ตอนที่ 922 ขอความช่วยเหลือ

Elixir Supplier

922 ขอความช่วยเหลือ

หลังค่าคืนผ่านพ้นไปแสงอาทิตย์ก็ส่องสว่างหลังจากหนึ่งอาทิตย์ที่เย็นยะเยือกอากาศก็อุ่นขึ้นอย่างกะทันหัน

สถานการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นทั่วทั้งภาคเหนือของประเทศสภาพอากาศของทางยูนนานใต้กลับเย็นสบายกว่าและพระอาทิตย์ก็ให้ความอบอุ่นมากกว่าต่างจากอารมณ์ที่ย่ําแย่ของกั๋วเจิ้งเหอในเวลานี้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตเหอมีการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกครั้งนี้มีคนเสียชีวิตทั้งหมดสามรายพวกเขานั่งทานอาหารร่วมกันและต่างก็ถูกพิษเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เจ้าของร้านที่ถูกคุมตัวเอาไว้อยู่ในอาการช็อก

มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?

เขาทวนประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หลังจากการสืบสวนเบื้องต้น ร้านอาหารได้พ้นข้อกล่าวหา เพราะในวัตถุดิบทั้งหมดของร้านไม่ได้มีการเจือปนของพิษอยู่เลย แล้วทั้งสามถูกพิษได้ยังไง?

เจ้าหน้าที่สืบสวนของจังหวัดต่างตกอยู่ภายใต้ความกดดันและสับสนคดีเก่ายังไม่ทันได้

สะสางตอนนี้มีคดีใหม่เพิ่มเข้ามาอีกคดีแล้ว

“หาให้ได้ว่ามันคือพิษอะไร!” นี่คือก้าวแรกที่พวกเขาเลือกเดิน

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงทําการส่งตัวอย่างเลือดของผู้เสียชีวิตทั้งหมดไปยังแล็ปในปักกิ่งผลสรุปได้ออกมาแล้วผู้ตายทั้งสามต่างเสียชีวิตจากพิษชนิดเดียวกันสิ่งที่ต่างออกไปก็คือปริมาณของพิษ ผลเลือดของคดีที่สี่ถูกส่งไปยังปักกิ่งในทันที

“ที่นี่เป็นแค่เขตเล็กๆเท่านั้นทําไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นซ้ำๆกัน?”

“อย่าบ่นนักเลย เรามาที่นี่ก็เพื่อไขคดีนะ”

“ผมสงสัยว่า สองคนนั้นจะได้อะไรบ้างรึยัง”

ภายในหุบเขาพันโอสถที่ห่างออกไปหลายร้อยไมล์

“อะไรนะ? มีคนตายอีกแล้วเหรอ?”หยางกวนเฟิงที่ได้รับข่าวตกใจจนพูดไม่ออก

หลู่ซิ่วเฟิงจุดบุหรี่และสูบอยู่เงียบๆหลังจากที่ได้ยินข่าว

“เอาล่ะ ผมเข้าใจแล้ว เราเจอบางอย่างที่นี่ แต่ก็ยังไม่กระจ่าง” หยางกวนเฟิงพูดสองสามคําก็วางสาย

“เกิดคดีขึ้นที่เขตเหออีกคดีแล้ว มีคนตายสามคนในขณะที่พวกเขากําลังกินข้าวอยู่ในร้านอาหารพวกเขาถูกพิษ”

“ตอนนี้ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นฝีมือของคนในหุบเขาแล้ว เพราะช่วงนี้ทางเมืองเข้มงวดเรื่องอาชญากรรมกันมากขึ้น”หลู่ซิ่วเฟิงพูด “พวกเราก็ยังสืบคดีกันอยู่ที่นี่ถ้าพวกเขาไม่โง่พวกเขาก็คงจะไม่ลงมือในช่วงเวลาแบบนี้หรอก”

“แผนใส่ร้าย?” หยางกวนเฟิงถาม

“ใช่ เป็นได้สูง” หลู่ซิ่วเฟิงพูด

“แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าเมื่อไม่กี่วันก่อนล่ะ?” หยางกวนเฟิงถาม

“ในหุบเขาจะต้องมีเรื่องด่ามืดซุกซ่อนอยู่แน่ๆ แต่มันคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีที่เกิดขึ้นเลย”

หลู่ซิ่วเฟิงพูด

หยางกวนเฟิงจุดบุหรี่และพูด “แต่ถึงอย่างนั้นผมคิดว่า มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับคนในหุบเขา”
เขาพ่นควันบุหรี่

“พวกเขาชักนําาพวกเราให้มาที่นี่และใช้เราเป็นเครื่องมือในการเปิดโปงความลึกลับของสถาน

ที่แห่งนี้ เป็นไปได้ว่า คนพวกนั้นก็เป็นคนที่มาจากที่นี่เหมือนกัน พวกเขาแค่เป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีเกลียดชังเมี่ยวซีเหออย่างลึกซึ้งก็เท่านั้น”

“ใช่ ผมเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของคุณ” หลู่ซิ่วเหิงพูด

“น่าเสียดายที่เมี่ยวซีเหอมีอํานาจสิทธิขาดที่นี่”เขาพูด“คนที่นี่ยังมีความอนุรักษ์นิยมสูงอย่างที่เมี่ยวชิงเฟิงเคยพูดไว้พวกเขาปฏิบัติตามกฎที่ถูกส่งต่อมาหลายร้อยปีกฎพวกนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่ากฎหมายเราเป็นแค่คนนอกตั้งแต่ต้นมันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต่อต้านและสงสัยในตัวเราแล้วที่นี่ก็อาจจะมีหูตาอยู่เต็มไปหมดด้วยถึงจะมีคนเห็นต่างแต่พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเพราะหวาดกลัวเมี่ยวซีเหอยกเว้นก็แต่คนคนนั้นคนเดียว”
“คนคนนั้นเป็นใครกันแน่?”หยางกวนเฟิงถาม

“หาไมเราไม่โทรไปหาเขาล่ะ?”

“อย่าเลย” หลู่ซิ่วเฟิงส่ายหน้า

“มันเสี่ยงเกินไป” เขาพูด

สายลับมีบทบาทสําคัญในช่วงเวลาวิกฤต แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าสายลับคนนี้มีความคิดแบบ

ไหน หรือเขาอาจจะอยากยืมมือพวกเขาฆ่าใครบางคนอยู่ก็เป็นได้

“เฮ้อ ปวดหัวจริงๆ!”หลู่ซิ่วเฟิงล้มตัวลงนอนบนเตียงจับจ้องไปที่เพดานไม้ของบ้าน“คนที่อยู่ข้างนอกฆ่าคนไปเรื่อยๆจุดประสงค์ก็เพื่อให้พวกเราให้ความสนใจกับหุบเขาแห่งนี้ตอนนี้พวกเราก็อยู่ที่นี่กันแล้วแต่เราก็หาข้อมูลที่มีประโยชน์อะไรไม่ได้เลยสักอย่าง”

“ไม่ว่าหุบเขาแห่งนี้จะเก็บซ่อนความลับอะไรเอาไว้ คนที่ฆ่าคนอยู่ข้างนอกก็คือคนที่ร้ายที่สุด”

หลู่ซิ่วเฟิงพูด เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

“บางที พรุ่งนี้เราน่าจะลองไปคุยกับผู้นําาเมี่ยวดู” หยางกวนเฟิงพูดเสนอขึ้นมา “คุยกับเขา? คุยเรื่องอะไร?”

“เราจะพูดกับเขาไปตามตรงและขอให้เขาส่งคนออกไปช่วยเราไขคดีข้างนอกนั่น” หยางกวน

เฟิงพูด

“แล้วถ้าพวกเราตัดสินใจผิดพลาดขึ้นมาล่ะ? ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาขึ้นมาจะทํายังไง?” หลู่
ซิ่วเฟิงถาม

“ก็ถือว่าเรายังพอจะได้เบาะแสอะไรมาบ้าง” หยางกวนเฟิงพูด “เราจะคอยจับตามองเท่าที่จะ

ทําได้ เพราะถึงเราอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาอยู่ดี”

“ถ้าไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย จะเป็นพวกเราเองที่ซวย”

“ได้ เป็นอันตกลง” หลู่ซิ่วเฟิงพูดขึ้นมาหลังจากที่ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง

พวกเขาอยู่ที่นี่มาได้หลายวันแล้ว พวกเขาค้นพบปัญหาและคืบหน้าไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ สามารถหาหลักฐานมายืนยันเรื่องนั้นได้ มันก็เป็นได้แค่ข้อสันนิษฐานของพวกเขาเท่านั้น

ภายในหุบเขา ในบ้านหลังหนึ่ง

“มีคนตายอีกแล้วเหรอ?”

“ใช่ครับ ตายเพิ่มอีกสามคน”

“อืม พวกคนจากด้านนอกไร้ความสามารถกันจริงๆ”ชายวันกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงแหบ“มันไม่ใช่เพราะพวกเขาไร้ความสามารถหรอก”เมี้ยวซีเหอพูด“แต่มันเป็นเพราะฝ่ายตรงข้าม

ของพวกเขาร้ายกาจเกินไปต่างหาก”

“ผู้นํา เราส่งคนออกไปช่วยดีไหม?”

“แล้วเราจะช่วยอะไรได้?”เมี่ยวซีเหอถาม“ถ้าพวกเราออกไปพวกเราก็อาจจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปแทนก็ได้แล้วศัตรูก็ซ่อนตัวอยู่ในความมืดในขณะที่พวกเราอยู่ในที่แจ้งถ้าพวกเราเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ไม่ว่าพวกเราจะพูดยังไงก็คงไม่อาจรักษาชื่อเสียงให้ขาวสะอาดไว้ได้

ถ้าเขารู้ว่าเรื่องจะบานปลายมาถึงขนาดนี้เขาก็คงจะจัดการถอนรากถอนโคนไปตั้งแต่แรกโดยไม่ปล่อยให้ศัตรูมีโอกาสแก้แค้นหรือทําอันตรายได้อีก

“ทุกคนออกไปได้แล้ว” เมี่ยวซีเหอพูด“ฉันขอคิดเรื่องนี้ดูก่อน”

“ครับ”

เมี่ยวซีเหอนั่งขัดสมาธิและหลับตาคิดใคร่ครวญถึงขั้นตอนต่อไป

เช้าวันต่อมาพระอาทิตย์ขึ้นเหมือนเช่นทุกวัน

ตอนเช้าตรู่ หยางกวนเฟิงกับหลู่ซิ่วเฟิงไปหาเมี่ยวชิงเฟิงและบอกว่าพวกเขาต้องการพบเดี่ยวซีเหอ

“เชิญตามผมมาได้เลยครับ

หลังจากที่ได้พบกับเมี่ยวซีเหอแล้วพวกเขาก็บอกจุดประสงค์ที่มาในทันที

“ได้ครับ ผมจะส่งคนให้ไปช่วยพวกคุณ”เมี่ยวซีเหอพูดหลังจากที่ใช้ความคิดเล็กน้อยเขาก็ตกลงกับคําขอของพวกเขาในการส่งคนออกไปสองคนคนหนึ่งคือคนที่พวกเขาคุ้นเคยอย่างเดี่ยวชิงเฟิง และอีกคนเป็นชายวัยกลางคนที่ชื่อว่าเดี๋ยวฉางหง

พวกเขาเดินทางออกจากหุบเขาในตอนเช้าหยางกวนเฟิงขับรถมุ่งหน้าสู่ภายนอกพวกเขาไปถึงเขตเหอในตอนสองทุ่ม

เวลากลางคืน เขตเหอเล็กเงียบสงบ แต่ผู้คนที่อยู่อาศัยกลับอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวในหลายวันที่ผ่านมามีข่าวลือมากมายกระจายไปทั่วมีบางข่าวลือที่บอกว่ามีโรคระบาดกระจายไปทั่วทั้งเขตที่มากไปกว่านั้นก็คือมีคนเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 20 คนและยังคงมีการเสียชีวิต อย่างต่อเนื่องทางจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่มา แต่ก็ยังไม่สามารถพบการรักษาที่เป็นผลได้ความตื่นตระหนกและข่าวลือต่างๆจึงกระจายออกไปอย่างรวดเร็วปัง! กั๋วเจิ้งเหอปาแก้วลงไปที่พื้น

“คุณชาย ใจเย็นก่อนเถอะครับ” เสวี่ยวซินหยวนที่อยู่ข้างเขารีบพูดขึ้นมา

“พวกเจ้าหน้าที่ของจังหวัดสืบคดีคืบหน้าไปได้แค่นิดเดียว!”เขาโมโหอย่างมาก“ถ้ายังมีคน

ตายเรื่อยๆแบบนี้ทางปักกิ่งต้องเข้ามายุ่งแน่!”

เสวี่ยซินหยวนเงียบ เขารู้สถานการณ์ในเวลานี้ดีถ้าทางปักกิ่งเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีนี้มันก็จะไม่สามราถเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับได้อีกต่อไปอยู่ๆมือถือก็ส่งเสียงดัง

“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” กั๋วเจิ้งเหอพูด “ครับ ผมตกลง”