บนท้องนภา

สัตว์ประหลาดหุบเหวทั้งสองพุ่งเข้าหายักษ์อมตะ

พวกมันไม่ได้ปล่อยพละกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา เพียงแค่ป้องกันอย่างระมัดระวังเท่านั้นขณะระเบิดพลังพอประมาณ

พวกมันเห็นยักษ์อมตะที่มีกลิ่นอายทรงพลัง ถือดาบยาวเอาไว้ ปล่อยกลิ่นอายทำลายล้างอย่างไม่เคยมีมาก่อนออกมาก่อนเข้าปะทะกับอีกฝ่ายด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

ดาบเล่มนี้ไวปานอสนี แม้กระทั่งเงาดาบยังมองไม่เห็นระหว่างทางที่ฟัน

…ไม่ใช่

มันหายไปจริงๆ !

ขณะวิญญาณกรีดร้องกำลังคุ้มกันมังกรหุบเหว มันถอยออกมา

เมื่อเห็นว่ามันถอย มังกรหุบเหวรีบออกห่างอย่างรวดเร็ว

สัตว์ประหลาดน่าสะพรึงทั้งสองมองหน้ากันอย่างสงสัย

…เกิดอะไรขึ้น

จากนั้น บางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อกว่าได้เกิดขึ้น

ยักษ์อมตะหายไปแล้ว!

วิญญาณกรีดร้องมองที่ที่ยักษ์อมตะหายไป เมื่อครุ่นคิดสักพัก มันจึงค่อยๆ เข้าใจ

ตอนนี้ มังกรหุบเหวพ่นลมออกจมูกเย็นชา “วิชาดี มันสามารถซ่อนตัวเองในความว่างเปล่าได้”

“วิชาดีก็บ้าแล้ว!”

วิญญาณกรีดร้องจ้องมังกรหุบเหวที่มีสีหน้าโง่เขลาแล้วอธิบายว่า “มันหนีไปแล้ว!”

อีกด้าน

กู่ฉิงซานฉวยโอกาสในช่วงเวลาสุดท้ายเพื่อเอาเมล็ดต้นไม้หนามโบราณออกมา

เขานำเมล็ดวางบนสันดาปศักดิ์สิทธิ์ “กระแสปั่นป่วน” ถูกใช้งานทันที

ค่าพลังวิญญาณทะยานขึ้นสู่ระดับต่อไปอย่างบ้าคลั่ง

ตูม!!!

ต้นไม้หนามโบราณที่ตั้งตระหง่านในหมู่เมฆปรากฏขึ้นตรงหน้า

มีแรงดันแก่กล้ามาจากต้นไม้โบราณจนแทบจะเทียบเท่ากับพลังของยักษ์อมตะ!

เพียงพริบตา เมล็ดข้ามกาลเวลาอันยาวนานก่อนกลายเป็นต้นไม้ยักษ์สูงตระหง่าน ถ้าจะเรียกว่าปาฏิหาริย์ก็ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง

ฉากนี้ทำให้กู่ฉิงซานเสียสติ

เขาพึมพำว่า “ในที่สุดข้าก็รู้ว่าทำไมต้องใช้เวลาสิบวันถึงจะสามารถใช้พลังนี้ได้อีก…”

…ไม่อย่างนั้น มันจะเหมือนกับตัวตนที่ใกล้เคียงกับเทพ

“นายท่าน”

ฉานนู่มาอยู่หลังเขาก่อนส่งเสียงเรียก

นางอุ้มเสี่ยวซีเอาไว้

“เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่” กู่ฉิงซานพยักหน้า

ต้นไม้หนามโบราณ ทูตสวรรค์แห่งบาป ราชามารแห่งอารัมภบท

และก็…

กู่ฉิงซานสำรวจอย่างตั้งใจจนสังเกตเห็นว่าสามเหรียญกองอยู่ในถุงเก็บของ

ตอนนี้ เขาสามารถใช้พลังของเหรียญเพื่อออกจากยุคนี้ได้ทุกเมื่อ

“นายท่าน อาศัยจังหวะนี้ไปกันเถอะ” ฉานนู่เร่ง

กู่ฉิงซานพึมพำขณะมองในความว่างเปล่า

ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กอยู่ตรงหน้าเขา

“โปรดรีบปล่อยธงสีดำของราชามารไปพบศัตรู!”

กู่ฉิงซานมองธงดำโปร่งแสงบนหน้าต่างระบบ

ขอแค่อนุญาต ธงนี้จะปรากฏบนสมรภูมิ

ตอนนี้ยังจะลังเลอะไรอีก

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอีกครั้งแล้วถามว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าธงถูกปล่อยออกมา”

บัญญัติราชามารรีบตอบว่า “ราชามารกำลังจะจุติลงมาเพื่อช่วยโลกใบนี้”

“แล้วข้าล่ะ”

“ด้วยความช่วยเหลือของราชามาร ท่านจะค่อยๆ เติบโตเป็นผู้ส่งสารแห่งบาปในระดับเดียวกัน”

กู่ฉิงซานนิ่ง

เขาไม่เคยเชื่อบัญญัติราชามาร

เขาไม่รู้ว่าเชื่อประโยคนี้ได้กี่ส่วน แต่ขาเคยเป็นสักขีพยานที่บัญญัติทำการสังหารอย่างไม่ลังเลมาแล้ว

…แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ปล่อยธงสีดำของราชามารออกมา เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยิ่งความลับที่อยู่เบื้องหลังบัญญัติราชามารยิ่งแล้วใหญ่

ราชามาร มันคืออะไรกันแน่

เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู่ฉิงซานจงใจถามว่า “ถ้าหากข้าไม่ปล่อยธงสีดำขึ้นมาจะเป็นยังไงหรือ”

เสียงของบัญญัติราชามารเย็นชาและโหดเหี้ยม “ถ้าท่านไม่ปล่อยราชามาร บัญญัตินี้จะข้ามหัวท่านเพื่อปล่อยราชามารเอง!”

“ทุกสิ่งก็จะจบสิ้น”

“นี่คือการเรียกครั้งแรก มันจะค่อยๆ กระจายไปทั่วทั้งโลก”

กู่ฉิงซานรีบถามว่า “งั้นเมื่อไหร่เจ้าถึงจะสามารถปลุกบัญญัติอื่นขึ้นมาได้ล่ะ”

บัญญัติตอบว่า “เมื่อบัญญัติราชามารปกครองโลกแล้ว บัญญัติอื่นอาจจะตื่นขึ้นมา”

ขณะพูด ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กปรากฏขึ้นนหน้าต่างระบบสีโลหิต

“ธงสีดำของราชามารเตรียมพร้อมแล้ว”

“เตรียมปล่อยธงสีดำ”

“ทำการดึงพลังวิญญาณ”

“ทำการปลดปล่อย!”

บัญญัติราชามารถึงกับข้ามหัวกู่ฉิงซานเพื่อเริ่มดำเนินการบนหน้าต่างระบบ!

กลายเป็นว่ามันวางแผนไว้อยู่แล้ว ไม่ว่ากู่ฉิงซานจะเห็นด้วยหรือโต้แย้ง สุดท้ายมันก็บรรลุเป้าหมายอยู่ดี!

ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กทั้งหมดหายไป

เกิดความเงียบ

ทว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ตัวอักษรโลหิตขนาดเล็กสองแถวปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบ

“พลังวิญญาณไม่เพียงพอ”

“ไม่สามารถทำพิธีอัญเชิญธงสีดำของราชามารได้”

ขาดพลังวิญญาณหรือ

เห็นได้ชัดว่าเขาสังหารสัตว์ประหลาดบรรพกาลไปจนหมด จะมีพลังวิญญาณไม่เพียงพอได้อย่างไร

กู่ฉิงซานมองพลังวิญญาณที่เหลืออยู่ด้วยความประหลาดใจ

“พลังวิญญาณที่เหลือ: 1 แต้ม”

ทำไมถึงเหลือแค่ 1 แต้มได้

ต่อให้ไม่นับพลังวิญญาณที่ได้จากการสังหารสัตว์ประหลาดบรรพกาล อย่างน้อยเขาก็ยังมีพลังวิญญาณสองถึงสามล้านนี่!

กู่ฉิงซานพลันนึกบางอย่างออกขณะมองไอคอนบนหน้าต่างระบบที่เป็นอิสระจากบัญญัติราชามาร

…สกิลเทพสงคราม

แน่นอนว่าแถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นข้างสกิลเทพสงคราม

“ตอนฆ่าสัตว์ประหลาดบรรพกาล ท่านกลายเป็นยักษ์อมตะ พละกำลังเหนือกว่าเผ่าพันธุ์บรรพกาล ดังนั้นพลังวิญญาณเหล่านี้จึงยกให้ท่านไม่ได้ ส่วนพลังวิญญาณที่เหลืออยู่ในบัญชี ท่านสามารถดูด้วยตัวเองได้”

กู่ฉิงซานมองทันที

เขาเห็นแถวตัวอักษรขนาดเล็กข้างไอคอนเทพสงคราม

“ค่าพลังวิญญาณที่เหลืออยู่: 3,975,279 / 600”

กลายเป็นว่าสกิลเทพสงครามโอนย้ายพลังวิญญาณทั้งหมดไป!

ในช่วงที่สำคัญเช่นนี้ สกิลเทพสงครามกลับดึงพลังวิญญาณไปเพื่อป้องกันบัญญัติราชามาร!!!

กู่ฉิงซานมองฉากนี้จนพูดไม่ออกสักพัก

ด้วยตัวเลือกเดียวจากการก้าวเข้าสู่ขั้นที่สาม แผนการทั้งหมดของบัญญัติราชามารก็ถูกขัดขวาง เขาไม่รู้จริงๆ ว่าสุดท้ายแล้วหน้าต่างระบบเทพสงครามเป็นอะไรกันแน่

“ขอบคุณที่ช่วยนะ” กู่ฉิงซานกล่าวกับไอคอน

ไอคอนกระโดด แถวหิ่งห้อยปรากฏขึ้นอีกครั้ง

“หนีซะ ท่านเอาชนะสัตว์ประหลาดสองตัวนั้นไม่ได้”

ประโยคสั้นๆ ทำให้กู่ฉิงซานรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

เขามองท้องนภา

ได้เวลากลับแล้ว

สัตว์ประหลาดหุบเหวน่าสะพรึงทั้งสองไม่ถึงกับมองกู่ฉิงซานตัวจ้อย แต่พวกมันมองหน้ากันเอง

…เมื่อครู่ ยักษ์หนีไปได้อีกแล้ว

ไม่เพียงแค่หนีไปเท่านั้น แต่ยังหายไปอย่างสมบูรณ์อีกด้วย

ถ้าอย่างนั้น พวกมันควรจะสู้กันต่อหรือไม่

สัตว์ประหลาดน่าสะพรึงทั้งสองลังเลเมื่อเห็นต้นไม้หนามโบราณที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา

พวกมันแยกจากกันขณะมองรอบข้างก่อนเห็นเสี่ยวซีในอ้อมกอดของฉานนู่กับกู่ฉิงซานที่ถือดาบสองเล่ม

วิญญาณกรีดร้องเสียงหลง “ต้นไม้หนามโบราณ ทูตสวรรค์แห่งบาปและเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีบัญญัติโหดเหี้ยมระดับสูง ไม่นะ มันคิดจะหนี!”

วิญญาณกรีดร้องไม่สนใจมังกรหุบเหวอีกต่อไป มันพุ่งเข้าหากู่ฉิงซาน

ทันทีที่มังกรหุบเหวเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังไปเอาดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพโดยไม่สนกฎที่ตกลงกันไว้ มันยอมรับไม่ได้ก่อนไล่ตามทันที

ตอนนี้ สกิลเทพสงครามกำลังพิมพ์แถวหิ่งห้อยเพื่อบอกให้กู่ฉิงซานหนี

“นายท่าน เร่งมือเข้า ไปได้แล้ว!”

ฉานนู่เร่งอย่างวิตกเช่นกัน

กู่ฉิงซานจ้องสัตว์ประหลาดหุบเหวน่าสะพรึงทั้งสองก่อนกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ในที่สุดข้าก็เข้าใจคุณลักษณะของบัญญัติราชามารขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว ยังมีหลายสิ่งที่ต้องทำในขั้นต่อไป ดังนั้นอย่าห่วงไปเลย”

ฉานนู่ประหลาดใจ

ภายใต้สถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ นายท่านถึงกับบอกว่ามีบางสิ่งที่ต้องทำหรือ

ตอนนี้ วิญญาณกรีดร้องพุ่งมาข้างหน้าแล้ว

มันห่างจากกู่ฉิงซานเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น

กู่ฉิงซานพลันตะโกนขึ้นว่า “เหวยจุน!”

จี้น้ำเต้าหยกปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนตอบรับเสียงดังว่า “ฟิ่ว ๆๆๆ ฟิ่ว ๆๆ วิชานี้วิเศษนัก มาใช้กันเลย!”

กลุ่มแสงสีทองกระจายจากร่างของกู่ฉิงซาน

แสงสีทองรวมตัวเป็นเส้นด้ายยาวสีทองขณะตกลงบนวิญญาณกรีดร้องอย่างเงียบงัน

ปลายของเส้นด้ายยาวสีทองตกลงที่มือของกู่ฉิงซาน

แฝดปฐพี!

ตอนกู่ฉิงซานปลดปล่อยทักษะนี้คราวที่แล้ว จี้น้ำเต้าหยกเหวยจุนมองกู่ฉิงซานเป็นศัตรูตามค่าเริ่มต้นเหมือนที่ปรึกษากันก่อนหน้านี้ ก่อน “รับ” ทักษะนี้ไปทันที!

วิญญาณกรีดร้องหมุนไปมาในอากาศ จับหอกหลากสีสันเอาไว้โดยไม่พูดจาแล้วแทงใส่มังกรหุบเหวที่ตามมาทันที

นี่คือการลอบโจมตีโดยไม่มีการกล่าวเตือน!

“โฮก…”

มังกรหุบเหวกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดขณะพยายามสุดความสามารถเพื่อโจมตีใส่วิญญาณกรีดร้อง

วิญญาณกรีดร้องไม่ขัดขืน ปล่อยให้เปลวเพลิงสีเทาเผาใส่ตัวเอง

มันสั่นไหวไปทั่วร่างคล้ายกับกำลังต่อสู้กับบางสิ่งอย่างยากลำบาก

แต่กลับไม่ได้ผลแม้แต่นิดเดียว

นี่คือพลังของผู้สร้างเสาศักดิ์สิทธิ์ปฐพี!

ภายใต้การควบคุมของกู่ฉิงซาน วิญญาณกรีดร้องอัญเชิญหอกหลากสีสันที่ถูกนำออกมา ถือหอกหลากสีสันเอาไว้แล้วแทงใส่ร่างของมังกรหุบเหวครั้งแล้วครั้งเล่า

พละกำลังของมันแข็งแกร่งกว่ามังกรหุบเหว ตอนนี้มันดึงวิธีสู้จนตัวตายออกมาขณะแทงใส่หัวใจของมังกรมารอย่างรวดเร็ว

ทว่า กู่ฉิงซานยังควบคุมขณะแทงใส่มังกรมารอย่างต่อเนื่อง

สัตว์ประหลาดหุบเหวน่าสะพรึงทั้งสองกำลังปลุกปั้นกันกลางอากาศอย่างไม่ลดละ

การต่อสู้ของพวกมันเปลี่ยนสีสันโลก ผลพวงจากสายลมแรงกล้าได้พัดชั้นโคลนและทรายจากปฐพีขึ้นสู่ท้องนภา

เสียงคำรามของสัตว์ประหลาดสั่นสะเทือนทั่วพื้น แม้กระทั่งกู่ฉิงซานยังรู้สึกหูอื้อ

ทว่า เขาไม่ปล่อยมือขณะควบคุมวิญญาณกรีดร้องให้สังหารมังกรหุบเหวที่ได้รับบาดเจ็บ

…พวกมันบ้วนเป็นสัตว์ประหลาดหุบเหว พวกมันไม่สามารถถูกสังหารได้ สามารถทำได้เพียงสร้างบาดแผลขนาดใหญ่ที่ยากต่อการรักษาได้เพื่อใช้เวลาในการฟื้นตัวนานขึ้น

ในที่สุด มังกรมารแผดเสียงร้องออกมาก่อร่วงหล่นจากท้องนภา

วิญญาณกรีดร้องลงมาจากท้องนภา ถือหอกหลากสีสันเอาไว้ ตัดศีรษะของมังกรหุบเหวก่อนสับเป็นชิ้น ๆ

“บัดซบ นี่เจ้า…” วิญญาณกรีดร้องกล่าวอย่างขมขื่นขณะมองกู่ฉิงซานด้วยสายตาตกตะลึงขณะสับศีรษะมังกรมาร

มันยังไม่ทันกล่าวจบ

กู่ฉิงซานควบคุมมันให้ถือหอกหลากสีสันเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วแทงใส่คอจนทะลุถึงศีรษะของตัวเอง

นี่คือการโจมตีถึงตาย

หอกหลากสีสันแทงศีรษะของวิญญาณกรีดร้อง ทันส่งเสียงครวญครางไปมาแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้

วิญญาณกรีดร้องสั่นสะท้านก่อนเดินออกมาหลายก้าว คุกเข่าลงกับพื้นก่อนถึงแก่ความตาย

จนกระทั่งตาย มันยังถือหอกหลากสีสันเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง คล้ายกับกำลังหยุดยั้งอาวุธนี้ด้วยความยากลำบาก

โลกทั้งใบเงียบสนิท

ฉานนู่ตกตะลึง

ลั่งปิงหลีปรากฏขึ้นจากดาบศักดิ์สิทธิ์ ชำเลืองมองซากศพของสัตว์ประหลาดหุบเหวทั้งสอง ถอนหายใจออกมาแล้วมองกู่ฉิงซานด้วยสีหน้าซับซ้อน

ดาบลอยมาอยู่ข้างกู่ฉิงซานเพื่อคุ้มกันเขาเงียบ ๆ

จี้น้ำเต้าหยกตกมาอยู่ที่ไหล่ของกู่ฉิงซานในสภาพเหนื่อยล้า

ทุกสิ่งคล้ายกับจบลงแล้ว

ตอนนี้ ฉานนู่และลั่วปิงหลีคล้ายกับอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่กู่ฉิงซานโบกมือเพื่อห้ามพวกนาง

การต่อสู้ทั้งหมดเริ่มขึ้นจากผู้ถักทอชีวิตหุบเหว ทำให้เกิดข้อสงสัยมากมาย

แผนการมากมายที่เขาคิดมาจึงเปล่าประโยชน์

แม้กระทั่งการต่อสู้นี้ การถอยกลับสวรรค์ดึกดำบรรพ์ก็ยังพังทลาย

…ไม่มีใครทนอยู่บนโลกนี้ได้เมื่อเผชิญกับวิญญาณกรีดร้อง

…ผู้ที่เคยใช้ชีวิตในหุบเหวสามารถล่วงรู้ความคิดทั้งหมดรวมถึงอารมณ์ในใจของกู่ฉิงซานได้

…มังกรมารเคยสามารถแสร้งตายมาตลอดได้ คอยจัดการผู้ถักทอชีวิตหุบเหวอย่างสงบและหลอกการตัดสินของศูนย์กักกันหุบเหวได้สำเร็จ

ทว่า ทุกสิ่งคล้ายกับเลวร้ายที่สุดสำหรับศัตรูและโชคดีที่สุดสำหรับกู่ฉิงซานจนถึงท้ายที่สุด

มันเป็นเพราะโชคจริงหรือ

กู่ฉิงซานถอนหายใจ

เขาสามารถทำสิ่งเหล่านี้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น ด้วยความรู้ที่มี มีเพียงคนเดียวที่เขาคิดได้

กู่ฉิงซานประสานมือให้กับความว่างเปล่าแล้วกล่าวว่า “ท่านผู้ยิ่งใหญ่ โปรดเผยตัวตนด้วย”

…………………………..