ในสายลม

ร่างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้น

ขณะใช้พลังธาตุทั้งห้าของแผ่นระเบิดโกลาหล กู่ฉิงซานกลับมาสู่ร่างเดิม ออกจากสมรภูมิ กลายเป็นสายลมและพุ่งมาอยู่ข้างราชาอมตะ

…เขาเอื้อมมือไปคว้าดาบศักดิ์สิทธิ์

“ผู้อาวุโสอย่าได้กังวล ดาบอยู่ในมือข้าแล้ว”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ราชาอมตะมองกู่ฉิงซาน จากนั้นมองดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือ ความไม่สิ้นหวังกับความไม่เต็มใจของเขามลายหาย

ในที่สุดราชาอมตะยิ้มออกมาแล้วกล่าวอย่างยากลำบากว่า “ดีจริงที่มา”

เขาหลับตาลงช้า ๆ ศีรษะก้มต่ำก่อนล่วงลับ

ยุคโบราณที่เป็นของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ตอนนี้ ด้วยการล่วงลับของราชาอมตะ ทำให้มันถูกทำลายลง

ทุกอย่างจบลงแล้ว

เมื่อเห็นชายชราคนนี้ที่วางแผนทุกสิ่ง กู่ฉิงซานรู้สึกถึงอารมณ์ที่พุ่งพล่านอยู่ในใจ

แต่เพียงอึดใจเดียวเขาก็ระงับอารมณ์เอาไว้

หลังจากหลั่งโลหิตมามากมาย เดินทางผ่านยุคโบราณต่าง ๆ พเนจรท่ามกลางฝูงสัตว์ประหลาดที่สมคบคิดและการขัดขืนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ในที่สุดตอนนี้ก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว

เขาต้องไม่ทำพลาด

ทุกสิ่งยังไม่จบ

ผลลัพธ์สุดท้ายต้องจบโดยที่เขาทุ่มกำลังทั้งหมดที่ม

ในความว่างเปล่า ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กยังคงปรากฏขึ้น

“ท่านได้รับดาบศักดิ์สิทธิ์”

“ท่านทำภารกิจวิวัฒนาการบัญญัติเสร็จสิ้น”

“บัญญัติราชามารตอนนี้กำลังวิวัฒนาการ ราชามารกำลังจะจุติลงมา”

ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กทั้งหมดหายไป

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของบัญญัติราชามารดังขึ้น

“เพราะระดับแหล่งกำเนิดพลังบัญญัติเท่ากับร่างทดลอง การวิวัฒนาการนี้จึงเสร็จสิ้น”

“เพราะท่านคลี่คลายผู้ถักทอชีวิตหุบเหว บัญญัติจึงแนะนำว่าให้สังเวยเทพมารระดับกลางที่เพิ่งสร้างเสร็จเพื่อเปลี่ยนกลยุทธโต้กลับในสมรภูมิ”

“ข้าจะได้อะไรหลังจากสังเวยแล้ว” กู่ฉิงซานถาม

บัญญัติราชามารตอบว่า “ท่านจะได้การทำงานสงครามครั้งแรกของบัญญัตินี้… ความจริง บัญญัตินี้เริ่มที่ต้นเพลิง ไม่เคยเปิดการทำงานของจริงให้ท่าน นี่คือครั้งแรก”

“สังเวยเดี๋ยวนี้เลย” กู่ฉิงซานกล่าวในใจ

“รับทราบแล้ว เทพมารถูกสังเวย ธงสีดำของราชามารกำลังจะทำงาน” บัญญัติกล่าว

…จากการไปเอาดาบของกู่ฉิงซานจนถึงการวิวัฒนาการของบัญญัติ สิ่งเหล่านี้ดูยาวนาน แต่มันผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น

มีเสียงคำรามสั่นสะเทือนมาจากท้องนภา

กู่ฉิงซานมองขึ้นไป

เขาเห็นวิญญาณกรีดร้องกับมังกรหุบเหวร่วมมือกันโจมตีใส่ยักษ์อมตะ

พวกมันสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวบนพื้นแล้ว

แต่กู่ฉิงซานเป็นเพียงนักพรตมนุษย์ระดับสามพันโลก พวกมันจึงไม่ได้สนใจอย่างจริงจัง

สำหรับสัตว์ประหลาดหุบเหวน่าสะพรึงทั้งสอง ไม่มีความแตกต่างระหว่างดาบศักดิ์สิทธิ์ตกอยู่ในมือของเขากับตกอยู่ในมือของราชาอมตะ

ยักษ์อมตะต้องถูกสังหารก่อน!

วิญญาณกรีดร้องและมังกรหุบเหวช่วยคุ้มกันก่อนพุ่งเข้าใส่ยักษ์อมตะด้วยความเร็วที่ไม่มากนัก

พลังจากยักษ์อมตะทะยานสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง ทั่วร่างปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงออกมา

ยักษ์ชูดาบขึ้นคล้ายกับเตรียมจะทุ่มสุดกำลัง

เมื่อเห็นเช่นนี้ วิญญาณกรีดร้องและมังกรหุบเหวช้าลง

พวกมันมีแรงจูงใจเป็นของตัวเองขณะพยายามรักษาจังหวะผสานกันให้ได้มากที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีสุดท้ายของอีกฝ่าย

กู่ฉิงซานมองฉากนี้อยู่เงียบ ๆ ความคิดของเขาวูบไหว

ตัดสินจากกระบวนการต่อสู้ทั้งหมดแล้ว วิญญาณกรีดร้องเป็นสัตว์ประหลาดที่ฉลาดมาก

มันซ่อนสิ่งหนึ่งเอาไว้

มันซ่อนหอกหลากสีสัน ไม่เอาออกมาใช้

สิ่งที่ทำให้กู่ฉิงซานรู้สึกหนักอึ้งยิ่งกว่าคือ…

วิญญาณกรีดร้องตรงหน้าเขาถึงกับเป็นเพียงร่างแยกของวิญญาณกรีดร้องร่างจริง

ร่างของมันยังอยู่ในหุบเหว

ทำไมร่างนั้นถึงไม่มา

อีกอย่าง ร่างของผู้ถักทอชีวิตหุบเหวยังเต็มไปด้วยความพิศวง

ข่าวดีเดียวก็คือ…

ดวงตาของกู่ฉิงซานจับจ้องมังกรหุบเหว

ในการต่อสู้ ร่างของมังกรหุบเหวเต็มไปด้วยหมอกสีเทากัดกร่อน บางครั้งหมอกปกคลุมทั่วร่าง

ถ้ามีหมอกสีเทามากเกินไปที่ไม่เข้าร่างในเวลาเดียวกัน ร่างของมังกรมารจะกระตุกเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

ปัญหาเล็กน้อยนี้ไม่สามารถหลบหนีจากสายตาของวิญญาณกรีดร้องไปได้ แถมยังถูกกู่ฉิงซานสังเกตเห็นอีกด้วย

…การกลายเป็นหุบเหวของมังกรมารคล้ายกับเผชิญปัญหาบางอย่าง สมองของมันไม่ได้ฉลาดเหมือนเมื่อก่อน

แต่ไม่ว่ายังไง มังกรมารคืออาวุธทรงพลังที่สามารถคุ้มกันร่างของผู้ถักทอชีวิตหุบเหวได้ ถึงแม้บางสิ่งจะผิดพลาดในกระบวนการกลายเป็นหุบเหว แต่พละกำลังของมันก็แข็งแกร่งขึ้น

นี่คือเหตุผลที่ทำไมวิญญาณกรีดร้องถึงซ่อนหอกหลากสีสันเอาไว้

กู่ฉิงซานประหลาดใจกับเรื่องนี้เหมือนกัน

…กลายเป็นว่าช่องว่างระหว่างสัตว์ประหลาดในหุบเหวนั้นกว้างนัก

วิญญาณกรีดร้องคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดที่แสวงหาดาบศักดิ์สิทธิ์

แค่ร่างแยกก็สามารถสู้กับมังกรมารได้

ส่วนร่างของมัน…

กู่ฉิงซานถอนหายใจ ทันใดนั้นก็คิดถึงผู้สร้างขึ้นมาอีกครั้ง

…นั่นเป็นพลังที่เหลือเชื่อยิ่งกว่า

กู่ฉิงซานสงบสติก่อนส่งเสียงเรียก “ลั่วปิงหลี เร่งมือหน่อย!”

อาศัยจังหวะที่สัตว์ประหลาดหุบเหวทั้งสองถูกหลอกอยู่นั้น ตอนนี้คือช่วงเวลาเดียวที่สามารถลงมือได้ หากไม่ช่วยดาบตอนนี้แล้วจะให้ไปช่วยตอนไหน

เขาเห็นหญิงสาวในชุดหลากสีสันปรากฏขึ้นจากดาบศักดิ์สิทธิ์ขณะส่งเสียงกระซิบบางอย่างใกล้หูของกู่ฉิงซาน

…เหมือนกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นอื่น ๆ เมื่อวิญญาณสิ่งของพูดความสามารถของตัวเองออกมา ผู้ถือดาบจะรู้วิธีใช้อาวุธนี้อย่างแท้จริง

จากการสรุปของลั่วปิงหลี กู่ฉิงซานค่อย ๆ เข้าใจบางสิ่ง

“โชคดีที่นี่คือเกาะแห่งเวลา”

กู่ฉิงซานพึมพำ

เพราะเป็นเกาะแห่งเวลา ทุกสิ่งที่คงอยู่ที่นี่จึงแยกออกจากเส้นเวลาทั้งหมด

ไม่สำคัญว่าจะมีสิ่งใดในประวัติศาสตร์ปรากฏขึ้นที่นี่

…ตราบที่อีกร่างไม่อยู่ในเกาะแห่งเวลานี้ เช่นนั้นร่างของทั้งสองก็จะไม่ถูกเลือกให้ลบล้างโดยกฎเกณฑ์แห่งเวลา

แต่ถ้าสองตัวตนปรากฏขึ้นบนเกาะแห่งเวลาพร้อมกัน กฎเกณฑ์แห่งเวลาจะสุ่มลบล้างหนึ่งในร่างดังกล่าวเพื่อให้แน่ใจว่าเกาะแห่งเวลาจะยังคงสภาพเหมือนเดิม

ดาบพิภพจากยุคโบราณถูกเซี่ยกูหงเอาไปก่อนถูกส่งไปที่โลกเบื้องล่าง

ตอนนี้ มีเพียงดาบพิภพเล่มเดียวบนเกาะแห่งเวลา

…ดาบพิภพอยู่ในมือของกู่ฉิงซาน

เขาตบถุงเก็บของอย่างไม่ลังเล หยิบกล่องยาวออกมาแล้วเปิดมันออก

ดาบพิภพ

ดาบพิภพยังหลับอยู่

วิชาจำกัดเวลาเปราะบางยิ่ง ระลอกคลื่นบิดเบี้ยวที่มองไม่เห็นพลันหายไปภายใต้การสัมผัสเล็กน้อยของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานถือดาบศักดิ์สิทธิ์ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างถือดาบพิภพไว้

ดาบสองเล่มตอบสนองทันที

ร่างที่แตกหักของดาบพิภพเต็มไปด้วยรอยร้าวแล้ว แต่การตอบสนองของดาบสองเล่มนี้ทำให้รอยร้าวทั้งหมดหายไปอย่างรวดเร็วราวกับปาฏิหาริย์

มันฟื้นคืนด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!

ในเวลาเดียวกัน บนหน้าต่างระบบที่ว่างเปล่าตรงหน้ากู่ฉิงซาน ค่าพลังวิญญาณยังคงลดลง

แต่กู่ฉิงซานไม่ได้สนใจค่าพลังวิญญาณ

“เยี่ยม ในที่สุดข้าก็ช่วยเจ้าได้แล้ว”

เขากล่าวอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโล่งอก

เสียงของดาบพิภพดังขึ้นราวกับขุนเขา “ไม่อยากจะเชื่อ ท่านถึงกับพบดาบศักดิ์สิทธิ์จริง ดูท่าข้าจะไม่ต้องตายแล้ว”

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “แน่นอนสิ เจ้าคือดาบของข้า ข้าไม่ยอมให้ตายหรอก ดังนั้นเจ้าอย่าตายเลย”

ดาบพิภพเงียบสักพักก่อนกระซิบว่า “พวกเราไว้คุยกันทีหลัง ตอนนี้ข้าและดาบศักดิ์สิทธิ์กำลังจะตื่นขึ้นแล้ว”

ทันทีที่สิ้นเสียง แสงเจิดจ้าระเบิดออกจากดาบสองเล่ม

กู่ฉิงซานรู้สึกเพียงว่าโลกกว้างใหญ่ ไม่มีสิ่งใดปรากฏให้เห็นนอกจากความสดใสที่ลุกโชนต่อหน้าเขา

ตอนนี้ หน้าต่างระบบสีโลหิตพลันเจิดจ้า ตัวอักษรโลหิตนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นตรงหน้า เผยรายละเอียดการซ่อมดาบพิภพอย่างละเอียดพร้อมกับคำเตือนที่ตามมา…

“ท่านมีสิ่งประดิษฐ์วิญญาณหุบเหว ร่างหลักของอาวุธหุบเหวนิรันดร์ ผู้กำราบมารจากก้นบึ้งของหุบเหวอันไร้ที่สิ้นสุด ผู้ปกป้องการสูญพันธุ์ ดาบแห่งชะตากรรม กุญแจประตูของโลก สองดาบในตำนาน: ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ”

“เพราะท่านได้รับทั้งดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ ดาบศักดิ์สิทธิ์จึงตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์”

“สิ่งประดิษฐ์วิญญาณ: ดาบศักดิ์สิทธิ์”

“ดาบเล่มนี้มีพลังต่อไปนี้”

“ทางเลือกของสวรรค์: เมื่อถึงเวลาที่ท่านโจมตีใส่ตัวตนหนึ่ง ท่านสามารถเพิ่มการโจมตีเดิมเข้าไปสาม หกหรือเก้าครั้งได้ทันที”

“หมายเหตุ: จำนวนการโจมตีเพิ่มขึ้นกับจำนวนพลังวิญญาณที่ท่านใช้”

“กระแสปั่นป่วน: เมื่อถึงเวลาที่ท่านโจมตีใส่ตัวตนหนึ่ง ท่านสามารถทำให้สภาพของตัวตนนั้นข้ามช่วงเวลาปัจจุบันไปยังช่วงเวลาที่ระบุได้”

“คำอธิบาย: การใช้งานความสามารถนี้ต้องจ่ายพลังวิญญาณตามพละกำลังของตัวตนนั้น”

“หมายเหตุพิเศษ: หลังจากความปั่นป่วนแต่ละครั้งถูกใช้งาน ท่านต้องรอสิบวันก่อนจึงสามารถกระตุ้นพลังได้อีกครั้ง”

“แฝดสวรรค์: เมื่อท่านมีทั้งดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพพร้อมกัน ความสามารถของดาบคู่จะตื่นขึ้นอย่างเต็มที่”

“…เพราะท่านได้รับดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพพร้อมกัน ดาบพิภพจึงตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์”

“สิ่งประดิษฐ์วิญญาณ: ดาบพิภพ”

“ดาบเล่มนี้มีพลังต่อไปนี้”

“การตัดสินใจของพิภพ: ทำลายทุกตัวตน”

“คำอธิบาย: ยิ่งเป้าหมายที่อยากฆ่าแข็งแกร่งเท่าไหร่ พลังวิญญาณที่ต้องใช้การตัดสินใจของพิภพยิ่งมากตามไปด้วย”

“แดนศักดิ์สิทธิ์ (ติดตัว): เมื่อโจมตี น้ำหนักของดาบเล่มนี้สามารถมากกว่าศัตรูที่เผชิญได้ตั้งแต่สองถึงหนึ่งพันเท่า น้ำหนักจะเพิ่มหรือลดตามที่ท่านต้องการ แต่เมื่ออยู่ในมือของท่าน น้ำหนักจะไม่ส่งผลใด ๆ”

“แฝดพิภพ: เมื่อท่านใช้ทั้งดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ ท่านสามารถใช้พลังวิญญาณเพื่อกระตุ้นให้ดาบเล่มหนึ่งซ่อมแซมดาบอีกเล่มได้”

………………………………………