การฝึกอบรมสำหรับนักเรียนห้องเต้าหยวนนั้นใช้เวลาจัดเตรียมนานพอควร หลังจากเรียบร้อยแล้ว ค่ายฝึกก็จะกลายเป็นที่รวมตัวของนักเรียนที่ผ่านการสอบเข้ามาในวิทยาลัยลั่วเฉิง
ค่ายฝึกนั้นจะคล้ายๆ กับค่ายทหารที่นักศึกษาสมัครตอนเพิ่งสอบเข้าได้นั่นแหละ แต่จะเป็นเวอร์ชันที่หนักหน่วงกว่า
ระบบการฝึกก็ทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรพิเศษ คือมีการฝึกท่าทหารพื้นฐาน บางคนบอกว่าการฝึกนี่ไม่มีประโยชน์ แต่เนี่ยถิงไม่เห็นด้วย และทหารเก่าๆ เองก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน
พวกเขาล้วนแต่เป็นทหารระดับสูงของกองทัพกันทั้งนั้น ซึ่งพวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือการมีระเบียบวินัย
การฝึกในช่วงแรกจะเป็นการมุ่งเน้นไปที่การปลูกฝังความคิดว่าพวกเขาไม่ใช่นักเรียนธรรมดาๆ อีกต่อไปแล้ว และพวกเขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อไปในอนาคต
ส่วนครึ่งหลังจะเป็นการฝึกที่มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ทางทหารพื้นฐาน การฝึกนี้จะง่ายลงมาหน่อยเมื่อเทียบกับที่หลี่ว์ซู่เคยไปฝึกกับพวกหัวกะทิระดับ A
“ฉันไม่ไปหรอก” เสี่ยวอวี๋เม้มปาก “ทำไมฉันต้องไปด้วยถ้าเธอไม่ไป”
“เอาน่า…การฝึกคราวที่แล้วมันช่วยันจริงๆ นะ” หลี่ว์ซู่ตอบกลับอย่างจริงจังและจริงใจ “พลังที่ปะทุออกมาน่ะไม่ใช่คำตอบทุกอย่างของการต่อสู้หรอก ยังต้องมีความแข็งแกร่งและใจที่พร้อมสู้ประกอบกันด้วย หลายครั้งที่ทักษะต่างๆ ไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่าเธอจะชนะในการต่อสู้หรือเปล่า แต่เป็นคนที่สู้ขาดใจจนหมดแรงเฮือกสุดท้ายนั่นแหละถึงจะเป็นผู้ชนะ”
หลี่ว์ซู่คิดไปถึงตอนที่เขาสู้กับทาคาชิมะ ถ้าเขาไม่ได้ใช้ความพยายามทั้งหมดในการขุดภูเขาแห่งพลังตอนที่เขากำลังใกล้ตาย เขากับคอรัลก็คงตายคาที่กันทั้งสองคนที่นั่นแหละ
“ม่าย ไปให้พ้นเลย” เสี่ยวอวี๋ไม่แม้แต่จะละสายตาจากโทรศัพท์ของเธอขณะดูนารูโตะออนไลน์อยู่
หลี่ว์ซู่พูดไม่ออก…
[ได้แต้มจากหลี่ว์ซู่ +666!]
“นี่เธอ…” หลี่ว์ซู่ทำหน้ามุ่ย
เดี๋ยวก่อนนะ! มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
อะไรบางอย่างผิดปกติไป… แต่อะไรล่ะที่ผิดปกติ หลี่ว์ซู่เข้าไปเช็กดูในบันทึกค่าอารมณ์ของเสี่ยวอวี๋ แล้วเขาก็แข็งเป็นหิน!
ทำไมตอนนี้เสี่ยวอวี๋ถึงได้แต้มอารมณ์ด้วยล่ะ!
เขามองกลับไปที่เสี่ยวอวี๋ แล้วก็โล่งใจไปนิดหนึ่งเพราะดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่รู้ตัว
หลี่ว์ซู่กลับมาเช็กบันทึกของตัวเอง แต่เขาก็ไม่เจอว่ามีรายรับแต้มอารมณ์เข้ามา แปลว่าเมื่อกี้เสี่ยวอวี๋ได้แต้มอารมณ์ไปจากเขาแน่ๆ
นี่มันระบบบ้าอะไรกันเนี่ย ทำไมมันถึงเก็บแต้มอารมณ์จากเจ้าของได้ด้วย!
แต่อย่างไรก็ตาม เขายังมีแต้มอารมณ์เหลืออยู่มากพอจะแลกซื้อผลไม้แห่งนรกอีกผล เขารีบกดแลกมันแล้วกินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อเขายังไม่ค่อยเข้าใจการทำงานของระบบรับแต้มอารมณ์ของเสี่ยวอวี๋เท่าไหร่ งั้นก็ลองแลกผลไม้แห่งนรกนี่มากินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ดูแล้วกัน…
แต่พูดตามตรง การกินของที่ได้มาจากแต้มอารมณ์ของตัวเองนี่รู้สึกแปลกสุดๆ
หลี่ว์ซู่ยังคิดหาทางโน้มน้าวให้เสี่ยวอวี๋ไปฝึกไม่ได้ แต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็นึกออกว่าพวกเพื่อนที่โรงเรียนมองมาที่เขาแปลกๆ ตอนเลิกเรียนวันนั้น
ใครๆ ก็รู้กันดีว่าหลี่ว์ซู่มียศพันตรีและเขาเป็นผู้มีพลังระดับ C ซึ่งเป็นเรื่องที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชม พวกผู้หญิงที่โรงเรียนถึงกับผันตัวเป็นแฟนคลับของเขาเลยทีเดียว พวกเธอมักจะชมว่าเขาหล่อดูดีในทุกที่ที่เขาไป
ทุกอย่างนี่มันบ้าไปแล้ว…
พันตรีที่อายุเพียงแค่สิบเจ็ดปีเนี่ยนะ มันก็ฟังดูเจ๋งอยู่หรอก เมื่อก่อนนั้นก็มีผู้หญิงหลายคนเหมือนกันที่เขียนจดหมายรักมาหาหลี่ว์ซู่ แต่หลังจากนั้นเขาก็หายไปที่เกาะช้างกับหลี่อีเสี้ยวก่อนที่พวกผู้หญิงพวกนั้นจะมีโอกาสได้สานสัมพันธ์ต่อ
หลังจากที่เขากลับมาโรงเรียนแล้ว เขาก็ได้เข้าร่วมกับหน่วยรักษาความปลอดภัยขณะที่นักเรียนคนอื่นกำลังสอบเข้าวิทยาลัยลั่วเฉิง ซึ่งก็เป็นสัญญาณจุดจบของเส้นทางอาชีพของหลี่ว์ซู่
หน่วยรักษาความปลอดภัยคืออะไรน่ะเหรอ ก็เป็นคำเรียกเท่ๆ ของหน่วยตำรวจนั่นแหละ พวกเขามีตำแหน่งทางสังคมที่ต่ำกว่าพวกที่จบมาจากวิทยาลัยซึ่งใช้คะแนนเข้าที่สูงกว่า
พูดง่ายๆ ก็คือการสอบเข้าเป็นการแบ่งแยกผู้ชนะและผู้แพ้
ผู้คนก็เลยคิดว่าความสำเร็จของหลี่ว์ซู่นั้นเป็นอะไรที่พวกเขาสามารถจับต้องได้ในอนาคต เพราะก่อนหน้านี้การเข้าไปเรียนในวิทยาลัยถือว่าเป็นการไต่ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดบนฐานะสังคม
ผู้คนเลยเปลี่ยนความคิดที่มีต่อหลี่ว์ซู่ใหม่ จากความไม่สนใจกลายเป็นความเห็นใจ
ถ้าในตอนนั้นหลี่ว์ซู่ตายไปจริงๆ เรื่องทั้งหมดก็จะกลายเป็นอีกแบบ ทว่าเขาก็รอดชีวิตมาได้ เพราะงั้นเขาเคยเป็นแค่นักเรียนธรรมดาๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรเรื่องที่น้องสาวของหลี่ว์ซู่สอบเข้าวิทยาลัยได้แต่เขากลับไม่ได้สอบ
หลายคนต่างอิจฉาหลี่ว์ซู่ที่มีน้องสาวแสนดี ทุกคนรู้ว่าเสี่ยวอวี๋ปะทุพลังครั้งแรกตอนอายุน้อยและขึ้นมาอยู่ที่ระดับ C เลย มีข่าวลือว่าเฉินไป่หลี่อยากรับเธอเป็นศิษย์ของเขาอีกด้วย!
พอมาเทียบกันแล้ว ความสำเร็จของหลี่ว์ซู่นั้นแทบไม่มีใครพูดถึง เพราะข้อมูลส่วนใหญ่ถูกปิดเป็นความลับ
คนสมัยนี้ลืมง่าย แถมยังชอบตัดสินอนาคตคนอื่นด้วยตรรกะผิดๆ …
แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก เขาไม่อยากถูกรบกวน ตอนนี้เขาแค่อยากรู้ว่ามีเพื่อนในโรงเรียนคนไหนสนใจอยากซื้อศิลาวิญญาณจากเขาบ้างหรือเปล่า…
ขณะที่เสี่ยวอวี๋ดูนารูโตะอยู่นั้น โทรศัพท์ของหลี่ว์ซู่ก็ดังขึ้น เขาไม่รู้จักเบอร์นี้แต่ก็ตัดสินใจกดรับสาย
“ฮัลโหล”
“คุณหลี่ว์ซู่หรือเปล่าครับ มีพัสดุส่งถึงคุณ คุณช่วยบอกทางไปอพาร์ตเมนต์คุณหน่อยได้ไหม” ผู้ชายในสายถาม
หลี่ว์ซู่เพิ่งจะเคยได้รับพัสดุเป็นครั้งแรก ท่ามกลางความสับสน เขาก็ออกไปข้างนอกเพื่อไปรับพัสดุ ขณะเดินกลับเข้ามา เขาก็แกะกล่องห่อออกและพบกล่องเหล็กข้างใน มันถูกดูดเข้าไปในตราแผ่นดินทันที จากนั้นเขาก็เห็นว่ามีเช็คเงินสดที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษไว้อยู่…
หลี่ว์ซู่แปลกใจที่คอรัลยังรักษาคำพูด งั้นมีอะไรอยู่ในกล่องเหล็กนั่นล่ะ…
“ใครส่งพัสดุมาเหรอหลี่ว์ซู่” เสี่ยวอวี๋มองหลี่ว์ซู่อย่างจับผิด
“ฉันช่วยชีวิตคอรัลไว้ คนที่มาจากกลุ่มเทพเจ้าน่ะ เธอก็เลยส่งนี่มาเพื่อขอบคุณ” หลี่ว์ซู่ชูเช็คเงินสดให้เธอดู
เสี่ยวอวี๋ขยี้ตา เช็คเงินสดตั้งสองล้านเนี่ยนะ แต่พอดูสกุลเงินดีๆ ก็พบว่ามันไม่ใช่สกุลเงินหยวน ทว่าเป็นเงินยูโร!
นี่คอรัลรวยขนาดนี้เชียว!
เสี่ยวอวี๋รู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูก เธอรู้สึกไม่ชอบใจคอรัลเท่าไหร่แต่ก็ยังรู้สึกขอบคุณเธอที่เธอช่วยชีวิตหลี่ว์ซู่ไว้ครั้งที่อยู่ประเทศญี่ปุ่น…
ตอนนี้เธอเองก็ได้เป็นหัวหน้าของกลุ่มเทพเจ้าแล้ว แต่เธอจะเป็นแค่หัวหน้าเฉยๆ หรือจะเป็นเทพเจ้าที่แท้จริงกันนะ
“หลี่ว์ซู่ จะเป็นราชันฟ้าได้นี่ต้องทำยังไงน่ะ” เสี่ยวอวี๋กัดฟันถาม
“อืม ก่อนอื่นเลยก็ต้องแข็งแกร่งมากๆ แล้วก็ต้องทำให้คนเชื่อฟังตัวเองได้ด้วย…” จริงๆ แล้วหลี่ว์ซู่ก็ไม่รู้คำตอบที่แท้จริงเหมือนกัน เขายังตกใจไม่หายเลยกับข้อเสนอที่อยากให้เขาไปเป็นราชันฟ้า คนเป็นล้านคงแย่งตำแหน่งนี้กันจะตาย
“ความแข็งแกร่ง…คนเชื่อฟัง… โอเค เข้าใจแล้ว” เสี่ยวอวี๋พยักหน้าแรงๆ ให้เขา
“เอ่อ…ฉันว่าเธอเข้าใจผิดอยู่นะ” หลี่ว์ซู่หน้าเสียไป
“ไม่ต้องสนใจรายละเอียดหรอก ฉันเอาอยู่น่า” เสี่ยวอวี๋ตัดบทแล้วโบกมือไล่ จากนั้นเธอก็เดินกลับเข้าไปในห้องของเธอ