ตอนที่ 369

Black Tech Internet Cafe System

ณ ร้านอินเตอร์เน็ตในเมืองจิวหัว

 

แม้ว่าเมื่อคืนจะมีพายุเข้าเล็กน้อยแต่เช้าวันนี้ทุกอย่างดูสดใสและมีชีวิตชีวาตามปกติพร้อมด้วยผู้คนจำนวนมากเช่นเดิม

 

“อืม! ครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่ตอนนั้นมีเพียงไม่กี่ที่นั่งเอง” นาหลันฮงวูพึมพำพลางนั่งพักผ่อนบนโซฟา “ตอนนี้มันใหญ่มาก”

 

“ฮ่าๆๆ ผู้อาวุโสไม่ได้มาที่นี่เพราะคิดอยากทำธุรกิจหรอกหรอ?” ซงฉิงเฟิงเอ่ยแซวพร้อมยิ้ม “ตอนที่ข้ามาที่นี่ครั้งแรกมันเล็กมากมีคอมพิวเตอร์เพียงสี่เครื่องเท่านั้น!”

 

“ตอนนั้นมีแค่ข้า เจ้าอ้วนนั่นและเพื่อนไม่กี่คนที่มาที่นี่” เขาพูดพลางชี้นิ้วไปที่หวังใต้และเหลียงชิที่ยุ่งอยู่กับการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ตอนนั้นมีเพียงเกม Resident Evil เพียงอย่างเดียวซึ่งมันชั่งแตกต่างกับตอนนี้โดยสิ้นเชิง”

 

“ใช่!” หลินเซียวพูดเสียงดัง “ท่านอาจไม่เคยรู้สึกเช่นนั้น ตอนนั้นไม่มีสมาคมหรือกลุ่มพวกเราต่างต้องลุยเดี่ยว!”

 

“ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าของร้านคือผู้เล่นที่เก่งสุดๆ ในเวลานั้นและพวกเรามีโอกาสได้เฝ้าดูเขาเล่นทุกวัน!”

 

“แล้วตอนนี้ข้าไม่ใช่ผู้เล่นที่เก่งอีกแล้วหรอ” ฟางฉีเดินมาพร้อมถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

 

“ตอนนี้มีสมาคม ..” หลันยันขมวดคิ้วขณะที่นั่งข้างพวกเขา “เจ้าสังเกตบ้างมั้ยว่าช่วงนี้ฉีเซียนและขาวน้อยไม่ได้ออนมาสักพักแล้ว”

 

“พวกเขา .. เป็นใคร?” ฟางฉีขมวดคิ้ว “พวกเขาเป็นลูกค้าของข้าหรอ?”

 

“ใช่แล้ว!” หลันยันพูดพร้อมทำหน้าสงสัย “หลังจากที่เจ้าไปที่ดินแดนทะเลดวงดาวแล้วเจ้ากระบี่ขั้นเทพได้รับการปล่อยตัวจนกระทั่งมีสมาคม บางคนที่เคยมาเล่นเมื่อก่อนก็หายไป”

 

เธอยังจำได้ดีกว่ามีหญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่งอายุราวๆ สิบหกปีมีชื่อว่าขาว พวกเขาเคยพูดคุยและมีการตกลงกันแต่จู่ๆ เธอก็หายไปโดยไม่มีคำลา

 

“บางทีเธออาจไปเล่นเกมอื่น” ฟางฉีกล่าว

 

“เป็นไปไม่ได้!” หลันยันกล่าว “มันแปลกที่เธอไม่ได้อยู่บน QQ ตั้งแต่นั้นมา”

 

“นี่ไงเจ้าเพิ่งพูดถึง ..” ฟางฉีเอ่ยด้วยความข้องใจ “ผู้เล่นใหม่หลายคนในสมาคมของเราพวกเขามีการออนไลน์ทุกวัน แต่นี่เขาหายไปแสดงว่าเขาน่าจะเพิ่งหายไป”

 

“ในฐานะหัวหน้าสมาคมทำไมเจ้าไม่ถามเกี่ยวกับที่มาที่ไปและที่อยู่ของพวกเขา” หลันยันกล่าว “เจ้าเป็นหัวหน้าสมาคมนะ!”

 

“ข้าจะไปสอบถามได้ที่ไหน?” ฟางฉีพูดเสียงแข็ง “เจ้าต้องการให้ข้าไปเยี่ยมบ้านของพวกเขาทีละคน? แม้ว่าข้าจะไม่เคยรู้จักตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเนี่ยหรอ?”

 

“น่ารำคาญ!” หลันยันบ่น “ข้าแค่บอกว่าข้าจะพาเธอไปเล่น แต่หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นเธอก็หายตัวไป”

 

“เจ้ากำลังพูดถึงใคร?” เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันในชุดเสื้อผ้าสีน้ำเงินอ่อนเดินเข้ามา เธอคือเยเสี่ยวเย้เธอเดินมาพร้อมกับผู้ฝึกฝนสองคนข้างหลัง “ใครหายไปไหน!?”

 

“ผู้เล่นใหม่ในสมาคมของเรา พวกเราใจดีและโชคดีที่ได้มีช่วงเวลาติดต่อกัน” หลันยันตอบ “แต่จู่ๆ พวกเขาก็หายไป”

 

“หายไป!?” เยเสี่ยวเย้ถามทันที “พวกเจ้าหมายถึง .. พวกเขาไมาได้ออนไลน์ตั้งแต่วันนั้นน่ะหรอ? ไม่สามารถติดต่อผ่านหยกสื่อสารและเพิ่งรู้สึกว่าเหมือนพวกเขาหายไป!?”

 

“เจ้ารู้ได้ยังไง!?” ไม่เพียงแต่หลันยันเท่านั้นที่รู้สึกแปลก นาหลันหมิงสื่อและซงฉิงเฟิงก็หันมาหาเธอโดยพร้อมเพรียง

 

เยเสี่ยวเย้พูดต่อว่า “ข้าก็ไม่รู้อะไรมาก ว่าแต่พวกเจ้าจำศิษย์พี่ซูฮงหยิงได้มั้ย? เธอเป็นคนชักชวนข้ามาที่นี่แต่แรก”

 

“อย่าบอกนะว่าเธอก็หายไปด้วย!?”

 

“อืม ..” เยเสี่ยวเย้ทำหน้าสงสัย “ไม่นานมานี้มีผู้ฝึกฝนบางคนที่มาพร้อมกับพี่สาวและพี่ชายใบพวกเขาร่วมกันต่อสู้กันในเกม Diablo จู่ๆ ก่อนกลับศิษย์พี่สาวก็ได้บอกข้าว่าพวกเขาถูกเรียกตัวกลับไปยังกลุ่มและจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อพวกเขาได้อีก”

 

“หืม!?” ฟางฉีที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกเริ่มคุ้นกับเหตุการณ์

 

“ไม่เจอพวกเขาตั้งแต่นั้นมาหรอ!?” ดงชิงลี่เองก็ยืนอยู่ที่นี่เพื่อเข้าร่วมการสนทนา บรรดาอาจารย์ทั้งหลายก็แอบสงสัยไม่แพ้กัน

 

“ข้าสัมผัสได้ว่ามันเริ่มแหม่งๆ ..” หลันโม, นาหลันฮงวูและคนอื่นๆ มองหน้ากัน

 

“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?” นาหลันฮงวูถาม

 

“ประมาณกลางเดือนที่แล้ว” หลันยันกล่าว

 

“ครึ่งเดือน!?” ฟางฉีเอ่ย “ไม่แปลกหรอกข้าว่า คนไม่กี่คนในสมาคมของข้าก็หายไปเพียงเพราะพวกเขาไม่มีเงินทุน”

 

“…”

 

บรรยากาศในกลุ่ใไมชินั้นแตกต่างจากในร้านอินเตอร์เน็ต

 

สำหรับผู้เล่นส่วนใหญ่ในร้าน วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่หลายคนกำลังเพลิดเพลินและสนุกกับการเล่นเกม

 

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นจำนวนน้อยในดินแดนลับของกลุ่มไทชิ พวกเขาจำต้องอยู่ที่นี่และใช้เวลาหมดไปกับความมืด

 

นี่เป็นแหล่งฝึกฝนสำหรับผู้ฝึกฝนของกลุ่มไทชิ แต่ตอนนี้มันได้รับการเปลี่ยนแปลงมีการตั้งสลักรอยจิตวิญญาณเพื่อจำกัดบริเวณรอบๆ สถานที่นี่เพื่อไว้กักขังพวกเขาไม่ให้หนีได้แม้ว่าพวกเขาจะมีอุโมงค์ลับก็ตาม

 

สาวกจากกลุ่มต่างๆ ถูกบังคับให้สวมใส่เครื่องแบบสีเทาเหมือนคนคุกพร้อมด้วยพลังสาระทางจิตวิญญาณของพวกเขาถูกควบคุมมันล้วนหมดไปกับการฝึกฝนที่หนักและมีความเข้มข้นสูง

 

ชายวัยกลางคนที่ดูอ่อนโยนเขาสวมชุดสีขาวมีหน้าที่รับผิดชอบในการฝึกหัด แม้ว่าดู๋เหยาจะอยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ แต่เขาได้มอบหมายให้เทียนเล้ยซีเป็นผู้ดูแลเรื่องเทคนิคต่างๆ แทน

 

“คาถาสายฟ้าเป็นคาถาที่ชอบธรรมที่สุด!” เทียนเล้ยซีผู้มีจมูกทรงหยดน้ำกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมองขณะที่จ้องมองผู้ฝึกฝนจากกลุ่มต่างๆ “ขอให้พวกเจ้าจับตามองข้าจะใช้เวทย์มนตร์สายฟ้าเพื่อกำจัดพิษร้ายออกจากตัวพวกท่าน!”

 

เขายังคงจ้องมองไปที่เหล่าลูกศิษย์ที่ถูกผูดติดอยู่กับที่ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “กลุ่มไทชิของเราอยู่ภายใต้การดูแลตลอดทั้งวันทั้งคืน พวกเจ้าอาจสูญเสียการควบคุมเนื่องจากพิษร้ายในร่างกาย หากพวกเจ้าไม่สามารถควบคุมพิษร้ายในร่างกายได้ละก็” เขาชี้ไปที่ศิษย์คนหนึ่งที่ถูกผูกตรึงไว้กับเสา “งั้นข้าก็จะช่วยเจ้าเอง!”

 

เขาใช้เวทย์มนตร์ร่ายสายฟ้าอ่อนๆ ด้วยมือสองข้าง มันพุ่งเข้าใส่ขั้วทองเหลืองที่อยู่ด้านหลังสาวกคนนั้น กรี๊ด! เสียงกรีดร้องดังโดยหวน

 

สาวกเหล่านี้มาจากกลุ่มระดับสูงต่างมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมและสาระทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่กล้าแม้จะเหลียวมอง สิ่งที่พวกเขาได้ยินทำให้พวกเขาจำต้องร่วมมือในการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องพวกเขาหลายคนดูมีอากการหวาดกลัส

 

พวกเขามองดูเหล่าฝูงนกที่บินผ่านอย่างอิสระด้วยความอิจฉา

 

“บางทีพวกเจ้าอาจเคยได้เรื่องเล่าการกำจัดพิษ” เทียนเล้ยซีกล่าว “ถ้าพวกเจ้าร่วมมือกับข้าบางทีเพียงเวลาแค่วันเดียวพวกเจ้าอาจได้กลับไปยังที่ที่จากมา!”

 

ดวงตาของสาวกเริ่มสว่างขึ้นแต่แล้วมันก็จางลงอย่างรวดเร็ว .. หรือบางทีพวกเขามีปรารถนาต่อสิ่งอื่น

 

“มีคนมาช่วยพวกเรา!”

 

“ศิษย์พี่หลันยัน .. ข้าคิดถึงพวกท่าน!” น้ำตาพรั่งพรูออกมาจากดวงตาของเด็กอายุสิบหก เธอมองไปยังกำแพงสูงที่เต็มไปด้วยรอยสลักจิตวิญญาณอย่างมีความหวัง แม้จะสิ้นหวังก็ตาม “ข้าหวังว่าสักวันที่จะมีคนมาช่วยเรา ..”