ภายใต้ความสงสัยของทุกคน ซูจิ่นซีดื่มชาจอกสุดท้ายเสร็จ ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืน
เยี่ยโยวเหยาจ้องมองด้วยสายตาลึกซึ้ง ทว่าไม่พูดอันใด
จงจิงเฉินมองซูจิ่นซีด้วยความสนใจ
อย่างไรก็ตาม ภายในใจจอมวายร้ายไป๋เฉ่ากลับตื่นตระหนก ทว่าใบหน้าของเขายังคงปรากฏรอยยิ้มเหมือนเคย
“แหะ แหะ แม่นางพิษน้อย เจ้าจะไปที่ใดหรือ? พี่จุนจะพาเจ้าไป”
ซูจิ่นซีราวกับมองเห็นความตื่นตระหนกของจอมวายร้ายไป๋เฉ่า จู่ๆ นางก็มองจอมวายร้ายไป๋เฉ่าด้วยสายตาหยอกล้อ จากนั้นจึงแย้มยิ้มมุมปากอย่างสดใส
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าไม่รู้ว่าซูจิ่นซียังมีมุมร่าเริงเช่นนี้ เขาถึงกับตกตะลึงยืนนิ่ง ต้องยอมรับจากใจว่า หัวใจทั้งดวงของเขา ได้ปราชัยให้กับรอยยิ้มสดใสและแววตาขี้เล่นของซูจิ่นซีแล้ว
เมื่อจอมวายร้ายไป๋เฉ่าตั้งสติได้ ซูจิ่นซีก็เดินออกไปจากเรือน และยืนอยู่ตรงกลางลานสวนสมุนไพร
“แหะ แหะ แม่นางพิษน้อย เจ้าต้องการจะทำอันใด? ”
รอยยิ้มบนใบหน้าจอมวายร้ายไป๋เฉ่าพลันแข็งค้างในทันที
“ก็หายาสมุนไพรไม่ใช่หรือ? ” ซูจิ่นซีขมวดคิ้วเล็กน้อย
หา… ยาสมุนไพร
จอมวายร้ายไป๋เฉ่ายิ้มไม่ออก
“จอมวายร้าย เจ้าพูดเองไม่ใช่หรือ ไม่ว่าข้าต้องการสิ่งใด เจ้าจะให้ข้าทั้งหมด? ทำไม? ตอนนี้ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วย เจ้าก็ทำใจไม่ได้แล้วหรือ? ” ซูจิ่นซีถามด้วยท่าทีราวกับผู้บริสุทธิ์
“แหะ แหะ ไม่ใช่แน่นอน แม่นางพิษน้อยต้องการสิ่งใด พี่จุนสามารถให้ได้ ทว่า…”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าคิดจะพูดบางอย่าง ทว่าซูจิ่นซีกลับผลักจอมวายร้ายไป๋เฉ่าให้ถอยออกไป “ไม่ต้องมีเงื่อนไข เจ้ากำลังยืนขวางสมุนไพรที่ข้าต้องการ”
เมื่อจอมวายร้ายไป๋เฉ่าหันกลับไปมองอีกครั้ง ซูจิ่นซีก็ได้เด็ดสมุนไพรต้นหนึ่งและค่อยๆ ยืนขึ้น
“หลิวจี้หนู! เป็นต้นนี้ใช่หรือไม่? ”ซูจิ่นซีถาม
แม้จอมวายร้ายไป๋เฉ่ายินดีมอบสมุนไพรนี้ให้ซูจิ่นซี ทว่าเขายังอดนึกเสียดายไม่ได้
สมุนไพรหลิวจี้หนูนี้ เขาเพาะเลี้ยงด้วยตนเองเป็นเวลานาน กว่าจะได้สมุนไพรตัวใหม่! อีกทั้งประสิทธิภาพของสมุนไพรนี้ยังมีมากกว่าหลิวจี้หนูธรรมดาหลายเท่านัก นอกจากนั้น หลังจากเพาะสมุนไพรชนิดใหม่นี้ออกมาได้สำเร็จ เขาได้ตัดสินใจทำลายหลิวจี้หนูธรรมดาทิ้งทั้งหมด ในเมื่อมีสมุนไพรชั้นดีแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเก็บสมุนไพรธรรมดาไว้
หมายความว่าทั่วทั้งหุบเขาเทพโอสถ มีหลิวจี้หนูต้นนี้เพียงต้นเดียว และเวลานี้ได้อยู่ในมือของซูจิ่นซีแล้ว ทั้งยังเป็นสมุนไพรตัวใหม่ที่เพิ่งเพาะเลี้ยงได้สำเร็จอีกด้วย
เยี่ยโยวเหยาไม่ได้ประหลาดใจอันใด เพราะรู้ดีว่าซูจิ่นซีมีระบบถอนพิษ เขายังคงนั่งนิ่งดั่งภูเขาไท่ซานอยู่ภายในเรือน ดื่มชาไปพลางมองความเคลื่อนไหวภายในเรือนไปพลาง
ทว่าจงจิงเฉินกลับแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก
เขาคาดไม่ถึงว่าหลิวจี้หนูจะอยู่ภายในเรือนนี้ ทว่าหนานกงหว่านเอ๋อร์ได้ออกไปค้นหาบนภูเขาแล้ว
นางพลาดไปแล้วใช่หรือไม่?
ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ ศิษย์น้องเล็กที่ในอดีตไม่รู้อันใดเลย กระทั่งสมุนไพรซานชีกับจื่อหูก็แยกแยะไม่ออก ตอนนี้นางไม่เพียงรู้จักสมุนไพรล้ำค่าอย่างหลิวจี้หนูเท่านั้น นางยังหาสมุนไพรนี้จนพบ
แม้แต่เขากับหนานกงหว่านเอ๋อร์ยังไม่เคยได้ยินและไม่เคยเห็นหลิวจี้หนูมาก่อน ก่อนเดินทางออกจากหุบเขาเทียนอีเหมิน พวกเขาเห็นเพียงภาพตัวอย่างจากอาจารย์เท่านั้น
จงจิงเฉินยิ่งคิดยิ่งสงสัย ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ “เจ้าหุบเขาอู๋ ท่านลองดูให้ดีๆ สมุนไพรต้นนี้มีรูปร่างเหมือนกับเหี่ยเฮี๊ยะ (โกฐจุฬาจีน) อย่างมาก ใช่หลิวจี้หนูหรือ? ท่านอย่าได้จำผิด”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่ายังไม่ทันเอ่ยปากพูด ซูจิ่นซีก็หัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง
“จงจิงเฉิน ท่านเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักแพทย์เทียนอีเหมิน ทักษะทางการแพทย์ในสำนักแพทย์เทียนอีเหมินของท่านย่อมไม่เลวใช่หรือไม่? ทำไม? อาจารย์ของท่านไม่ได้สอนวิธีการแยกแยะหลิวจี้หนูกับท่านหรือ? ”
จงจิงเฉินมีท่าทีอึดอัดเล็กน้อย ทว่ายังคงตั้งข้อสงสัย
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจเท่าใดนัก
ซูจิ่นซียิ่งแสดงท่าทีเยาะเย้ยมากขึ้น
“อาจารย์ของท่านไม่ได้สอนก็ไม่เป็นไร วันนี้ข้าจะสอนท่านเอง หลิวจี้หนูมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า หิมะเดือนหก เป็นยาสมุนไพรชนิดหนึ่ง แตกยอดช่วงฤดูหนาว เจริญเติบโตในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อถึงฤดูร้อนครบหกเดือนจะออกดอกพอดี ระยะเวลาในการเจริญเติบโตและระยะเวลาที่ดอกบานยาวนานนัก ลำต้นและใบคล้ายคลึงกับเหี่ยเฮี๊ยะ ทว่ายอดของมันจะเล็กกว่าเหี่ยเฮี๊ยะ ดังนั้น หากปลูกหลิวจี้หนูปะปนกับเหี่ยเฮี๊ยะเช่นนี้ จะทำให้ผู้อื่นแยกแยะได้ยาก ข้าพูดเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่? เจ้าหุบเขาอู๋! ”
ซูจิ่นซีอธิบายความรู้เบื้องต้นของหลิวจี้หนูให้จงจิงเฉินฟังทุกคำพูด ตามที่อวิ๋นจิ่นเคยบอกนางเมื่อตอนอยู่ที่จวนสกุลซู ไม่เพียงเท่านี้ นางยังเรียนแบบคำพูดจงจิงเฉิน และเรียกจอมวายร้ายไป๋เฉ่าว่าเจ้าหุบเขาอู๋
สาเหตุที่นางทำเช่นนี้ เพื่อต้องการเอาชนะจงจิงเฉิน
จงจิงเฉินเห็นจอมวายร้ายไป๋เฉ่านิ่งเงียบ ก็รู้ทันทีว่าในมือของซูจิ่นซีเป็นสมุนไพรหลิวจี้หนูจริง เขาอดมองขึ้นไปบนภูเขาไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่เห็นร่องรอยของหนานกงหว่านเอ๋อร์แม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าศิษย์น้องหว่านเอ๋อร์ไปค้นหาที่ใด เวลานี้หาสมุนไพรได้กี่ชนิดแล้ว และจะกลับมาเมื่อไร
ทว่าขณะที่กำลังครุ่นคิด พลันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง
เขาอดหันไปมองซูจิ่นซีไม่ได้ ศิษย์น้องเล็กจิ่นซีที่อยู่เบื้องหน้านี้ เป็นศิษย์น้องเล็กจิ่นซีที่เคยอยู่ในสำนักแพทย์เทียนอีเหมินจริงๆ
แม้ซูจิ่นซีจะดูคล่องแคล่วกว่าเมื่อก่อนมาก ทว่าสตรีนางนี้ยังเป็นคนเดิม
โบราณกล่าวว่าชาติบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงได้ ทว่าธรรมชาติของมนุษย์ยากเปลี่ยนแปลง
คล่องแคล่วแล้วอย่างไร นางโง่เขลามาตั้งแต่กำเนิด ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้
ไม่แน่ว่าที่นางพบหลิวจี้หนูเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น บังเอิญว่านางรู้จักสมุนไพรตัวนี้ บังเอิญที่เจ้าหุบเขาปลูกเหี่ยเฮี๊ยะปะปนกับหลิวจี้หนูเพื่อปกปิดสายตาผู้คนพอดี บังเอิญที่ผู้อื่นไม่ทันได้สังเกตเห็น ทว่านางกลับเห็นเข้า
เมื่อคิดเช่นนี้ จงจิงเฉินจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
ซูจิ่นซีมองจงจิงเฉินด้วยแววตาประหลาดยากคาดเดา
“ท่านคงเป็นกังวลกับศิษย์น้องผู้นั้นกระมัง? หากกังวล ท่านสามารถไปตามหานางและช่วยเหลือนางได้ จากนั้นจะบอกข่าวเรื่องที่ข้าพบหลิวจี้หนูให้นางทราบ ข้าก็ไม่ว่าอันใด”
จงจิงเฉินรีบโบกมือ “ศิษน้องจิ่นซี เจ้าเห็นศิษย์พี่อย่างข้าเป็นคนอย่างไร? ศิษย์พี่รับปากแล้วว่าจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเรื่องระหว่างเจ้าสองคน แน่นอนว่าสัจจะเมื่อเอ่ยออกไปแล้วต้องหนักแน่นดั่งภูผา ข้าจะคดโกงเพื่อช่วยศิษย์น้องหว่านเอ๋อร์ได้อย่างไร? ”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเล็กน้อย หางตาแฝงแววแปลกประหลาดว่า ‘เจ้าหลงกลข้าแล้ว’ พลางมองจงจิงเฉินที่มีท่าทีหวาดกลัว
“ศิษย์น้องเล็กจิ่นซี แท้จริงแล้วเจ้าไม่ต้องเกรงใจศิษย์พี่อย่างข้า แม้เจ้าจะเป็นศิษย์เอกของเจ้าสำนัก ทว่าอย่างไรเสียเราก็อยู่สำนักเดียวกัน ข้าอาวุโสกว่าเจ้าและยังเข้าสำนักก่อนเจ้าอีกด้วย เจ้าสามารถเรียกข้าว่าศิษย์พี่ เช่นเดียวกับหว่านเอ๋อร์”
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ทำให้คนมองไม่ออกว่านางกำลังคิดอันใด
สีหน้าจงจิงเฉินบึ้งตึงเล็กน้อย
ซูจิ่นซีเดินออกจากสวนสมุนไพร จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้อง
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าเดินตามหลังซูจิ่นซี
“แม่นางพิษน้อย เจ้าต้องการสิ่งใด ยังต้องการดื่มชาเข็มเงินจวินซานอีกหรือไม่? พี่จุนจะรีบสั่งให้บ่าวรับใช้ไปชงมาให้อีกกา”
ขณะที่พูด ความกระตือรือร้นบนใบหน้าของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าพลันสลายหายไป สายตาของเขาจับจ้องซูจิ่นซีที่มีแววตาแปลกประหลาด น้ำเสียงในคำพูดประโยคสุดท้ายเบาลงอย่างมาก
เพราะหลังจากที่ซูจิ่นซีเดินเข้าห้องมา นางไม่ได้นั่งลงบนเก้าอี้อย่างที่เขาคิดไว้ ทว่าเดินไปทางตู้เก็บยาที่อยู่ด้านข้าง และค้นหาบางอย่างภายในตู้เก็บยา
ไม่นานนัก ซูจิ่นซีก็เลื่อนขวดแก้วใบเล็กบนชั้นเก็บยาจนเกิดเสียงดัง ‘แกร๊ก’ ชั้นเก็บยาพลันแยกออกจากกัน เผยให้เห็นเส้นทางแคบที่มืดสนิท
“เชียนเหนียนเจี้ยนกับสือชีจ่งชอบเจริญเติบโตในที่มืด ดังนั้นเจ้าจึงปลูกสมุนไพรเหล่านี้ไว้ด้านล่าง ข้าพูดถูกต้องหรือไม่? ”
ซูจิ่นซีหันศีรษะไปถามจอมวายร้ายไป๋เฉ่า
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าแย้มยิ้มให้ซูจิ่นซีด้วยท่าทีประหลาดใจ “แหะ แหะ แม่นางพิษน้อย เจ้าเฉลียวฉลาดยิ่งนัก! บอกพี่จุนได้หรือไม่ เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? ”