บทที่ 333 ช่วยเหลือ

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

ฟู่!

ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างกะทันหัน เขามองไปที่ท้องตนเองอย่างไม่เชื่อสายตา เห็นมือหยกขาวแทงเข้าไปในตันเถียนของเขา

หลังจากนั้น ว่านเหลียงเฉิงรู้สึกได้ว่าตันเถียนของเขาถูกมือหยกนี้จับไว้ พลังจิตที่ถูกบีบอัดอย่างบ้าคลั่งนั้นถูกระงับแน่นไม่สามารถระเบิดยาเทพจิตได้

ร่างกายของเขาทรุดโทรมลงอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของว่านเหลียงเฉิงเบิกกว้าง ร่างกายของเขายังคงสั่นเทา

เขาไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ให้เขามีโอกาสระเบิดยาเทพจิตด้วยตนเอง

เหยียนเยว่เอ๋อร์ดึงมือของนางออกจากช่องท้องของว่านเหลียงเฉิง นิ้วที่เปื้อนเลือดจับยาเทพจิตสีทองขนาดเท่าตามังกรอยู่ในฝ่ามือของนาง

สำหรับผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ ยาเทพจิต แบ่งออกเป็นสามระดับ คือ ยาเขียว ยาม่วงและยาทอง

กลั่นเป็นยาทอง เป็นช่วงปลายของราชายุทธ์ ว่านเหลียนเฉิงนี้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ จุดตันเถียนกลั่นออกมาเป็นยาทองระดับสูงโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

“แค่ก แค่ก แค่ก…”

เหยียนเยว่เอ๋อร์ ไอสองสามครั้ง เลือดไหลออกจากมุมปากของนาง และลักษณะพลังที่ได้แผ่กระจายไปทั่วร่างกายของนางก็ค่อยๆ หายไป ใบหน้างามของนางซีดเผือก

ในสายเลือดของตระกูลเหยียน พลังแห่งเลือดอ่อนแอมากจนแทบไม่มีนัยสำคัญ ดังนั้นเวลาหลายหมื่นปีมานี้ นางเป็นคนเดียวที่ปลุกพลังของเลือดหงส์โบราณมาได้

ดังนั้นเลือดหงส์โบราณในร่างกายของนางจึงมีจำกัด ไม่สามารถต่อสู้ระยะยาวได้ ไม่ต้องพูดถึงในนาทีสุดท้าย เพราะอาการบาดเจ็บของหลัวซิว นางกระตุ้นเลือดหงส์โบราณอย่างไม่สนใจผลที่จะตามมา ทำให้ตัวนางเอง ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากกับผลที่ต้องรับเมื่อใช้พลังเกินไป

นางยกมือขึ้นและพ่นไฟเพื่อเผาศพของว่านเหลียงเฉิงเป็นเถ้าถ่าน นางเก็บแหวนเก็บของและอาวุธของคู่ต่อสู้ทันที และแบกหลัวซิว แล้วรีบออกจากสถานที่นั้นไปอย่างรวดเร็ว

ลมหวีดหวิวยังคงพัดผ่านหูไป กระตุ้นเลือดหงส์โบราณ ทำให้ร่างกายของหยานเยว่เอ๋อร์อ่อนแออย่างมาก

แต่เพื่อที่จะสามารถนำหลัวซิวไปยังที่ปลอดภัยได้ นางกัดฟันและด้วยความเชื่อนี้ จนกระทั่งสติของนางค่อยๆ เลือนลาง นางล้มลงกับพื้นและสลบไป

“หึหึ…สิ่งที่เหมือนกันหรือคนที่เหมือนกันจะอยู่เป็นหมู่เดียวกันจริงๆนะ ”

ข้างหลัวซิวและเหยียนเยว่เอ๋อร์ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยหมดสติไปนั้น ร่างกายของหลงหมิงก็โผล่ออกมาอย่างเงียบ ๆ

ก่อนหน้านี้ที่การต่อสู้ระดับจักรพรรดิยุทธ์ มันไม่สามารถเข้าไปแทรกได้เลย และมันก็ช่วยอะไรไม่ได้ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับผู้อาวุโสเสวียนหยาง หลังจากที่พ่นไฟมังกรออกมาเต็มคำ ทำให้มันอ่อนแอเป็นเวลานาน

จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถผ่านช่วงเวลาที่อ่อนแอไปได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น หลัวซิวจึงไม่ปล่อยให้มันออกมาต่อสู้ ในการต่อสู้เมื่อครู่นี้

“ตอนนี้สองคนนี้ต่างก็สลบไปแล้ว…”

หลงหมิงก้าวไปข้างหน้า หัวโตๆของมันส่ายไปมา ดวงตาของเขาขนาดเท่าตะเกียงก็ฉายแวววับราวกับว่ามันลังเลเล็กน้อย

มันรู้ดีว่า ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดี เพราะรู้ว่าก่อนที่จะมาที่นี่ หลัวซิวได้กลั่นยาระดับ 6 จำนวนมากให้เหยียนเยว่เอ๋อร์

ในบรรดาเม็ดยาระดับ 6 เหล่านั้น มีหลายเม็ดเป็นยาที่เพิ่มการฝึกฝน หากมันได้กลืนกินเข้าไป การฝึกฝนของมันจะดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ก่อนที่มันจะเสียชีวิต การฝึกฝนของมันเทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ และไม่มีปัญหาในการฝึกฝน ตราบใดที่มีทรัพยากรเพียงพอก็สามารถฟื้นฟูการฝึกฝนในอดีตได้ในเวลาอันสั้น

“แค่ความแข็งแกร่งของข้าสามารถฟื้นคืนสู่ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้ ข้าก็จะสามารถออกมาจากวิชาสยบวิญญาณนี้ได้”

หลงหมิงกำกรงเล็บของมันไว้ แต่ในท้ายที่สุดความกระหายในอิสรภาพก็มีชัยมากกว่า ดังนั้นมันจึงกางกรงเล็บออกเพื่อจะเอาแหวนเก็บของบนมือของหยียนเยว่เอ๋อร์มา

“ในที่สุดก็ได้มาสักที!”

หลังจากได้รับแหวนเก็บของมา รอยยิ้มของมนุษย์ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลงหมิง

มันแทบรอไม่ไหวที่จะหยิบยาทุกชนิดออกจากแหวนเก็บของ แล้วหมอบลงข้างคนทั้งสองที่สลบ และเริ่มฟื้นฟู

เส้นลมปราณในร่างกายหลัวซิวถูกทำลายหมด ตันเถียนและทะเลแห่งจิตสำนึกของเขาก็ถูกโจมตีด้วยเจตนาสังหารของ จักรพรรดิยุทธ์ ชีวิตของเขาถูกแขวนไว้ด้วยด้าย

แม้กระทั่งยาหิมะแย้มที่กำลังรักษาบาดแผลในร่างกายของเขา บาดแผลที่ร้ายแรงเช่นนี้ แม้แต่ยาหิมะแย้มก็ยังยากในการรักษา

อย่างไรก็ตาม หลัวซิวไม่ได้กังวลใดๆ เกี่ยวกับชีวิตของเขา เพราะเขาได้ปลุกพลังผู้เป็นอมตะของเขาแล้ว ตราบใดที่เขาไม่ถูกฆ่าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และยังมีลมหายใจอยู่ เขาก็สามารถฟื้นคืนชีพได้ ไม่เพียงแต่อาการบาดเจ็บของเขาจะหายดี ความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดด้วย

ในขณะนี้ ทุกตารางนิ้วของเนื้อหนังและร่างกายของเขาอยู่ในสภาวะเงียบสงัด แต่ในกลางใจของทะเลแห่งจิตสำนึกของเขา ลูกแก้วความเป็นตายกลับเปล่งประกายเจิดจ้า

ปราณเป็นตาย2ระดับแผ่กระจายออกมาจากลูกแก้ว เปลี่ยนแปลงร่างกายของหลัวซิวอย่างเงียบ ๆ ทำให้เขาได้รับการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการบางอย่างโดยที่เขาไม่รู้

ข้างล่างยอดเขาทองดำ ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์สิบกว่าคนกำลังประสบปัญหา

เนื่องจากภูเขาลูกนี้ไม่มีบันไดและไม่มีที่ยืนหรือจับ ที่นี่ยังไม่สามารถบินได้ จะขึ้นไปบนยอดเขาอย่างไรจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่

“โลกใบเล็กๆ แห่งนี้ถู กปกคลุมไปด้วยค่ายกลสองรูปแบบ แบบแรกเป็นแบบบินไม่ได้ และอีกแบบคือรูปแบบที่รวมพลังฟ้าดินจิต ไว้ในวังบนยอดเขานี้”

เหว้ยห้าวหรานเป็นปรมาจารย์นักค่ายกลระดับ 6 เพียงคนเดียวในบรรดาจักรพรรดิยุทธ์ ตามเบาะแสบางอย่างเหล่านี้ ใช้เวลานานจึงพบว่าสองค่ายกลนี้ ใช้ยอดเขาทองดำเป็นส่วนกลางของค่ายกล

“อาจารย์เหว้ย อย่าบิดบังอีกเลย เราจะไปถึงยอดเขาได้อย่างไร?” สำนักเสวียนหยางกล่าว

“ไม่ใช่ไม่มีวิธี แต่ต้องใช้เวลา”

เหว้ยห้าวหรานขมวดคิ้ว ดวงตาของเขากวาดมองไปยังพวกจักรพรรดิยุทธ์และกล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “ข้าสามารถตั้งค่ายกลอย่างหนึ่ง เพื่อแก้ไขผนึกไม่สามารถบินที่นี่ได้ชั่วคราว แต่เนื่องจากระดับค่ายกลที่นี่สูงเกินไป ธงค่ายกลของข้าไม่สามารถปกป้องไว้ได้”

เมื่อพูดถึงจุดนี้ น้ำเสียงของเหว้ยห้าวหรานหยุดชะงักเล็กน้อย “ความสำคัญของธงค่ายระดับ 6 ข้าไม่คิดว่าข้าต้องพูดเพิ่มเติม พวกเจ้าก็รู้ดีอยู่แล้ว”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูด จอมยุทธ์จำนวนนับสิบกว่าคน เข้าใจแล้วว่าเหว้ยห้าวหรานหมายถึงอะไร

“ธงค่ายที่เสียหาย จะได้รับการชดเชยโดยพวกเราอยู่แล้ว” จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ขณะพูด เขาได้หยิบแหวนออกมาแล้ว ยกมือขึ้นแล้วโยนให้เหว้ยห้าวหรานม

เหว้ยห้าวหรานมองไปที่หินพลังจิตชั้นกลางจำนวนหนึ่งแสนก้อนในแหวนเก็บของ พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงเก็บแหวนและมองไปที่จักรพรรดิยุทธ์คนอื่นๆ

นักค่ายกลหากิน ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถตนเองเหมือนกัน ใครอยากจะไปให้ถึงยอดเขาก็ต้องพึ่งเขาเพื่อทำลายค่ายกล ถ้าไม่ฉวยโอกาสหาเงิน ก็ต้องรู้สุกผิดต่อฐานะของนักค่ายกล

อันที่จริง ในใจของเหว้ยห้าวหรานรู้ดีว่ามีเพียงหินพลังชีวิตระดับกลางหนึ่งแสนก้อนที่จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงมอบให้ก็เพียงพอที่จะชดเชยการสูญเสียธงค่ายของเขา

คนอื่นๆ ไม่รู้ว่าจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงให้ไปเท่าไหร่ แต่พวกเขาก็รู้ด้วยว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เหว้ยห้าวหรานทำงานเปล่า ๆ ให้โดยไม่ให้อะไรเขา

หลังจากที่จักรพรรดิยุทธ์ทุกคนคิดในใจแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็หยิบแหวนเก็บของออกมาแล้วยื่นให้เหว้ยห้าวหราน

สิ่งที่ฝานไท่เต๋อมอบให้คือเม็ดยา ซึ่งเทียบเท่ากับมูลค่าของหินพลังจิตชั้นกลางเจ็ดหรือแปดหมื่นก้อนแล้ว

อาจารย์หงหมิงยังมอบหินพลังจิตชั้นกลางจำนวนหนึ่งแสนก้อน สำหรับผู้ที่บรรลุจักรพรรดิยุทธ์ หินพลังจิตชั้นกลางโดยพื้นฐานแล้วไม่มีผลต่อการฝึกฝน นอกเหนือจากการซื้อวัสดุและสมบัติบางอย่างแล้ว ไม่มีการใช้งานใด ๆ

เฆ่าประหลาดดูยากจน แต่เขาหยิบวัสดุหลายอย่างในการกลั่นธงค่ายระดับ 6 ออกมาอย่างไม่ลังเล ทำให้เหว้ยห้าวหรานพอใจมาก