สงครามกำลังจะเข้าสู่ช่วงที่เลวร้ายที่สุด
เผ่าพันธุ์บรรพกาลถูกสังหาร
ในเวลาเดียวกัน การหลอมดาบศักดิ์สิทธิ์ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์
นอกจากราชาอมตะ ยอดนักพรตทุกคนต้องออกไปแนวหน้า
พวกเขาเหาะมาอยู่หน้ายักษ์อมตะ มองสิ่งประดิษฐ์วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านหลังกับเหรียญของราชาอมตะ
ส่วนคนอื่น พวกเขาทราบว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้เดิมเป็นนักพรตมนุษย์
เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดที่เกินกว่าจะจินตนาการ
เขายังมีเหรียญของราชาอมตะของจริงอยู่ในมือ
เขาสังหารเผ่าพันธุ์บรรพกาลจนหมดสิ้น!
ถ้าอย่างนั้น เขาต้องเป็นหนึ่งในพวกเราสิ
แต่ทำไมถึงไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลยล่ะ
พวกนักพรตครุ่นคิดอย่างเงียบงัน ร่างจุติของยักษ์อมตะโดยกู่ฉิงซานก้มตัวลงมาถามยอดนักพรตบางส่วนว่า
“ข้าเกรงว่าจะอยู่ในโลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ได้ไม่นาน เจ้าเตรียมหาที่จะไปแล้วหรือยัง”
“ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ” ยอดนักพรตถาม
“เพราะการต่อสู้ครั้งต่อไป พวกเจ้าไม่สามารถรับมือได้”
ยักษ์อมตะมองท้องนภา
ตัวตนน่าสะพรึงทั้งสองที่ซ่อนอยู่ในหมู่เมฆเลิกสู้กันเองแล้ว
ยอดนักพรตมองตามอีกฝ่าย ใบหน้าของพวกเขาตึงเครียด
พวกมันล้วนมีสัมผัสวิญญาณในร่างกายที่แก่กล้า ทำให้สามารถสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงของตัวตนทั้งสองที่อยู่บนท้องนภาในหมู่เมฆ
แม้กระทั่งยักษ์ตรงหน้าเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อกรของสองตัวตน
นี่คือหายนะของแท้
ยอดนักพรตกล่าวว่า “พวกข้ามีแผนถอยอยู่แล้ว เป้าหมายคือโลกเบื้องล่าง เจ้าพวกเผ่าพันธุ์บรรพกาลที่เดือดดาลนั่นสร้างความลำบากนิดหน่อย ทันทีที่พวกข้าหายไป พวกมันจะต้องหาทางตามมาอย่างแน่นอน”
โลกเบื้องล่าง!
กู่ฉิงซานเข้าใจทันทีหลังจากครุ่นคิดสักพัก
นั่นคือเศษเสี้ยวของหวนคืนชาติภพหกวิถี
เซี่ยเต้าหลิงหายไปยังหนึ่งในเศษเสี้ยวของโลกเบื้องล่างเช่นกัน หนึ่งหมื่นปีต่อมา โลกเดิมเชื่อมต่อกับเศษเสี้ยวทั้งหกชิ้นจนนำไปสู่บัญญัติราชามาร
“โลกเบื้องล่างไหนที่เจ้าเลือก” กู่ฉิงซานรีบถาม
ผู้ฝึกยุทธสามารถมีชีวิตได้หลายหมื่นปีหากไปถึงระดับแสวงโลกา แต่ในโลกแห่งการฝึกฝนช่วงหนึ่งหมื่นปีต่อมา ไม่มีนักพรตทรงพลังอีก ไม่มีมรดกหลงเหลือด้วย
ตอนนี้กู่ฉิงซานต้องยืนยันให้แน่ใจว่าคนเหล่านี้ไม่ได้กำลังไปเศษเสี้ยวของหวนคืนชาติภพหกวิถีที่เซี่ยเต้าหลิงอยู่
ไม่อย่างนั้น ประวัติศาสตร์ทั้งหมดจะพังทลาย เขาจะถูกลบล้างโดยกฎเกณฑ์แห่งเวลาและชะตากรรม
“มันคือเศษเสี้ยวทั้งหกที่ใหญ่ที่สุด… พวกข้าขโมยตำหนักราชาเทพมาจนได้วิธีเคลื่อนย้ายพริบตาไปสู่เศษเสี้ยวของโลกนั้น… พวกเราต้องไปจากสวรรค์ชั้นนอก”
กู่ฉิงซานผ่อนคลายทันที
ตอนนี้ เผ่าพันธุ์เทพองค์เดียวที่เหลืออยู่ในสวรรค์ชั้นนอกหลบหนีไปนานแล้ว
พวกเขาถึงคราวที่จะพินาศแล้ว
ถ้าเช่นนี้ ที่ต้องทำก็ง่ายมาก
เขามองรอบสมรภูมิ ยกเหรียญราชาอมตะขึ้นแล้วตะโกนว่า “กองทัพทั้งหมดถอย ไปโลกเบื้องล่าง”
“จำเอาไว้ ห้ามปรากฏตัวภายในหนึ่งหมื่นปี ไม่อย่างนั้นทันทีที่ถูกพบ เผ่าพันธุ์มนุษย์จะพินาศอย่างแน่นอน!”
“ขอรับ!” นักพรตทั้งหมดตอบรับเสียงดัง
ภายใต้การนำของยอดนักพรต นักพรตมนุษย์เริ่มรวมตัวอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมถอยไปทางสวรรค์ชั้นนอก
ตอนนี้ เสียงหญิงสาวคมปลาบมาจากหมู่เมฆ “อยากจะหนีงั้นหรือ”
จากนั้นเสียงผู้ชายดังขึ้น “วิญญาณของพวกเจ้าจะต้องอยู่เพื่อเป็นอาหารของข้าในวันนี้”
เสียงนี้ทำให้นักพรตหลายคนหมดสติ
ในที่สุดนักพรตมนุษย์ก็ได้รู้ถึงความน่าสะพรึงของอีกฝ่าย
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมยักษ์ถึงกล่าวว่าห้ามปรากฏตัวภายในหนึ่งหมื่นปี!
พวกนักพรตเร่งความเร็วในการถอย
“พวกข้าไปกันจะหมดแล้ว แต่ท่าน…” ก่อนยอดนักพรตคนนั้นจะไป เขาหันมามองกู่ฉิงซานด้วยความลังเล
“ข้าจะอยู่แนวหลังเอง”
ยักษ์อมตะกล่าว
มันคุกเข่าเล็กน้อยก่อนพุ่งสู่อากาศ
ร่างขนาดใหญ่ของยักษ์กลายเป็นภาพติดตากระแทกเข้าใส่หมู่เมฆราวกระสุนปืนใหญ่
หลังจากนั้นไม่นาน หมู่เมฆหนาแน่นทั่วท้องนภาถูกสายลมแรงกล้าพัดพา
ตอนนี้ เสียงชายหญิงดังขึ้นเป็นเสียงถอนหายใจอย่างเคร่งขรึมและเสียงกระซิบ “สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเอ๋ย จงมอบวิญญาณให้กับข้า วิญญาณของพวกเจ้า…”
มันพลันแผดเสียงกรีดร้องออกมา วิชาดูดกลืนวิญญาณถูกขัดจังหวะ
กลายเป็นว่ายักษ์อมตะปรากฏตัวขึ้นอยู่ด้านข้าง มือถือดาบเอาไว้แล้วฟาดฟันใส่ท้องนภา
ตูม!!!
ปฐพีสั่นไหว
นักพรตมนุษย์ส่งเสียงโห่ร้อง
ยักษ์อมตะไม่ได้สนใจขณะตะโกนใส่นักพรตว่า “ไป! ยังมีสัตว์ประหลาดแบบนั้นอีกมาก พวกเจ้าเอาชนะด้วยพละกำลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ตอนนี้ไม่ได้ ดังนั้นพวกเราเจ้าต้องซ่อน…”
ตูม!!!!!!
เขาถูกกระแทกโดยเงาสีดำก่อนตกลงสู่พื้นดินราวอุกกาบาต
แต่เขาหายไปกลางอากาศก่อนถูกแทนที่ด้วยมังกรที่มีร่างกายคล้ายกับเขา
ขนาดของมังกรมารตัวนี้หดลงหลายเท่าเมื่อเทียบกับขนาดเดิม แต่มันปล่อยหมอกสีเทาเพื่อสร้างหายนะไปทั่ว พละกำลังคล้ายกับน่าสะพรึงยิ่งนัก!
…มังกรหุบเหว
มันหยุดนิ่งกลางอากาศขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงชราว่า “วิชามิติหรือ ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่บ้าบอสิ้นดี ด้วยพละกำลังของเจ้าถึงกับกล้าสู้เพื่อดาบศักดิ์สิทธิ์เลยหรือ”
โดยไม่พูดจา ยกอมตะตกลงจากท้องนภาพร้อมดาบยาวก่อนฟาดฟันใส่มังกรหุบเหวอย่างบ้าคลั่ง
ตอนนี้วิญญาณกรีดร้องคืบคลานออกมาจากพื้นเช่นกัน
มันไร้รอยขีดข่วนใดๆ
“ไป!”
ยักษ์อมตะต่อสู้กับมังกรหุบเหวเพื่อหันเหความสนใจก่อนตะโกนบอกนักพรตมนุษย์
เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มองอยู่ไม่ลังเลอีกต่อไป พวกเขาเร่งความเร็วก่อนเหาะไปทางสวรรค์ชั้นนอก
แต่คราวนี้ วิญญาณกรีดร้องและมังกรหุบเหวไม่มีพลังจะไล่ตามนักพรตมนุษย์เหล่านี้
เพราะยักษ์อมตะปล่อยพลังวิเศษนั่นออกมา…
ทะลวงฝัน!
เงาดาบสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนเบ่งบานราวบุปผา ตามมาด้วยพลังอสนีบาตเรืองรอง ทำให้สัตว์ประหลาดหุบเหวทั้งสองไม่สามารถขยับได้สักพัก
ดาบลับ ตรึงเงา!
ท้องนภาเต็มไปด้วยเงาดาบไม่หายไปไหน กู่ฉิงซานสะบัดดาบยักษ์ก่อนกระจายออกเป็นดาบบินหนึ่งร้อยเล่ม
ดาบบินเหล่านี้โคจรรอบสัตว์ประหลาดหุบเหวทั้งสองขณะเคลื่อนไปมาอย่างต่อเนื่อง
ด้วยพายุดาบที่เพิ่มขึ้น อสนีบาตลากแนวยาวไปตามสายลม
ค่ายกลดาบวิญญาณอสนีบาตไท่อี่!
นี่คือค่ายกลดาบบินที่มีพลังวิเศษของอสนีบาต
ถึงแม้สัตว์ประหลาดหุบเหวทั้งสองจะทรงพลังมาก แต่พวกมันต้องรับมือกับกลิ่นอายดาบบินบนท้องนภาด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อไม่ให้โดนอสนีบาตฟาดใส่ ส่งผลให้อยู่ในสภาพหงุดหงิดยิ่ง
อีกด้าน ภายใต้การควบคุมอย่างเต็มกำลังของกู่ฉิงซาน นักพรตมนุษย์กำลังถอยด้วยความเร็วที่มากขึ้น
ขณะมองรอบข้าง ทั่วทั้งสมรภูมิ มีเพียงราชาอมตะที่ยังตีดาบศักดิ์สิทธิ์ด้วยวิชาวิเศษเพื่อพยายามหลอมให้เสร็จ
ชิ้นส่วนอาวุธแปลกประหลาดค่อยๆ ปรากฏขึ้นรอบตัวเขา รออยู่สักพักดาบศักดิ์สิทธิ์ก็หลอมสำเร็จ
พายุดาบทุ่มกำลังทั้งหมด
ยักษ์อมตะพลันตะโกนขึ้นว่า “ช้าก่อน!”
ร่างคมปลาบวูบไหวก่อนเริ่มหดตัวแล้วถอยจากวงต่อสู้ออกมาไกล
ใบหน้าของวิญญาณกรีดร้องเป็นชายครึ่งหญิงครึ่งพูดจาถากถางว่า “เจ้าทำให้ข้าเสียอาหารไปมากมาย จะมาร้องขอชีวิตตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว”
ไม่มีนักพรตมนุษย์อยู่บนปฐพีแล้ว
ยักษ์อมตะถามอย่างไม่แน่ใจว่า “พวกเราร่วมมือกันฆ่ามังกรมารดีหรือเปล่า”
วิญญาณกรีดร้องตกตะลึง จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“แน่นอนว่าไม่ เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ”
ยักษ์อมตะกล่าวว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงยังช่วยมันอยู่”
“แบบนั้นก็ไม่ดีเหมือนกัน” วิญญาณกรีดร้องกล่าวอย่างหยอกล้อ “ข้าไม่สนเรื่องการต่อสู้ระหว่างเจ้า เจ้าไปฆ่ามันเอง ว่าไงล่ะ”
มันถอยสองก้าวเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางการต่อสู้ระหว่างยักษ์อมตะกับมังกรหุบเหว
กู่ฉิงซานถอนหายใจ
เขาไม่สามารถเอาชนะมังกรหุบเหวได้อย่างแน่นอนก็เลยอยากใช้พลังของวิญญาณกรีดร้อง
ใครจะรู้ล่ะว่าอีกฝ่ายฉลาด ไม่ยอมเล่นตามเกมที่เขาวางเอาไว้
เทียบกับสัตว์ประหลาดหุบเหวนิรันดร์แล้ว ยักษ์อมตะยังถือว่าอ่อนแอกว่า เพียงลำพังไม่สามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดสองตัวนี้ได้
มังกรหุบเหวพลันกล่าวว่า “ข้ามีคำแนะนำ”
“ว่ามา” วิญญาณกรีดร้องกล่าว
“ดาบศักดิ์สิทธิ์สามารถอยู่ได้ในมือของเจ้าหรือข้าเท่านั้น เจ้าตัวที่อ่อนแอนนี่ดูคิดเยอะพอสมควร ข้าไม่อยากเจอสถานการณ์ที่เกินคาด… แบบนั้นไม่ดีกับพวกเราแน่… ฆ่ามันก่อน จากนั้นมาสู้กันต่อเพื่อชิงสิทธิ์ดาบศักดิ์สิทธิ์” มังกรหุบเหวกล่าวช้าๆ
วิญญาณกรีดร้องครุ่นคิดสักพักก่อนตกลง “นี่เป็นความคิดที่ดี”
พวกมันมองยักษ์อมตะพร้อมกัน
ยักษ์อมตะถือดาบยาวขวางไว้ตรงหน้าก่อนพ่นลมออกจมูกหนักหน่วง จากนั้น…
หันหลังแล้ววิ่งหนี!
ยักษ์อมตะหนีด้วยความเร็วจนสัตว์ประหลาดหุบเหวทั้งสองไม่มีเวลาหยุดอีกฝ่าย
มันยังคงใช้ก้าวพริบตา วูบไหวอยู่หลายครั้งในท้องนภาก่อนจะหายไป
วิญญาณกรีดร้องแข็งทื่อ
มังกรหุบเหวแข็งทื่อ
“มันหนีไป…” มังกรหุบเหวกล่าวด้วยความไม่อยากเชื่อ