ตอนที่ 90 รอยประทับฝ่ามือคุนหลุน

Legend of the mythological genes

เฟิงหลินเหยียดตรง ดวงตาของเขาทอประกายทรงพลัง ออร่าเปล่งประกายจากส่วนลึกภายในตัว มีวิญญาณของมังกรและความดุร้ายของเสือ

พลังที่เพิ่มขึ้นทุกครั้งคือวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตให้เพิ่มสูงขึ้น

มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับสิ่งมีชีวิตเกรดต่ำที่จะรู้สึกได้รับแรงกดดันจากสิ่งมีชีวิตระดับสูง นี่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างขั้นพลัง เหมือนหนูกับแมว ระดับพลังที่ต่ำจะแพ้โดยไม่ต้องต่อสู้

พลังของเฟิงหลินทะลุ16และร่างของเขาก็ใหญ่โตอย่างไม่น่าเชื่อ

เขารู้สึกเหมือนการสั่นสะเทือนของภูเขาไฟ ร่างกายของเขาซ่อนพลังจำนวนมหาศาลไว้ มันเงียบสงบภายใต้การควบคุมของเขา แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงก็สามารถระเบิดได้ในทันที พลังนั้นเหมือนลาวาเดือดพุ่งพรวดที่สามารถทำลายทุกสิ่งในเสี้ยววินาที

เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงความรู้สึกหิวโหยที่รุนแรงนั้น ลึกๆแล้วเฟิงหลินรู้สึกดีใจ

โชคดีที่เขาไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับยีนของเขาและอดทนรอ เขาชดเชยพลังชีวิตส่วนเกินเขาและเติมเต็มด้วยสารอาหาร

ผู้บ่มเพาะดวงดาวต้องการสารอาหารเพื่อรักษาตัวเอง หากมีการเพิ่มระดับพลังของพวกเขาในระดับที่กว้างขึ้นอย่างมาก มันจะขัดกับกฏการอนุรักษ์พลังงาน และทำให้ร่างกายของพวกเขาเข้าสู่ภาวะขาดสารอาหาร

การบ่มเพาะแต่ละครั้ง เฟิงหลินยิ่งเข้าใจลึกซึ้งขึ้น

การบ่มเพาะนั้นคล้ายกับการสร้างบ้าน คุณไม่สามารถประมาทได้เลย หนึ่งควรวางอิฐแต่ละก้อนอย่างช้าๆและต่อเนื่อง จนกระทั่งในที่สุดสามารถสร้างเป็นตึกระฟ้าได้

มันไม่ง่ายเหมือนการพายเรือต้นน้ำที่ถ้าคุณล้มคุณก็แค่หยุดเคลื่อนไปข้างหน้า แต่นี่ถ้ามันไม่คืบหน้ามันจะนำไปสู่การพังทลายทันที ตกจากท้องฟ้าและกลายเป็นฝุ่น

มีความเสี่ยงอย่างมากที่มาพร้อมกับการฝึกฝน!

การสะสมประสบการณ์อันมีค่าเหล่านี้กลายเป็นสมบัติที่เฟื่องฟูที่สุดของเฟิงหลินในกระบวนการฝึกฝนของเขา

หลังจากเติมสารอาหารด้วยตัวเอง พลังงานทั้งหมดก็ถูกเปลี่ยนเป็นศักยภาพยีน หลังจากนี้เฟิงหลินจะขังตัวในห้องเพื่อเอาชนะการเปลี่ยนแปลง

เมื่อมองไปที่คลื่นใต้น้ำของดาวอังคารและความขัดแย้งของบริษัทยาไจแอนท์ ความรู้สึกของเขาบอกเขาว่าเขาควรจะเสริมกำลังให้กับร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว

เฟิงหลินเงียบลงและเริ่มค้นคว้าศิลปะการต่อสู้ที่เขาเพิ่งได้รับ: รอยประทับฝ่ามือคุนหลุน

นี่คือศิลปะการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ที่ขุดออกมาจากเทพนิยาย มันสิบสองฝ่ามือรวมถึงเทคนิคดาบ และอาวุธอื่นๆ ที่ใช้กันทั่วไปและซับซ้อนก็เช่น รอยประทับดาบสังหารเทพ ค้อนพลิกฟ้า แส้กระหน่ำเทพ…

 

ศิลปะต่อสู้โบราณฮั่วเซียพัฒนามาจากการต่อสู้ระยะประชิดในสนามรบ ยกตัวอย่างเช่น 8หมัดพิฆาตมาจากเทคนิคหอก, หมัดไทชิมาจากเทคนิคค้อน, และฝ่ามือ8เหลี่ยมก็มาจากเทคนิคการใช้มีด …

 

รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนนี้มีลักษณะอาวุธต่างๆ มันดูเรียบง่ายและไม่โดดเด่น แต่เต็มไปด้วยแก่นแท้ของศิลปะการต่อสู้

เทคนิคทุกอย่างเป็นแบบพื้นฐาน และสามารถรวมกันได้อย่างอิสระ มีการผสมผสานแก่นของศิลปะการต่อสู้ต่างๆ ไว้ในที่เดียว เทคนิคที่สามารถใช้ได้นั้นไม่มีขอบเขต

เฟิงหลินคิดกับตัวเอง ไม่น่าแปลกใจที่ชายชุดยาวสามารถต่อต้านการโจมตีที่หลากหลายของเขาได้แม้จะไม่ได้อยู่ในระดับความสามารถเท่าเขา

ใครจะคาดคิดว่าชายผู้นั้นจะมีความรู้ลึกล้ำเช่นนี้ น่าเสียดายที่นี่ไม่ใช่วิชายุทธ์ยีนและไม่สามารถควบคุมพลังทางพันธุกรรมได้

ทว่าบางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ศิลปะการต่อสู้นี้เป็นแบบนี้

ศิลปะการต่อสู้ทางพันธุกรรมมีความแข็งแกร่งเพราะพลังแห่งยีน แต่มันก็ยังถูกกำจัดด้วยเอกลักษณ์มันซึ่งกำจัดความยืดหยุ่น

ยกตัวอย่างเช่น หมัดวัชระสยบอสูร ใช้ยีนวัชระเป็นพื้นฐานของพลัง มันอาจยืดหยุ่นได้เช่นเดียวกับไทชิโดยใช้ความนุ่มนวลเพื่อพิชิตความแข็งแกร่งและเปลี่ยนพลังงานโจมตีเป็นของตนเอง

ศิลปะการต่อสู้โบราณไม่มีข้อจำกัดเช่นนี้เนื่องจากตรรกะของศิลปะการต่อสู้มันไม่ได้ถูกจำกัดโดยพันธุศาสตร์และสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากมาย

รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนทำให้เฟิงหลินจินตนาการได้มาก – ดาบสังหารเทพ, กระจกหยินหยาง, ค้อนพลิกฟ้า, แส้กระหน่ำเทพ – เหล่านี้ถือเป็นอาวุธตำนานในเทพนิยายฮัวเซีย และมีอำนาจทำลายสวรรค์และโลกได้

รอยประทับเหล่านี้ได้รับการยกย่องในแบบเดียวกับชื่อ ด้วยความสง่างามของอาวุธเพียงหนึ่งในพันหรือแม้แต่หนึ่งในหมื่น อำนาจของมันคือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

มันไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ทางพันธุกรรม แต่มันก็ยอดเยี่ยมกว่ามาก

เฟิงหลินคาดหวังต่อมันมากขึ้นและเริ่มทดสอบ

ดาบสังหารเทพ!

มือของเฟิงหลินกลายเป็นปลายดาบแทงไปข้างหน้าเหมือนดาบในตำนาน

มันเหมือนจะเป็นการแทงตามปกติ แต่กลับมีเล่ห์เหลี่ยม กล้ามเนื้อบนนิ้วมือของเขาสั่นสะเทือนทำให้อากาศรอบตัวเกิดพลังงานที่มองไม่เห็นตัดผ่านอากาศ เสียงแหลมสูงดังขึ้นแหวกอากาศ ปล่อยรังสีที่เหมือนจะสามารถสังหารเทพและทำลายเทพเจ้าได้จริงๆ

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงหลินพยายามใช้เทคนิคนี้ และเขาก็ไม่เข้าใจมันดี ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นศักยภาพได้อย่างเต็มที่

รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนเป็นศิลปะการต่อสู้โบราณที่เฟิงหลินไม่เคยพบมาก่อน มันมีเทคนิคที่ซับซ้อนมาก แต่ละขั้นตอนต้องใช้ความพิถีพิถัน ลักษณะการกระจายพลังงานที่เข้มงวด

ผู้บ่มเพาะดวงดาวที่สามารถควบคุมร่างกายได้อย่างสมบูรณ์จึงจะสามารถสั่งการได้อย่างง่ายดาย

เฟิงหลินรีบหยิบยกขึ้นมาพิจารณา กระบวนการเหล่านั้นยากสำหรับคนปกติ – ในระดับที่ดูเหมือนจะขัดกับตรรกะของร่างกายมนุษย์ – เฟิงหลินเชี่ยวชาญเรื่องนี้ในทันที อย่างไรก็ตาม เขายังต้องใช้เวลามากกว่านี้เพื่อดึงเอาศักยภาพมันออกมา

หลังเขาฝึกรอยประทับดาบสังหารเทพ เฟิงหลินก็เริ่มฝึกเทคนิคต่อไปโดยไม่หยุด

รอยประทับค้อนพลิกฟ้า!

เฟิงหลินขยับมือทั้งสองเป็นหมัด กล้ามเนื้อในร่างกายของเขาขยายและหดตัวเหมือนคลื่น ร่างกายของเขารวบรวมพลังงานเอาไว้และใส่ทุกอย่างในหมัดเดียว

ฮ่าห์!

การโจมตีของเฟิงหลินเป็นเหมือนค้อนยักษ์ทุบลงมา ราวกับว่ามันพลิกท้องฟ้าและกดทับโลกมนุษย์ไว้!

อากาศรอบตัวเขาดูเหมือนจะถูกบดขยี้ด้วยพลัง ลมแรงแหวกออกมาจากหมัดของเฟิงหลิน เกิดเป็นเสียงดังกึกก้อง

 

“ช่างเป็นเทคนิคที่ร้ายกาจมาก!”เฟิงหลินถึงกับตกตะลึง

 

รอยประทับค้อนพลิกฟ้าอัดแน่นพลังทั้งหมดไว้ในการโจมตีเดียว มันทรงพลังอย่างยิ่ง

หากลุคสามารถใช้เทคนิคนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มันคงกดดันเฟิงหลินได้

ภายใต้การฝึกของเฟิงหลิน ศักยภาพของรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนเริ่มปรากฏขึ้น เผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเร็ว

เหมือนเด็กที่เพิ่งได้รับของเล่นชิ้นโปรด เฟิงหลินไม่สามารถหยุดฝึกได้

 

รอยประทับแส้กระหน่ำเทพ

เฟิงหลินสะบัดแขนอย่างดุดัน เหมือนแส้ซึ่งเพิ่งฟาดใส่เทพ มันมีพลังมากพอจะฟาดเทพให้ตกลงมาบนพื้นโลก

 

รอยประทับกระจกหยินหยาง

หยางอยู่ในมือข้างหนึ่งและหยินบนมืออีกข้างหนึ่ง รวมกันเหมือนกระจกสองด้าน ข้างหนึ่งแข็งกร้าวในขณะที่อีกด้านหนึ่งอ่อนโยนมีชีวิตชีวา ไม่มีทางป้องกันมันได้

 

รอยประทับเชือกมัดเทพ

แขนของเขาไหลลื่น มันทำงานเหมือนเถาองุ่น มันสามารถจับมังกรได้โดยการพันรอบศัตรูด้วยพลังมหาศาล

เฟิงหลินฝึกฝนทุกเทคนิคในรอยประทับฝ่ามือคุนหลุน ทุกอย่างมีลักษณะเฉพาะของมันเอง มีเทคนิคกำปั้น เทคนิคค้อน และเทคนิคการจับ …บางเทคนิคอ่อนโยน บางเทคนิคแข็งกระด้าง ทำให้มีรูปแบบที่หลากหลาย

จากการทดลองอย่างไม่หยุดยั้ง เฟิงหลินยิ่งเข้าใจมันยิ่งขึ้น เขาเข้าใจทฤษฎีเบื้องหลังเทคนิคการต่อสู้แต่ละอันที่แตกต่างกัน รวมถึงเทคนิคในการใช้พลังของเขา

ทั้งหมดนี้เป็นเทคนิคพื้นฐานที่ทำให้เขาสามารถนำไปใช้กับทักษะการต่อสู้ที่มีลักษณะคล้ายกันได้

รอยประทับฝ่ามือคุนหลุนนี้เปรียบเสมือนเตาที่ให้การต้อนรับทุกสิ่งทุกอย่างผสมผสานเข้ากันอย่างสมบูรณ์

เฟิงหลินดีใจมากถ้าเขาสามารถใช้เทคนิคการต่อสู้โบราณเหล่านี้ได้ ทักษะต่อสู้เขาย่อมแกร่งขึ้นแบบก้าวกระโดด

ในความเป็นจริง โดยไม่คำนึงถึงศิลปะการต่อสู้โบราณหรือทางพันธุกรรม ความแตกต่างที่สำคัญของมันคือการใช้พลังพันธุกรรม แต่ทว่า  เทคนิคพื้นฐานสุดก็มีการใช้พลังเหมือนๆกัน

เฟิงหลินเห็นแจ้ง บางทีรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนนี้อาจรวมกับศิลปะการต่อสู้ทางพันธุกรรมได้

นั่รเป็นไปได้มาก!

อยู่ๆเขาก็คิดได้ รอยประทับของลุคเคยเปลี่ยนไปก่อนหน้านี้โดยใช้พลังลมและไฟ

ทุกรูปแบบในรอยประทับฝ่ามือคุนหลุนมีความแตกต่างกันมาก แต่มันอาจรวมเข้ากับวิชายุทธ์ยีนที่มีความคล้ายคลึงกับมันได้

ความคิดที่ว่าสามารถใช้วิชายุทธ์ยีนประเภทต่างๆได้อย่างอิสระทำให้เฟิงหลินมีแรงบันดาลใจ

 

นี่จะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วนได้ไหม?