยิ่งรู้สึกดูดดื่มจากการจูบมากขึ้น

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ทว่าเปปเปอร์เริ่มไม่พึงพอใจในเพียงเท่านี้ มือของเขาเริ่มล้วงเข้าไปในร่างกายของมายมิ้นท์

แม้แต่การจูบ ก็ได้ค่อยๆเคลื่อนมาที่ซอกคอของมายมิ้นท์

และในเวลานี้ มายมิ้นท์จู่ๆก็ได้เอ่ยชื่อหนึ่งขึ้นมา “เต้…”

เปปเปอร์รู้สึกราวกับโดนน้ำเย็นสาดใส่ และได้สติขึ้นมาทันที ตามด้วยสีหน้าที่คร่ำเครียด

เขาสะบัดแขนของมายมิ้นท์ที่คล้องคอของเขาออกไป และยืนจ้องมองหญิงสาวบนเตียงด้วยสีหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างเตียง

เธอกล้าเอ่ยชื่อชายอื่นตอนที่อยู่กับเขา

ที่ทำให้เขาไม่ชอบใจตัวเองที่สุดก็คือ เขาทำเรื่องที่ไม่ควรทำกับเธออีกครั้ง และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้ว

คิดถึงตรงนี้ เปปเปอร์ก็ได้หันหลังเดินจากไปด้วยสีหน้าที่คร่ำเครียด

มายมิ้นท์ก็ได้พลิกตัวกอดผ้าห่มไว้ และพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า “ลาเต้ อย่ามาแย่งขนมของฉันนะ…”

คืนนี้ เปปเปอร์แทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน เพราะครุ่นคิดตลอดคืนว่าตัวเองทำไมถึงทำเรื่องแบบนั้นกับมายมิ้นท์ได้ แล้วทำไมเธอถึงมีผลต่อจิตใจของเขาได้ขนาดนี้ ขนาดที่ทำให้ตัวเองเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

และนั่นทำให้วันรุ่งขึ้น ใบหน้าของเปปเปอร์เต็มไปด้วยความอ่อนเพลีย ขอบตาดำคล้ำโชว์หราอยู่บนใบหน้า

ส้มเปรี้ยวเมื่อสังเกตเห็น ก็รีบแสดงความห่วงใยว่า “เปปเปอร์เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอคะ?”

เปปเปอร์กำลังจะตอบ แต่ก็โดนทามทอยที่ถือขวดเบียร์ขวดหนึ่งเดินมาจากด้านข้างพูดแทรก “โอ้โห เปปเปอร์ ดูเหมือนว่ากิจกรรมเมื่อคืนจะสนุกล่ะสิ ขอบตาจึงดำขนาดนี้ เดี๋ยวคงต้องให้พ่อครัวเมนูหอยนางรมบำรุงสักหน่อย ไม่อย่างนั้นรอบหน้าเกรงว่าอาจจะทำให้คุณส้มเปรี้ยวมีความสุขได้ไม่เต็มที่ ”

ทว่าส้มเปรี้ยวฟังแล้ว ใบหน้าก็แดงขึ้น แล้วก้มหน้าด้วยความเขินอาย

เปปเปอร์ขมวดคิ้ว ทำหน้าตาเย็นชา และตอบกลับว่า “ไปไกลๆ”