กลัวจนฉี่รดกางเกง?
ถึงแม้คำพูดเหล่านี้จะดูไร้สาระเป็นอย่างยิ่ง แต่มันก็ไม่มีตำรวจฝึกหัดคนใดที่จะโต้แย้งออกมาได้เลย และพวกเขาก็ได้แต่มองลงต่ำ และหน้าแดงจากความอับอาย
“ฉันจะทำมัน!”
เสียงแผ่วเบาและไพเราะดังขึ้น
ทุกคนมองไปยังทิศทางของเสียงนั้น และพวกเขาก็เห็นผมที่ยาวสลวยของ กู่ เฉียนเซวีย ปลิวไสวไปตามสายลม เมื่อผิวของเธอต้องแสงภายในโรงยิม ผิวของเธอก็ทอประกายแสงที่นุ่มนวลออกมา จากนั้นเธอก็เดินไปที่เวทีอย่างช้าๆ ที่ใบหน้าที่สวยงามของเธอนั้นปราศจากเครื่องประทินโฉม แต่แก้มของเธอก็เป็นประกายสีแดงระเรื่อ เผยให้เห็นความงามอันชาญฉลาดที่เป็นเอกลักษณ์ของหญิงสาวออกมา
ที่ใบหน้าของ เหยียนหวัง มีความคาดหวังปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา แม้ว่านี่จะเป็นเพียงบทเรียนการฝึกการต่อสู้ แต่เขาก็อยากจะรู้เกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริงของ กู่ เฉียนเซวีย และนอกจาก กู่ เฉียนเซวีย แล้ว มันก็ยังมีนักเรียนอีกคนหนึ่งที่เขาอยากจะรู้ด้วยเช่นกันและนักเรียนคนนั้นก็คือ เสี่ยวหลัว จากการสังเกตอย่างระมัดระวังในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ เขาสังเกตเห็นว่าเสี่ยวหลัว นั้นดูเหมือนจะจงใจซ่อนความสามารถของตัวเองเอาไว้
และด้วยสิ่งนี้ มันก็ยิ่งทำให้เขาอยากรู้เกี่ยวกับเสี่ยวหลัวมากยิ่งขึ้น
เมื่อเข้าใกล้เวที กู่ เฉียนเซวีย ก็ออกแรงแรงเบาๆและกระโดดข้ามเชือกไปบนเวทีเหมือนกับนกนางแอ่นที่กำลังเคลื่อนไหว และการเคลื่อนไหวนี้ของเธอมันก็ดูเป็นธรรมชาติและสง่างามมาก
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอ อาจจะสามารถเอาชนะอาจารย์เฟิงได้!”
“ฉันก็มีความรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน เห็นได้ชัดเลยว่าเธอนั้นมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา จากวิธีการที่เธอกระโดดเข้าสู่สังเวียน”
“ใช่ในตอนที่เธอเคลื่อนไหว เธอดูเหมือนกับปรมาจารย์กังฟูที่ใช้ท่าย่างก้าวเหยียบนภา ตามในละครโทรทัศน์เหล่านั้นเลย”
เด็กฝึกทุกคนจับจ้องไปที่เวทีและกลั้นหายใจด้วยความคาดหวัง พวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่า กู่ เฉียนเซวีย จะสามารถสร้างความประหลาดใจให้กับพวกเขาได้
“โอ้ เธอสวยจริงๆ ทั้งเธอและพี่สาวของเธอ กู่ กุ้ยหลิน ต่างก็สวยงามมาก พวกเธอเป็นพี่น้องที่น่าดึงดูดจริงๆ” เหลยเฟิง พูดออกมา พร้อมกับจิตใจที่เต็มไปด้วยความคิดที่ไม่เหมาะสม
“พี่สาวของเธอคือ กู่ กุ้ยหลิน งั้นเหรอ?” เสี่ยวหลัว ประหลาดใจ
เหลยเฟิง กระพริบตา “ใช่แล้ว พี่สาวของเธอคือ กู่ กุ้ยหลิน หัวหน้าทีมตำรวจของเจียงเฉิง ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้ ว่าแต่คุณไม่รู้หรือไง อินเทอร์เน็ตคุณได้เคยเข้าไปดูหรือเปล่า?”
เสี่ยวหลัว ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไรออกมาดี เขามาถึงค่ายฝึกนี้ตั้งนานแล้ว แต่เขากลับไม่รู้ว่าคนที่อยู่บนเวทีในตอนนี้ก็คือน้องสาวของ กู่ กุ้ยหลิน … เมื่อลองมองดูใกล้ๆ เธอก็ดูเหมือนกับ กู่ กุ้ยหลิน อยู่บ้างเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับพี่สาวของเธอแล้ว กู่ เฉียนเซวีย นั้นดูไร้เดียงสามากกว่า ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะว่าเธอนั้นเพิ่งจะเริ่มต้นใช้ชีวิตมาไม่นานก็เป็นได้
“ไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน มันก็ดูเหมือนกับว่าฉันจะวิ่งเข้าหา กู่ กุ้ยหลิน ตลอดเลยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นี่ตำรวจหญิงคนนั้น เธอเป็นตัวซวยของฉันใช่ไหมเนี้ย”
เสี่ยวหลัวส่ายหัวออกมาอย่างหมดหนทาง
กู่ กุ้ยหลิน นั้นคอยจับจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก ดังนั้นครั้งสุดท้ายที่เขาพบเธอ เขาจึงได้ใช้แก๊งมังกร มาสั่งสอนบทเรียนให้กับเธอ ที่คาสิโนฮวางเทียน และตอนนี้เธอน่าจะพักรักษาตัวอยู่ และไม่น่าจะมาก่อกวนอะไรเขาได้สักพัก แต่เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเมื่อ กู่ กุ้ยหลิน จากไป มันจะมี กู่ เฉียนเซวีย น้องสาวของเธอโผล่ขึ้นมาแทน และเธอก็เป็นตำรวจอาสาเช่นเดียวกับเขาด้วย นี่มันจะเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปไหม!
เมื่อเธอเผชิญหน้ากับ เฟิง ยี่เสี่ยว ร่ายกายที่บอบบางของเธอก็เริ่มถูกกระตุ้น จากนั้นเธอก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศและข้ามผ่านระยะทางไปกว่าสองเมตร พุ่งตรงเข้าไปที่ เฟิง ยี่เสี่ยว ในทันที! จากนั้นเธอก็หมุนตัว ส่งลูกเตะกวาดขาขวาตรงไปที่ เฟิง ยี่เสี่ยว อย่าวรวดเร็วและรุนแรงในทันที
ดวงตาของ เฟิง ยี่เสี่ยว หรี่ลง เขาเคยผ่านประสบการณ์การต่อสู้มามากมาย แต่เขารู้สึกกดดันอย่างมากในการต่อสู้ครั้งนี้ เขายกมือขึ้นมาป้องกันลูกเตะของ กู่ เฉียนเซวีย ที่กำลังพุ่งเข้ามาในทันที
“ปัง ~”
ขาและแขนเข้าปะทะกัน ขายาวที่ดูเพรียวบางของ กู่ เฉียนเซวีย เข้าทำลายการป้องกันของ เฟิง ยี่เสี่ยว ลงอย่างไร้ความปราณี พร้อมกับร่างของ เฟิง ยี่เสี่ยว ที่กระเดนไปจนกับกับเชือกป้องกันที่ด้านหลัง!
เธอเอาชนะอาจารย์เฟิงด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว!?
เพื่อนตำรวจอาสา หลายคนต่างก็พากันตกใจ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า กู่ เฉียนเซวีย ที่ดูบอบบาง จะระเบิดพลังที่ทรงพลังขนาดนี้ออกมาได้!
ตำรวจที่ออกกำลังกายอยู่รอบๆ ก็ตื่นตกใจเช่นเดียวกัน
เหยียนหวัง ก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย และจากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ!”
เฟิง ยี่เสี่ยว ที่อยู่บนเวที เขาขย่าแขนของตัวเองอย่างแรงเพื่อขจัดความรู้สึกที่ด้านชาออกไป เขาไม่กล้าที่จะดูถูก กู่ เฉียนเซวีย เลยแม้แต่น้อย: “เธอสมควรเป็นลูกศิษของ ต้ากู จริงๆ เธอมีฝีมือที่ดีมาก มาต่อกัน!”
มีความตื่นเต้นปรากฏอยู่บนใบหน้าของ เฟิง ยี่เสี่ยว เขาเอนตัวไปข้างหน้าเหมือนกับสปริงที่กำลังบีบอัดจนถึงขีดสุด และจากนั้นเขาก็พุ่งตัวออกไปเหมือนกับสายลม และเหวี่ยงขาขวาตรงไปที่ กู่ เฉียนเซวีย อย่างรุนแรง
กู่ เฉียนเซวีย ขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอยกฝ่ามือขึ้นมาป้องกันลูกเตะของ เฟิง ยี่เสี่ยว ในทันที
ปัง!
ด้วยการเผชิญหน้าของพลังที่แข็งแกร่งนี้ มันทำให้เกิดคลื่นพลังที่รุนแรงกวาดพัดไปทั่วทั้งร่างของทั้งสองฝ่าย กู่ เฉียนเซวีย และ เฟิง ยี่เสี่ยว ต่างก็ถอยหลังกลับไปสองถึงสามก้าวตามลำดับ จากนั้นทั้งสองคนก็เข้าปะทะกันอีกครั้ง กู่ เฉียนเซวีย ส่งฝ่ามือของเธอไปปะทะกับหมัดเหล็กของ เฟิง ยี่เสี่ยว ในทันที ปัง!!!! การปะทะกันของฝ่ามือและกำปั้น ดูเหมือนว่ามันจะสร้างลมที่รุนแรงจนแพร่สะพัดออกมา ในตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ดูเหมือนกับเสือและมังกรที่กำลังปะทะกันอย่างไรอย่างนั้น
“พวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังภายใน!”
เสี่ยวหลัว รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หากเขาไม่ได้แลกเปลี่ยน เย่จินจิง มาเขาก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าการต่อสู้ระหว่าง กู่ เฉียนเซวีย และ เฟิง ยี่เสี่ยว นั้นเกี่ยวข้องกับการใช้พลังภายใน แม้แต่อาจารย์ในค่ายฝึกของสถานีตำรวจท้องที่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังภายใน นี่ไม่ได้หมายความว่าประเทศนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนตัวตนอยู่อีกนับไม่ถ้วนงั้นหรือ?
เพื่อนๆตำรวจอาสาของ กู่ เฉียนเซวีย ต่างก็ตกตะลึงกันจนพูดไม่ออก พวกเขาได้สัมผัสมาด้วยตัวเองแล้วว่า เฟิง ยี่เสี่ยว นั้นมีความแข็งแกร่งมากมายเพียงใด เฟิง ยี่เสี่ยว เขานั้นเป็นเครื่องจักรที่เกิดมาเพื่อการต่อสู้ชัดๆ ทุกครั้งที่ระเบิดพลังเขาก็สามารถเอาชนะผู้ชายอย่างพวกเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่เมื่อมองดู กู่ เฉียนเซวีย ที่กำลังต่อสู้อยู่บนเวทีอย่างดุเดือด พวกเขาก็ไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!
บูม! บูม! บูม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป กู่ เฉียนเซวีย และ เฟิง ยี่เสี่ยว ระเบิดพลังแลกเปลี่ยนกระบวนท่าการโจมตีกันไปมากกว่าสิบครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ ลมแรงกรีดร้องโหยหวนพุ่งออกมาจากทางเวที จนแทบจะทำให้ทั้งโรงยิมสั่นสะเทือนไปตาม การปะทะกันของคนทั้งสอง
กู่ เฉียนเซวีย เปล่งเสียงคำรามออกมา ทันใดนั้นออร่าพลังที่โกรธเกรี้ยวของเธอก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่มันก็ไหวกระเพื่อมออกมาจากร่างกายของเธอ จนทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่อดไม่ได้ที่จะหยุดนิ่งเนื่องจากแรงกดดันที่ถูกปล่อยออกมา
เฟิง ยี่เสี่ยว ซะงักไปครู่หนึ่ง และจากนั้นเขาก็ถูกฝ่ามือของ กู่ เฉียนเซวีย โจมตีเข้ามาอย่างจัง
เมื่อได้ยินเสียง“ปัง” เฟิง ยี่เสี่ยว ก็รู้สึกเหมือนกับโดนรถม้านับพันที่พุ่งเข้าชน! ร่างของเขาพุ่งกระเดนบินลอยออกไปในทันที ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเชือกป้องกัน ร่างของเขาก็คงจะบินลอยออกจากเวทีแล้ว ในเวลาเดียวกัน กู่ เฉียนเซวีย ก็ไม่ได้หยุดมือแต่อย่างใด เธอพุ่งตัวตามเข้าไปหา เฟิง ยี่เสี่ยว อย่างบ้าคลั่งราวกับเสือดาวตัวเมียที่กำลังล่าสัตว์! จากนั้นขาขวาที่เรียวยาวของเธอ ก็กวาดเตะออกไปอย่างไร้ความปราณี มุ่งตรงไปที่ขมับของ เฟิง ยี่เสี่ยว!
รวดเร็วบ้าคลั่งดุดันและแข็งแกร่งเหนือใคร!
เมื่อ เฟิง ยี่เสี่ยว ตั้งสติได้ เขาก็พบว่ามันมีเท้าขวาของ กู่ เฉียนเซวีย หยุดอยู่ที่ด้านซ้ายของศีรษะห่างจากเขาไปไม่ถึง 10 เซนติเมตร และพลังที่น่ากลัวนั้น มันก็ได้กลายมาเป็นลมกระโชกแรงที่พัดเข้ามาที่ใบหน้าของเขา จนทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
“นี่ควรนับว่าชนะไหม?”
กู่ เฉียนเซวีย ถามออกมาเบาๆด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เฟิง ยี่เสี่ยว รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก เขาประเมินความสามารถของ กู่ เฉียนเซวีย ต่ำไป แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอนั้นมีทักษะในการต่อสู้สูงก็ตาม เขาคิดว่าเธอยังคงเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิง ที่ไม่มีทางเอาชนะเขาได้ไม่ว่าเธอจะมีฝีมือมากแค่ไหนก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเขานั้นคิดผิด
นอกจากเด็กฝึกแล้ว มันก็ยังมีเจ้าหน้าที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ในโรงยิมที่เฝ้าดูการแข่งขันด้วย ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้ เฟิง ยี่เสี่ยว รู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
แปะ แปะ แปะ
เหยียนหวัง ปรบมือและพูดกับ กู่ เฉียนเซวีย ด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา “ใช่ คุณชนะแล้ว ตอนนี้คุณสามารถพักผ่อนได้หนึ่งวัน”
กู่ เฉียนเซวีย ถอนขาที่เรียวยาวของเธอออกจากตรงหัวของ เฟิง ยี่เสี่ยว และกระโดดลงมาจากบนเวทีอย่างง่ายดาย จากนั้นเธอก็เก็บข้าวของของตัวเองโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้เธออยากจะพักผ่อนแล้วจริงๆ