หลังจากกู่ฉิงซานตะโกนประโยคนั้นออกมา เขารออยู่เงียบ ๆ

ตอนนี้ โลกรกร้างและเงียบสงัด

ตะวันตกดินสีโลหิตทิ้งแสงสุดท้ายเอาไว้ สีแดงเข้มขุ่นสะท้อนบนปฐพี

ในมิติและเวลาที่มืดมนและสิ้นหวังนี้ สวรรค์ดึกดำบรรพ์ได้ถูกตัดขาดชีวิตจนดูเหมือนกับความฝันมายา

บนพื้น วิญญาณกรีดร้องที่ศีรษะถูกหอกแทงกับซากศพของมังกรหุบเหวที่เสียศีรษะยังคงไม่ขยับ

มีเพียงสองซากศพนี้ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าการต่อสู้จนสูญพันธุ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก่อนหน้านี้ถึงกับมีอยู่จริง

ร่างของสัตว์ประหลาดหุบเหวทั้งสองนี้ยังคงอยู่ในสภาพนี้จนถึงวันหนึ่ง

วันที่มันจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

ทันใดนั้นเอง กู่ฉิงซานรู้สึกตัวเล็กน้อยก่อนเงยหน้ามองท้องนภา

กลุ่มแสงสีเทาปรากฏขึ้นตรงใจกลางท้องนภาอย่างเงียบงัน จากนั้นจึงลงมาอย่างช้า ๆ

ตูม!!!

กลุ่มแสงสีเทากลายเป็นกระแสสีเทาเข้มขนาดใหญ่ที่ปกคลุมทั่วโลกก่อนถาโถมใส่ทุกสิ่งอย่างรวดเร็ว ก่อเกิดเป็นมหาสมุทรขนาดใหญ่ จากนั้นโคจรรอบกู่ฉิงซานราวกับพายุ

ตอนนี้ โลกทั้งใบหายไปจากกู่ฉิงซานแล้ว

จากนั้นตัวตนพายุสีเทาในมิติและเวลาอันไร้ขีดจำกัดเท่านั้นก่อนค่อยๆ รวมตัวเป็นศีรษะขนาดใหญ่สูงสิบเมตร

ศีรษะขนาดใหญ่มองกู่ฉิงซาน

ผู้สร้างโลกปฐพี!

มันเผยสีหน้าสนใจออกมาก่อนอ้าปากพูด

“สัตว์ประหลาดสองตัวนี้ไม่สามารถตรวจจับตัวตนของข้าได้ แต่เจ้ากลับทำได้ มันช่างน่าสนใจจริง ๆ”

กู่ฉิงซานตอบอย่างสุภาพว่า “บางครั้งพละกำลังก็ไม่ใช่ทุกสิ่งหรอกขอรับ”

“เช่นนั้นเจ้าเริ่มสังเกตเห็นตัวตนข้าเมื่อไหร่ล่ะ”

“ตอนฆ่าผู้ถักทอชีวิตหุบเหว”

กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “มันสามารถอ่านความคิดและอารมณ์ของสิ่งมีชีวิตได้อย่างแม่นยำ แต่มันไม่รู้ถึงตัวตนของแฝดปฐพีแม้แต่นิดเดียว เช่นนั้นก็มีสองความเป็นไปได้ หนึ่ง หลังจากข้าได้การ์ดใบนี้มา ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวไม่ได้อ่านใจข้า สอง มันอ่านใจข้าแต่ไม่พบเรื่องการ์ดใบนี้ ไม่ว่าจะกรณีไหนก็ไม่สมเหตุสมผลทั้งนั้น”

“จากนั้นก็วิญญาณกรีดร้อง มันวางแผนมาหลายปีเพื่อให้ได้ดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบพิภพ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ ร่างกายขอมันกลับไม่ปรากฏตัว เมื่อดาบศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดขึ้นในตอนท้าย มันยังส่งร่างแยกออกมา ไม่ยอมลงมือเอง”

“ผู้ถักทอชีวิตหุบเหวและวิญญาณกรีดร้องก็เรื่องหนึ่ง สัตว์ประหลาดตัวสุดท้ายที่มาแย่งดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพอย่างมังกรหุบเหวก็มีปัญหาเช่นกัน ความคิดของมันดูไม่เฉียบคมเท่าไหร่นัก”

“จากพวกมัน ข้ารู้สึกถึงบางสิ่งที่แปลก ๆ”

“ในระหว่างการต่อสู้กับวิญญาณกรีดร้องและมังกรหุบเหว เขตแดนป้องกันโลกพลันแตกสลาย สถานการณ์นี้ถูกพวกมันพบเข้าทันที ดังนั้นพวกมันจึงไม่รีบมาฉวยดาบศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับอยากไปกำจัดคคู่แข่งก่อน”

“อีกอย่าง ข้าโชคดีพอที่จะหลบเลี่ยงบาดแผลขนาดใหญ่จากการต่อสู้ได้ มันช่างดูคุ้นเคยยิ่งนัก”

กู่ฉิงซานอ้าห้านิ้วออก “มีคำกล่าวว่าไม่มีชัยชนะบังเอิญบนสมรภูมิ แต่หากมีความบังเอิญเกินห้าครั้งที่เป็นประโยชน์กับตัวเองเกิดขึ้นอย่างในการต่อสู้ครั้งนี้ แสดงว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”

“ในบรรดาสิ่งมีชีวิตทรงพลังที่ข้ารู้จัก มีเพียงท่านที่มีพลังเช่นนั้น”

ผู้สร้างปฐพีตั้งใจฟัง คราวนี้มันเผยสีหน้ายินดีออกมา

“เจ้าฉลาดมาก”

“ปกติแล้ววีรชนในประวัติศาสตร์มนุษย์จะรู้สึกว่าพวกเขาพยายามอย่างหนักจนชนะได้ในท้ายที่สุด น้อยคนนักที่สามารถตรวจจับความช่วยเหลือจากข้าได้”

“เพื่อชื่นชมที่เจ้ายังรักษาความสงบเอาไว้ได้ ข้าจะบอกบางสิ่งให้แล้วกัน”

มันมองกู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า “เหตุผลที่ข้ามาหาเจ้าผ่านมิติและเวลาก็เพราะอาวุธหุบเหวนิรันดร์นี่แหละ”

สิ้นเสียงผู้สร้างปฐพี ส่วนประกอบอาวุธลอยออกจากซากศพของวิญญาณกรีดร้องก่อนแช่เข้าไปในพายุสีเทาบนท้องนภา จากนั้นจึงหายไป

“นี่คือสงครามหุบเหว จุดจบของโลกทั้งมวลและเป็นช่วงเวลาสูญพันธุ์ ข้าไม่สามารถยอมให้ประตูสู่อาวุธหุบเหวนิรันดร์ตกอยู่ในมือพวกมันได้”

กู่ฉิงซานคร่ำครวญออกมา “นายท่าน ข้าไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร”

ผู้สร้างปฐพีกล่าวว่า “ข้าขอถามเจ้า เกิดอะไรขึ้นตอนอาวุธชิ้นนี้เสร็จสมบูรณ์”

“…ภาพซ้อนทับแห่งยุคหรือ”

“ถูกต้อง เพราะผู้นำเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเจ้าไม่แข็งแกร่งพอ จึงไม่สามารถกระตุ้นพลังทั้งหมดของอาวุธชิ้นนี้ได้ ไม่อย่างนั้นอาวุธชิ้นนี้จะสามารถทำสิ่งต้องห้ามได้จริง ๆ”

เมื่อผู้สร้างปฐพีกล่าวเช่นนี้ น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเคร่งขรึม

“มันยอมให้ผู้ถือครองเดินทางผ่านโลกคู่ขนานได้ตามต้องการ”

กู่ฉิงซานตกตะลึงจนอดที่จะถามเสียงหลงไม่ได้ว่า “ไปโลกคู่ขนานหรือ”

“ใช่ การไปโลกคู่ขนานสามารถได้ประโยชน์มากมาย สามารถเคลื่อนไหวผ่านเส้นเวลาตามใจต้องการในโลกคู่ขนานได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกลบล้างโดยกฎเกณฑ์แห่งเวลา”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอย่างจริงจัง

ในโลกใบนี้ หากเดินทางผ่านเวลา เขาต้องหลีกเลี่ยงอดีตหรืออนาคตอย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้น มันจะนำไปสู่การลบล้างของกฎเกณฑ์แห่งเวลา

ต่อให้อยู่ในเกาะแห่งเวลา มันก็ไม่ยอมรับตัวตนเดียวกันสองตัวตน

แต่โลกคู่ขนานนั้นไม่ใช่

เขายังจำได้ตอนอยู่ในภัยพิบัติน้ำ เขาเคยพบตัวเองจากโลกคู่ขนานมากมาย

ตัวตนในโลกต่างๆ คงอยู่ในเวลาเดียวกัน เพราะทั้งสองฝั่งไม่ใช่เส้นเวลาเดียวกัน จึงไม่มีฝั่งไหนถูกลบล้าง

ผู้สร้างปฐพีกล่าวว่า “การเดินทางผ่านโลกคู่ขนานหมายถึงทรัพยากรที่มีค่าและของพิเศษบางอย่างเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ในโลกคู่ขนาน เจ้าสามารถเอาเพิ่มได้เป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สามและอีกนับครั้งไม่ถ้วนได้”

“ใช่แล้ว โลกของพวกเราคือใกล้จะสูญพันธุ์ แต่ยังมีโลกคู่ขนานที่เป็นสรวงสวรรค์อยู่เสมอ”

“ถึงแม้โลกคู่ขนานจะเหมือนกัน แต่มีชะตากรรมที่แตกต่างกันเสมอ การไปโลกเหล่านั้นจะทำให้รับรู้ถึงกฎเกณฑ์ได้มากยิ่งขึ้น”

“แม้กระทั่งผู้คนที่ตายในโลกนี้ สมบัติและความรู้ที่สูญหายจะถูกส่งต่อไปยังโลกคู่ขนาน”

“เจ้ารู้ไหมว่านี่มันหมายความว่ายังไง”

กู่ฉิงซานพึมพำว่า “ข้าสามารถไปโลกคู่ขนานเพื่อค้นหาความลับที่ข้องเกี่ยวกัน จากนั้นกลับมาเพื่อคลายทุกสิ่งและรับผลเก็บเกี่ยวจากสองโลกพร้อมกันได้”

ผู้สร้างปฐพีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยจิตสังหารว่า “ผู้ถือครองอาวุธหุบเหวจะได้รับผลประโยชน์นับไม่ถ้วน แต่ถ้ามันไม่รู้วิธีมาบรรจบกันก็จะเป็นการทำลายโลกคู่ขนานทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จุดจบจะกระจายมาจากโลกของพวกเรา ท้ายที่สุดจะทำให้ทุกสิ่งถูกทำลาย”

“ในเวลาเดียวกัน ผู้ถือครองนี้ได้ผลประโยชน์มากมายเช่นกัน ยามอยู่บนโลกของพวกเราจึงไร้เทียมทาน”

“ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด ข้าจะไม่ยอมให้อาวุธเช่นนี้ตกอยู่ในมือของศัตรู”

กู่ฉิงซานถอนหายใจยาวออกมา “เป็นแบบนั้นเอง ข้าเข้าใจแล้ว”

“ดังนั้น”

“ในเมื่อข้าบอกเจ้ามากขนาดนี้แล้ว เจ้าช่วยยกดาบนั่นให้ข้าได้หรือเปล่า”

ใบหน้าของกู่ฉิงซานค่อยๆ ถอดสีจนชัดเจน

ผู้สร้างปฐพีเห็นการเปลี่ยนแปลงของอีกฝ่าย แต่สีหน้าของเขายังอ่อนโยน

“เผ่าพันธุ์มนุษย์ทำสัญญานิรันดร์กับข้า พวกเรานับว่าเป็นพันธมิตรกัน ดังนั้นระหว่างเจ้ากับข้า นี่เป็นปัญหาที่เล็กน้อยนัก”

มันกล่าวพึมพำ

กู่ฉิงซานสังเกตเห็นท่าทีจากน้ำเสียงอีกฝ่าย ความคิดของเขาขยับช้าๆ “คือว่า”

ผู้สร้างปฐพีกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ถึงจะเล็กน้อยแต่ก็มากมายสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ พวกเจ้าถูกความปรารถนาของร่างกายควบคุมเสมอมา เวลาได้ควบคุมอายุขัยของพวกเจ้า ชะตากรรมได้ควบคุมทิศทางของพวกเจ้า แต่สิ่งที่เจ้าทำเบี่ยงเบนไปจากคุณลักษณะเหล่านี้ มันทำให้ข้ารู้สึกแปลกใจนัก”

“ทำไมเจ้าไม่ทำตามขั้นตอนที่เตรียมไว้เพื่อชิงดาบศักดิ์สิทธิ์มาแทนที่จะช่วยคนที่ควรจะเสียสละกันล่ะ”

กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ไม่เคยมีใครกล่าวว่าต้องเสียสละ ไม่มีใครควรเสียสละ”

เขากล่าวต่อว่า

“เมื่อพวกเราไม่สามารถต่อสู้กับบางสิ่งได้ พวกเราสามารถคุยเรื่องเสียสละได้ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่สถานการณ์เช่นนั้น”

ผู้สร้างปฐพีถามอีกว่า “แม้แต่ข้าในตอนนั้นก็เตรียมพร้อม ด้วยวิธีที่ปลอดภัยที่สุดด้วยการให้พวกเขาคุ้มกัน ทำให้เจ้าได้ดาบศักดิ์สิทธิ์มาอย่างปลอดภัยแถมยังสะดวกกับข้าอีกด้วย ทั้งที่ตระเตรียมทุกสิ่งไว้อย่างง่ายดายแล้ว แต่ทำไมเจ้าถึงเลือกทำอีกทางหนึ่งล่ะ”

“โชคชะตาไม่มอบทางออกให้พวกเขา แต่มอบให้กับข้า มันก็แค่นั้นแหละ” กู่ฉิงซานตอบ

“ถ้าเจ้าไม่มีทางถอยล่ะ”

“เช่นนั้นก็ไม่ต้องถอย”

………………………….