ตอนที่ 539 ไม่ยุติธรรมเลย!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ใครๆ ก็บอกการเลื่อนขั้นเป็นระดับ B นั้นเหมือนสัมผัสถึงนรก เป็นการเปรียบเปรยที่แสดงให้เห็นว่ามันยากมากๆ

 

 

แต่สำหรับคนเช่นเนี่ยถิงแล้ว ระดับ C นั้นก็เป็นเพียงแค่รากฐานของบำเพ็ญเท่านั้น

 

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ที่หลี่ว์ซู่กังวลไม่ใช่เรื่องการเลื่อนระดับ แต่เขาจะเอาศิลาวิญญาณตั้งเก้าหมื่นเม็ดไปขายยังไง…

 

 

ตอนที่เอากลับมา เขาก็รู้สึกดีอยู่หรอก แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดนี่ว่าจะเอามันไปแลกมาเป็นเงินยังไง เขาคิดว่าเขาอาจจะเอามันไปขายในตลาดมืดที่เมืองลั่ว แต่ตลาดมืดก็อาจจะรับซื้อศิลาปริมาณมากขนาดนี้ไม่ได้ แถมน่าจะต้องมีคนรายงานไปที่เครือข่ายฟ้าถ้ามีคนขายศิลาวิญญาณจำนวนมากในครั้งเดียว หลี่ว์ซู่ไม่มีทางให้เลือกเดินเลย ทางไหนก็ดูจะสร้างแต่ปัญหาให้ตัวเอง…

 

 

เมื่อถึงตอนเย็น หลังจากออดดังเป็นเสียงบอกให้เลิกเรียน เสี่ยวอวี๋ก็โบกมือเล็กๆ ของเธอให้หลี่ว์ซู่ “ไปกันเถอะหลี่ว์ซู่ ตามรุ่นพี่กลับบ้านกันนะจ๊ะ!”

 

 

หลี่ว์ซู่ทำหน้าสลด ขณะที่เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ต่างพากันมองมาทางเขา พอเสี่ยวอวี๋เห็นว่าหลี่ว์ซู่ดูอับอาย เธอก็คิดว่าเล่นแรงไปหรือเปล่านะ…

 

 

เสี่ยวอวี๋เงียบไปพักหนึ่งและไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอเหยียดปลายแขนเสื้อออกไปอย่างไม่สบายใจนัก

 

 

พอหลี่ว์ซู่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมา เขานึกไปถึงหนึ่งเดือนที่แล้วที่เสี่ยวอวี๋ช่วยเขาจากความเหงาอ้างว้าง ตอนที่เธอเดินทางมาไกลโดยไม่คำนึงถึงความหนาวเหน็บและเปิดประตูร้านเกมเพื่อมาปรากฏตัวต่อหน้าเขา ตอนที่เขาต้องการเธอมากที่สุด แล้วเขาจะไปโกรธอะไรเธอได้ล่ะ

 

 

หลี่ว์ซู่จับมือเสี่ยวอวี๋แล้วเอ่ยถาม “มื้อเย็นนี้อยากกินอะไรล่ะ”

 

 

“มะเขือเทศผัดไข่!” เสี่ยวอวี๋หัวเราะคิกคักแล้วมีสีหน้าสดใสขึ้นมา

 

 

หลี่ว์ซู่และเสี่ยวอวี๋เดินออกไปจากห้องเรียนโดยไม่ได้สนใจว่าเพื่อนร่วมชั้นกำลังมองอยู่ เมฆลอยอยู่บนฟ้า เงาสองเงาทอดลงไปที่โถงทางเดินภายใต้ของความอบอุ่นจากพระอาทิตย์ตกในฤดูหนาว

 

 

เมื่อก่อนนักเรียนคนอื่นต่างก็รู้ว่าหลี่ว์ซู่มีน้องสาว และเขาต้องหาเงินดูแลเธอด้วยการไปขายไข่ต้มทุกวัน เพื่อนๆ เลยอยากรู้ว่าน้องสาวของเขาเป็นอย่างไร แต่เมื่อน้องสาวของเขาย้ายมาที่เรียนห้องนี้ ทุกคนก็เริ่มคิดแบบเดียวกัน…ว่าไม่น่าได้เจอเลยให้ตาย

 

 

เสี่ยวอวี๋ทั้งสวยและฉลาด เธอกลายเป็นที่ชื่นชอบของหลายๆ คน รัฐบาลควรอนุญาตให้พวกเขาได้มีน้องสาวสักที

 

 

แต่พอใช้เวลาไปสักพัก พวกเขาก็รู้ว่าเธอน่ะเป็นปีศาจไม่ใช่น้องสาว มีวันหนึ่งที่เยี่ยหลิงหลิ่งต้องกลับบ้านไปและกินอะไรไม่ได้ทั้งคืนเพราะเสี่ยวอวี๋พูดประโยคหนึ่งออกมา…

 

 

แต่แล้วหลี่ว์ซู่ก็มาปรากฏตัวตอนที่เสี่ยวอวี๋กำลังแปลงร่างเป็นเด็กแสบ พวกเขาเชื่อเลยว่าเสี่ยวอวี๋จะไม่ทำตัวน่ารักตอนหลี่ว์ซู่ไม่อยู่แน่ๆ

 

 

ขณะที่เดินกลับบ้าน เสี่ยวอวี๋ก็ถามอย่างระมัดระวัง “หลี่ว์ซู่ เธอโกรธหรือเปล่า”

 

 

“ไม่มีอะไรให้โกรธนี่ แต่ครั้งหน้าอย่าเล่นให้มันมากนัก” หลี่ว์ซู่ยิ้มอย่างจนใจ

 

 

“ได้สิ” เธอผงกหัวอย่างหนักแน่น เสื้อกันหนาวขนเป็ดของเธอมีสีขาวราวกับหิมะ

 

 

คนอื่นๆ มองมาด้วยความเงียบงัน เหมือนกับว่าบนโลกนี้มีแค่หลี่ว์ซู่กับเสี่ยวอวี๋ ส่วนคนอื่นก็เป็นแค่คนนอกที่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ ความสูงของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเหมาะสมกันดี

 

 

ช่วงค่ำ ณ อพาร์ตเมนต์หมายเลข 4 บนถนนซิงชู่

 

 

“หลี่ว์ซู่ อย่ามาหลอกให้ฉันกินอะไรแปลกๆ นะ!” เสี่ยวอวี๋ขมวดคิ้ว พูดเสียงเย็น

 

 

“ผลไม้แห่งนรกนี่ดีต่อการฝึกของเธอนะ!” หลี่ว์ซู่พยายามคะยั้นคะยอให้เสี่ยวอวี๋กินผลไม้นั่นเข้าไปเกือบชั่วโมงแล้ว ปากของเขาแห้งผากไปหมด

 

 

“ฮึ่ม” หลี่ว์เสี่ยวอวี่อัญเชิญแอนโทนี่ที่กำลังหัวเราะคิกคักออกมา เธอชี้ไปที่แอนโทนี่แล้วเท้าเอวพูด “ตอนที่เธอเอาของนั่นออกมา แอนโทนี่ของฉันยังดีๆ อยู่เลย แต่ดูเขาตอนนี้สิ”

 

 

เสี่ยวอวี๋โกรธหนักขึ้นขณะที่เธอพูด เธอเหลือบไปที่แอนโทนี่ “หยุดหัวเราะได้แล้ว!”

 

 

แต่ก็ไม่เป็นผล…

 

 

[ได้แต้มจากเสี่ยวอวี๋ +999!]

 

 

“นั่นมันเป็นอุบัติเหตุ” หลี่ว์ซู่ไม่สามารถหาคำแก้ตัวมาได้ “แต่นี่ไม่เหมือนไข่มุกแห่งวิญญาณครั้งที่แล้วนะ อันนี้น่ะเหมือนผลดวงดาว เชื่อฉันสิ!”

 

 

ปฏิกิริยาของเสี่ยวอวี๋หลังจากเห็นผลไม้แห่งนรกนั่นไม่เหมือนกับที่เขาคาดไว้ ตอนนี้เสี่ยวอวี๋ให้แต้มอารมณ์เขามากกว่า 5,000 แต้มแล้ว ถ้าเธอยังยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมกินล่ะ

 

 

“อุบัติเหตุงั้นเหรอ เธอตั้งใจชัดๆ เลย สารภาพมานะ เธออยากเห็นฉันหัวเราะคิกคักไม่หยุดงั้นใช่มั้ย” เสี่ยวอวี๋พูดอย่างไร้อารมณ์

 

 

“ถ้าเธอไม่เชื่อ เดี๋ยวฉันกินก่อนก็ได้ ถ้ากินแล้วฉันไม่หัวเราะค่อยกินตาม เอางั้นไหม” หลี่ว์ซู่เริ่มอารมณ์เสีย ผลไม้แห่งนรกนี่ไม่มีพิษเสียหน่อย!

 

 

“งั้นก็ได้” เสี่ยวอวี๋พ่นลมออกมาแล้วกอดอก

 

 

หลี่ว์ซู่ทำใจกล้าลองกินดู มันไม่น่ามีอะไรผิดปกติถ้ากินผลไม้แห่งนรกนี่เข้าไปหรอก ขนาดเสี่ยวอวี๋กินผลดวงดาวเข้าไปยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

 

 

เขากลืนผลไม้แห่งนรกนี่เข้าไป มันก็คล้ายๆ กับผลดวงดาวนั่นแหละ ผลไม้นั้นเปลี่ยนเป็นพลังงานทันทีหลังจากที่ซึมผ่านเข้าปากหลี่ว์ซู่ไปแล้ว จากนั้นมันก็พุ่งเข้าไปที่แผนภูมิดาราของหลี่ว์ซู่ แล้วทันใดนั้น ทั้งหลี่ว์ซู่และเสี่ยวอวี๋ก็ตกตะลึง!

 

 

พวกเขารู้สึกได้ว่าแผนภูมิดาราได้ดูดซับพลังงานเข้าไปแล้ว จากนั้นก็มีพลังงานมืดแผ่ซ่านออกมาผ่านดวงดาวทุกดวงและพุ่งเข้าไปในที่ที่หนึ่ง

 

 

“หลี่ว์ซู่ ทำไมพลังในแผนที่ภูมิดาราของฉันถึงเพิ่มขึ้นตอนเธอกินผลไม้แห่งนรกเข้าไปล่ะ” เสี่ยวอวี๋มองดูตัวเองและมองไปที่หลี่ว์ซู่อีกครั้ง

 

 

“…ไม่รู้สิ”

 

 

นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย! หลี่ว์ซู่งงจนพูดไม่ออก ความจริงแล้วไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับที่เสี่ยวอวี๋กินผลดวงดาวเข้าไป หลี่ว์ซู่กังวลใจว่าความเร็วในการฝึกของเสี่ยวอวี๋จะช้าถ้าเธอเอาแต่พึ่งพลังจากธรรมชาติ มันคงดีกว่าถ้าเธอสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยตัวเลือกอื่นโดยที่ไม่ต้องแบ่งแต้มอารมณ์ของเขาไป

 

 

แต่หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง!

 

 

“งั้นฉันก็ไม่ต้องกินแล้วสิ” เสี่ยวอวี๋โบกมือแล้วไปนอนดูนารูโตะ “เธอกินแทนฉันได้นี่นะ”

 

 

“กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!” สีหน้าหลี่ว์ซู่มืดดำ

 

 

“เสี่ยวอวี๋ ได้ยินไหม! กลับมากินผลไม้ของเธอนะ!”

 

 

แต่เสี่ยวอวี๋ก็ไม่สนใจเขา เธอจะได้พลังเพิ่มขึ้นถ้าหลี่ว์ซู่กินผลไม้นี่ให้เธอ เพราะฉะนั้นทำไมเธอต้องกินมันด้วยตัวเองล่ะ เธอรู้ว่าผลดวงดาวเองก็จืดและไม่อร่อย

 

 

หลี่ว์ซู่นึกขึ้นได้ว่ามีผลไม้แห่งนรกเหลืออยู่สามผล เขากินมันเข้าไปทั้งหมดด้วยความโกรธ ทำไมเขาถึงควบคุมแผนภูมิดาราที่ด้อยกว่าของเธอไม่ได้นะ

 

 

แล้วให้ไข่มุกแห่งวิญญาณกับแอนโทนี่ไปเพื่อเพิ่มพลังมันผิดตรงไหน ทำไมต้องโทษเขาด้วย ไม่ยุติธรรมเลย!

 

 

“หลี่ว์ซู่ดูนี่สิ นารูโตะเอาพลังน้ำมาสร้างเป็นหมอกเพื่อบดบังตัวเองจากศัตรูแล้วก็เอามาป้องกันตัวเองได้ด้วย อันนี้น่าจะเหมาะกับเธอนะ” เสี่ยวอวี๋เรียกหลี่ว์ซู่ขณะที่เธอนอนขดอยู่บนโซฟา

 

 

หลี่ว์ซู่ลังเล เขายัดผลไม้แห่งนรกชิ้นสุดท้ายเข้าปาก “กำลังไป”