หวางซานได้แต่นั่งอยู่บนพื้นที่เลอะเทอะอย่างทรุดโทรม
ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกว่าเย่เทียนแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาควรหยุดความคิดในการแก้แค้นของหลิวเหวินซวุ่และอยู่ให้ห่างจากเย่เทียน!
ด้วยวิธีนี้ ครอบครัวตระกูลหลิวจะไม่พินาศ ศิษย์พี่หวางลี่ก็จะไม่ตาย และผู้อาวุโสทั้งสามก็ไม่จำเป็นต้องตายเช่นกัน
“หวางซาน ตอนนี้เหลือแค่คุณคนเดียวแล้วนะ!”
ทันใดนั้น สายลมพัดขึ้นเบาๆ ในขณะที่หวางซานลืมตาขึ้น ร่างเงาของคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาพร้อมกับคำพูดที่เย็นชาและไร้ซึ่งความปรานีดังเข้ามาในหู
นอกจากเย่เทียนแล้วจะเป็นใครได้อีก?!
เมื่อยืนยันแล้วว่าคือเย่เทียน สีหน้าของหวางซานผู้ซึ่งเคยเย่อหยิ่งมาตลอดคนนี้ก็กลายเป็นสีฝุ่นในทันที ร่างกายของเขาอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา ลำคอของเขาดูเหมือนถูกขัดด้วยบางสิ่งซึ่งทำให้เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก
แต่จากนั้น ใบหน้าอันทรุดโทรมของหวางซานค่อยๆ ตั้งสติได้ สีหน้าของเขากลายเป็นความโกรธขึ้นมาทันที และมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อก็ถูกชักออกมาให้เห็น
“เย่เทียน ผมรู้ว่าคุณเก่ง แต่คุณจะถูกฝังกับผมไปด้วยกันที่นี่!”
“ผมไม่กล้วหรอกนะ เพราะผมได้ฝังระเบิดห้ากิโลกรัมไว้ในโกดังนี้แล้ว ขอแค่ผมปล่อยมือ อย่าว่าแต่โกดังนี้เลย แม้แต่ระยะสองร้อยเมตรก็จะไม่เหลืออะไร!”
เย่เทียนผงะไปครู่หนึ่ง แต่ก็หัวเราะออกมาจนได้ “ถ้านี่เป็นทางเลือกสุดท้ายของคุณ ขอโทษนะ เส้นทางของโลกภายหน้าคุณคงต้องเดินคนเดียวก่อนแล้วล่ะ!”
หลังจากที่พูดอย่างนั้น และก่อนที่หวางซานจะตั้งตัวได้ เย่เทียนสะบัดเท้าแล้วหายตัวไป แต่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เขาก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหวางซานแล้ว
หวางซานตกใจจนหน้าซีด ด้วยความคิดที่จะตายไปพร้อมกัน เขาจึงเตรียมจะปล่อยคอนโทรลเลอร์ในมือทิ้ง
แต่ว่า ในขณะที่เขาเพิ่งเริ่มความคิดนั้น เย่เทียนก็พุ่งเข้าไปติดตัวเขาและจี้เขาด้วยนิ้วเดียว
และในวินาทีถัดมา หวางซานไม่สามารถเคลื่อนไหวได้แม้แต่นิดเดียว!
แม้จะเป็นเพียงท่าง่ายๆ ในการคลายนิ้วโป้งเขายังไม่สามารถทำได้ มีเพียงลูกตาสองลูกที่ยังขยับขึ้นลงได้ แต่ส่วนอื่นของร่างกายเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกเลย
“จะหาว่าคุณเป็นปัญญาอ่อนมันก็ไม่ผิดเลยนะ”
เย่เทียนตวาดเสียงดังและใช้ฝ่ามือครอบหัวหวางซานไว้ “คิดว่าผมจี้จุดไม่เป็นงั้นเหรอ? จะควบคุมคุณมันก็แค่เรื่องในวินาทีเดียวเท่านั้น!”
“……” แววตาของหวางซานโกรธจนแทบจะลุกเป็นไฟ ถ้าสายตาสามารถฆ่าคนได้ เกรงว่าเย่เทียนคงเละไม่เป็นท่าไปแล้ว
“ในเมื่อคุณอยากถูกระเบิดจนร่างกระจาย งั้นผมจะสมทบให้ละกัน เผื่อตอนคุณเจอยมบาลแล้วจะกล่าวหาว่าผมไม่เอาไหน”
เย่เทียนไม่อยากเสียเวลากับหวางซานอีก เขาจึงหันไปอุ้มเหลียงเยว่หรูที่หมดสติขึ้นมาแล้วเดินออกจากโกดังนั้นทันที
เดิมทีคิดว่าเฉินไห่หรือหลิวชิงจะมาเก็บศพที่นี่ แต่ไม่คิดเลยว่าหวางซานได้คำนึงถึงเรื่องนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ใครลำบากใครอีก แล้วจะรออะไร?
หวางซานที่ถูกจี้จุดไม่มีทางที่จะห้ามใครได้ทั้งนั้น ได้แต่เฝ้ามองเย่เทียนเดินจากไป
หลังเดินออกจากโกดังแล้วเย่เทียนก็วางเหลียงเยว่หรูไว้ในรถอย่างระมัดระวัง เขายังไม่ได้รีบร้อนที่จะไปไหน แต่เดินไปเปิดประตูโกดังร้างนี้ให้กว้างก่อน
และจากนั้นเขาก็เดินไปทั่วโกดัง เมื่อเจอรถของหวางซานที่จอดอยู่ข้างโกดังแล้ว เขาเก็บท่อนเหล็กเก่าแล้วนำไปใส่ไว้ที่คันเร่งของรถ และเมื่อเห็นรถยนต์คันดังกล่าวค่อยๆ ขยับไปหาหวางซาน เย่เทียนถึงจะพึงพอใจแล้วขึ้นไปบนรถของเขาและเหยียบคันเร่งออกไปให้เร็วที่สุด
ความตายนั้นไม่ได้น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือต้องเฝ้ามองความตายโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย!
แม้ความเร็วของรถที่เคลื่อนเข้าหาหวางซานจะช้ามาก และมันไม่อาจชนเขาจนถึงกับตายได้
แต่ อย่าลืมแผงควบคุมระเบิดในมือเขา!
ขอแค่รถชนกับหวางซาน ร่างกายที่ถูกจี้จุดจะไม่สามารถบังคับแผงควบคุมระเบิดนั้นได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นเขาได้แต่ถูกระเบิดที่ตัวเองวางไว้จนกลายเป็นชิ้นเนื้อ!
หวางซานจะไม่เข้าใจความคิดของเย่เทียนได้อย่างไร แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงรอความตาย!
ตู้ม!
เมื่อเย่เทียนขับรถออกจากโกดังมาเกือบร้อยเมตร ในที่สุดเสียงระเบิดก็ดังขึ้นจากข้างหลังเขา และเมฆรูปเห็ดยักษ์ก็ปะทุขึ้น
“อื้อฮือ!”
เหลียงเยว่หรูที่หมดสติก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นและค่อยๆ ลืมตาพร้อมกับเสียงอุทาน
“ตื่นแล้วเหรอ?”
เย่เทียนที่ได้ยินเสียงก็เหลือบมองไปที่เธอแล้วยิ้มจนเห็นฟันสีขาวของเขา
เหลียงเยว่หรูที่ยังคงครึ่งหลับครึ่งตื่นก็ตะโกนขึ้นโดยไม่รู้ตัว “เย่เทียน คุณไม่ต้องสนใจฉัน รีบหนีไป!”
ความรู้สึกของเธอยังคงอยู่ในสถานการณ์ก่อนที่เธอจะสลบไป ภาพของเหล่าอาวุโสทั้งสามที่ระเบิดพลังอย่างน่ากลัว แล้วจะให้เธอไม่กังวลเย่เทียนได้อย่างไร?
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ”
เย่เทียนที่กำลังขับรถอยู่ก็ยืนมือข้างหนึ่งออกไปจับมืออันเรียวงามของผู้หญิงคนนี้และพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ทุกอย่างจบแล้ว คุณหายห่วงได้แล้วนะ”
สีหน้าของเธอยังคงซีดเซียวไม่จางหาย เธอได้แต่จับมือของเย่เทียนไว้แน่นๆ และไม่กล้าปล่อยมือจากเขาเลย
“น้องสาว ผมยอมรับว่ามือของคุณนุ่มลื่นมาก แต่ผมกำลังขับรถอยู่นะ?”
เย่เทียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้และพูดอย่างติดตลกว่า “หรือว่าคุณอยากให้เราเล่นเกมประสบอุบัติเหตุด้วยกันแล้วพบรักในนี้?”
“เอ๊ะ?!” เหลียงเยว่หรูรีบดึงมือกลับไป แต่สีหน้ายังคงซีดอยู่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอยังคงรู้สึกกลัวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
แต่ว่า ด้วยรูปร่างหน้าตาบวกกับความอ่อนไหวของเธอ ทำให้คนเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะปกป้องเธอย่างสุดชีวิต
เอี๊ยดดด!
เย่เทียนเหยียบเบรกแล้วหยุดรถที่ข้างถนนอย่างกะทันหัน จากนั้นเหยียดหัวออกไปแล้วพูดด้วยรอยยิ้มของปีศาจที่ชั่วร้าย “จะว่าไป ผมเพิ่งช่วยชีวิตคุณไว้นะ แล้วคุณจะตอบแทนผมยังไงล่ะ?”
“หา?!”
เหลียงเยว่หรูถึงกับผงะไป ได้แต่มองไปที่เย่เทียนที่อยู่ใกล้ชิดกับเธอแล้วพูดเบาๆ ว่า “แล้ว แล้วคุณต้องการให้ฉันตอบแทนยังไงล่ะ?”
เย่เทียนดีใจมากเมื่อได้ยินคำนี้
ดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกลักพาตัวมาทำไม ความจริงแล้วศัตรูก็แค่จะเล่นงานเขา ฉะนั้น ถ้าไม่ฉวยโอกาสตอนนี้ แล้วจะฉวยโอกาสตอนไหน!
อีกอย่างถ้าปล่อยเวลาไป ด้วยความฉลาดของสาวน้อยคนนี้ เธอต้องรู้ความจริงและมันจะหมดโอกาสแน่นอน
เมื่อนึกเช่นนี้ เย่เทียนก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย “เอางี้ดีกว่า ผมน่ะเป็นคนมีคุณธรรมอยู่แล้ว ผมจะไม่ขออะไรมากมายจากคุณ ขอแค่……”
“คุณจูบผมสักครั้งก็พอ!”
เย่เทียนจงใจลากเสียงยาวๆ จากนั้นมุ่ยปากเพื่อรอการเคลื่อนไหวของผู้หญิงคนนี้
“หา?!” เหลียงเยว่หรูถึงกับทำตัวไม่ถูก
บนแก้มบางๆ ของเธอสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเย่เทียน และกลิ่นกายของความเป็นชายจากเย่เทียนค่อยๆ ลอยเข้าไปในปลายจมูกของเธอ เหลียงเยว่หรูตื่นเต้นจนนิ้วเกร็งไปหมด เธอไม่รู้จะทำตัวอย่างไรแล้ว
เธอไม่ได้รังเกียจเย่เทียน กระทั่งยังรู้สึกปลอดภัยด้วยซ้ำเมื่ออยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้
แต่ประเด็นคือ เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จะให้เธอมอบจูบท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกนี้เธอก็ไม่กล้า
แต่ถ้าเย่เทียนเป็นฝ่ายจู่โจม เธออาจจะปฏิเสธไปด้วยและให้ความร่วมมืออย่างกลมกลืน ทุกอย่างมันก็จะสำเร็จไปด้วยดี
แต่ว่า เย่เทียนในตอนนี้ตั้งท่ารอเธออย่างเดียว แล้วเธอจะก้าวข้ามกำแพงของความเขินอายนี้ได้อย่างไร!
เมื่อทำสงครามความคิดกับตัวเองเสร็จ ในที่สุดเธอก็มองไปที่เย่เทียนที่อยู่ตรงหน้า เธอค่อยๆ ตัดสินใจ ค่อยๆ หลับตาลง และเตรียมพร้อมที่จะขยับเข้าไปสัมผัสกับเย่เทียนด้วยรอยจูบ
กริ๊ง กริ๊ง!
แต่แล้ว เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าของเย่เทียนก็ดังขึ้นก่อนเวลาอันควร…