ตอนที่ 433

The Divine Nine Dragon Cauldron

เงาพยัคฆ์ที่สูงร้อยศอกพุ่งกระแทกเข้ากับผนึกชั้นที่สอง ม่านวารีสั่นสะเทือน แต่ก็ยังไม่พอที่จะสะบั้นมันให้ขาด

 

ชิงจู้เหิงตั้งท่าใช้พลังต่อไป เหล่าเงาทมิฬที่มีพยัคฆ์หลายตัวปรากฏขึ้นจากด้านหลังพร้อมกันและปะทะกับผนึกด้วยเสียงคำรามลั่น ผนึกถูกทำลายไปด้วยพยัคฆ์ทั้งเก้าตัว!

 

ชิงจู้เหิงกลับมาอย่างไร้อารมณ์ นางหายใจเข้าลึก ดูเหมือนว่านางจะใช้พลังวิญญาณไปมากทีเดียว

 

และก็ถึงคราวของเจิ่งปิง

 

ซือหยูตกใจอยู่เล็กน้อยที่เห็นว่าเจิ่งปิงนั้นฝึกฝนวิชาน้ำแข็ง! ผนึกสั่นอย่างบ้าคลั่งเมื่อเขาลงมือ พลังนั้นไม่ได้อ่อนแอกว่าชิงจู้เหิงแม้แต่น้อย

 

ฉีหมิงสีหน้าจริงจัง

 

“วิชาของท่านเจิ่งน่าประทับใจนัก! ดูเหมือนว่าวิชาน้ำแข็งของท่านจะไปถึงระดับสูงสุดและปล่อยพลังต้นกำเนิดออกมาได้แล้วใช่หรือไม่?”

 

เจิ่งปิงไม่สนใจคำถามของฉีหมิง เขารวบรวมพลังความเย็นไว้ที่มือและโจมตีผนึกต่อไป ผนึกถูกทำลายไปในเวลาแค่ครึ่งถ้วยชา!

 

เช่นเดียวกัน เจิ่งปิงนั้นใช้พลังวิญญาณไปมากไม่ต่างจากคนอื่น แค่สามผนึกก็ต้องทำให้เหล่าผู้คุมสวรรค์ใช้ออกมาถึงหลายกระบวนท่า!

 

ฉีหมิงสีหน้ายินดี

 

“ม่านพลังสุดท้าย ค่อนข้างมีพลังมากไปถ้าท่านหิมะทมิฬจะทำลายคนเดียว พวกเราสามคนจะช่วยด้วย จะได้ทำลายผนึกโดยเร็ว”

 

ชิงจู้เหิงไม่พูดอะไร นางฟื้นฟูพลังและพุ่งเข้าไปด้วยตัวเอง

 

แต่เจิ่งปิงนั้นไม่ค่อยเต็มใจนัก

 

“ฮื่ม! สุดท้ายข้าก็ต้องช่วยอยู่ดี”

 

แต่ซือหยูที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นส่ายหน้า

 

“ไม่ต้อง ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”

 

หลัะงจากที่จ้องมองผนึกชั้นสุดท้าย ความตกใจเล็กๆฉาบแววตาของซือหยู ด้วยเนตรวิญญาณ ซือหยูพบว่าอีกด้านของผนึกนั้นมีชุดเกราะทมิฬที่เสียหายลอยอยู่ มันปล่อยพลังแรงกดดันวิญญาณที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าธนูมังกรฟ้าดิน! ชุดเกราะนั้นจะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าแน่!

 

ฉีหมิงตกใจที่ซือหยูคิดจะทำลายผนึกคนเดียวแต่เขาก็ไม่หยุดซือหยู เขาหัวเราะเบาๆ

 

“ให้ท่านหิมะทมิฬลองก่อนเถอะ ไม่เสียหายอะไรถ้าเราจะไปช่วยถ้าเขาทำไม่สำเร็จ”

 

เจิ่งปิงดีใจ เขายืนมือไพล่หลังอยู่ที่เดิมและไม่ขยับไปไหน

 

ส่วนชิงจู้เหิง นางหยุดคิดและพูดขึ้นมา

 

“ท่านหิมะทมิฬ อาจจะยากถ้าเจ้าคนเดียวจะทำลายผนึกได้ ทำไมไม่ให้ข้าช่วยด้วยเล่า?”

 

นางพูดจบและพุ่งเข้ามาในพริบตา

 

แย่แล้ว! ซือหยูคิด

 

นางอาจจะเห็นสิ่งเดียวกับซือหยู!

 

ซือหยูเป็นกังวลอยู่บ้าง แต่ไม่นานผนึกสมุนไพรเทพเยือกแข็งใกล้กับจุดกำเนิดพลัะงของเขาก็ปล่อยพลังอันเยือกเย็นออกมา พลังความเย็นสุดขั้วล้อมรอบหมัดของซือหยู

 

สีหน้าของฉีหมิงและความหยาบคายของเจิ่งปิงเปลี่ยนไปพร้อมกัน พวกเขาพูดด้วยความตกตะลึง

 

“ต้นกำเนิดน้ำแข็ง!”

 

มีแค่การบ่มเพาะวิชาน้ำแข็งจนถึงระดับสูงสุดเท่านั้นที่จะทำให้ได้พลังของต้นกำเนิดน้ำแข็งมาครอง ทั้งทวีปเฉินหลงไม่มีใครที่สำเร็จพลังระดับนี้ พลังของมันเหนือจินตนาการ!

 

ปั้ง–

 

ผนึกชั้นสุดท้ายไม่แม้แต่สั่นสะเทือน มันถูกทำลายอย่างง่ายดาย

 

ชั้นม่านวารีสลายไป เหล่าธุลีที่สะสมมาตลอดหมื่นปีฟุ้งกระจายออกมาจากปากถ้ำจนขุ่นไปหมด

 

ซือหยูใช้โอกาสนี้สูบชุดเกราะที่ลอยอยู่เข้ามาในคันฉ่องจักรวาล!

 

ฟึ่บ–

 

ในตอนนั้น ร่างอันละเอียดอ่อนของชิงจู้เหิงบินเข้าไป นางแหวกมือทั้งสองข้าง ทรายและธุลีถูกพัดหายไปเผยให้เห็นทางเข้าถ้ำ นางประหลาดใจที่ไม่พบอะไรและหันไปมองดูซือหยู แต่นางก็ไม่พูดอะไรออกมาหลังจากนั้น

 

ฉีหมิงกับเจิ่งปิงบินเข้ามาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือพวกเขามองซือหยูด้วยความหวาดกลัว! ด้วยพลังที่ทำลายผนึกได้โดยไม่ต้องลงแรงมากนัก…ซือหยูที่ดูจะอ่อนแอที่สุด…จริงๆแล้วคือคนที่อยู่เหนือพวกเขาทั้งสาม!

 

“นามของท่านหิมะทมิฬที่ดังออกไปนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย”

 

ฉีหมิงพูดขึ้นมา

 

“ท่านปล่อยพลังต้นกำเนิดออกมาเพราะบ่มเพาะวิชาน้ำแข็งจนถึงขีดสุด ข้านับถือท่านยิ่งกว่าเดิมเสียอีก”

 

ฉีหมิงกล่าวชมเขาอย่างต่อเนื่องและจงใจทิ้งระยะให้ห่างจากซือหยูห้าสิบศอก

 

ซือหยูตอบอย่างสุภาพ

 

“นั่นก็เป็นเพียงโชคเท่านั้น ข้าจะเทียบกับท่านสามคนได้อย่างไร? อย่างไรผนึกก็ถูกทำลายไปแล้ว เข้าไปกันเถอะ”

 

เมื่อเห็นว่าซือหยูปิดบังตัวตนเอาไว้และพวกเขามิอาจได้เห็นพลังที่แท้จริงของเขา พวกเขาจึงทำได้แค่เข้าถ้ำตามไปพร้อมกัน

 

เมื่อเข้าไป พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังภูติที่แทงลึกถึงกระดูก ถ้ำนี้ไม่ลึกมากนักและหลังจากที่เข้ามาไม่กี่พันศอก พวกเขาก็มาถึงตำหนักกว้างที่ทอดยาวหมื่นศอก กำแพงศิลาถูกตกแต่งด้วยมุกมรกตที่เปล่งประกายอย่างงดงามในความมืด นั่นทำให้พลังภูติเข้มข้นขึ้น

 

ที่กลางตำหนักมีแท่นบูชาสูงหมื่นศอกที่รายล้อมด้วยเสาศิลาหลายร้อยต้น มันถูกสลักด้วยสัญลักษณ์ประหลาด และทุกเสายังเชื่อมต่อกันด้วยโซ่เหล็กดำ

 

ยิ่งเข้าใกล้แท่นบูชาเท่าใด ความเข้มข้นของพลังภูติก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เมื่อพวกเขามาถึงกลางแท่น พลังภูตินั้นก็หนาแน่นซะจนเห็นเป็นสีดำ ชั้นพลังทมิฬแผ่ออกมาไม่หยุดหย่อน

 

มีสมุนไพรมรกตทมิฬที่ยาวสามสิบนิ้วเติบโตอยู่บนพื้น สมุนไพรนั้นเต็มไปด้วยพลังภูติ และยังมีอยู่เจ็ดถึงแปดต้น!

 

“สมุนไพรบาดาลอมตะ!”

 

ฉีหมิงตกใจ

 

“ไม่คิดเลยว่าจะมีมากเช่นนี้!”

 

นักล่าสมบัติทั้งสี่คนต่างตกตะลึง

 

เจิ่งปิงกับชิงจู้เหิงบินเข้าไปและรีดเก็บสมุนไพรบาดาลอมตะ ฉีหมิงไม่ขยับตัว ส่วนซือหยูกลับเริ่มถอยหนี!

 

“ท่านหิมะทมิฬ?”

 

ฉีหมิงมองซือหยูอย่างประหลาดใจและน้ำเสียงเขาก็ประหลาดขึ้น

 

“สมุนไพรบาดาลอมตะอยู่ตรงหน้า ทำไมเจ้าไม่ไปเก็บมันเล่า? ถ้าเจ้าช้าและสองคนนั้นเอาไปหมด มันจะต้องพยายามอย่างมากเชียวนะที่จะชิงสมุนไพรมาจากสองคนนั้นได้!”

 

ซือหยูไม่เพียงแต่ไม่เก็บสมุนไพรเท่านั้น แต่สีหน้าเขายังเคร่งเครียด เขารีบถอยและพุ่งออกไปยังทางเจ้าตำหนัก!

 

หลังจากเจิ่งปิงกับชิงจู้เหิงที่บินไปที่แท่นบูชาเห็นท่าทางแปลกๆของซือหยูกับฉีหมิง พวกเขาก็หัวใจแทบจะหยุดเต้น พวกเขาชักสีหน้าและหันตัวกลับเพื่อถอย แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างจากแท่นบูชาไม่กี่ร้อยศอกก็ตาม!

 

ทันใดนั้นเองก็มีเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูของภูติผีดังออกมาจากแท่นบูชา เสียงของมันชั่วร้ายและมืดมิด

 

ซือหยูที่กำลังจะถึงทางเข้ารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของเขาหยุดการไหลเวียนไปทันที แต่ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งและตอบสนองได้เร็ว เขาร่อนลงกับพื้นได้โดยไม่เป็นอะไร จากนั้นเขาก็วิ่งออกจากตำหนักโดยไม่หันหลังกลับ!

 

ที่ตำหนัก สีหน้าของเจิ่งปิงกับชิงจู้เหิงเปลี่ยนไป พวกเขารีบถอยแต่สัญลักษณ์สีดำที่สลักอยู่บนเสาศิลาร้อยเก้าสิบต้นก็เปล่งพลังออกมาเหมือนกับแท่นบูชา!

 

เสาศิลาสองต้นลอยขึ้นและพุ่งเข้าใส่ทั้งสองในทันที!

 

เจิ่งปิงเบิกตากว้างเขาสร้างร่างน้ำแข็งสามร่างออกมารอบตัว! ร่างน้ำแข็งทั้งสามยืนป้องกันเสาศิลาขณะที่ตัวเขาเองหนีราวกับคนบ้า!

 

แต่เสาศิลาก็ทะลวงผ่านร่างน้ำแข็งทั้งสาม ร่างน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างจริงของเจิ่งปิงที่หนีถูกซัดจากเสาศิลา เขากระอักเลือดออกมาพร้อมกับพลังวิญญาณป้องกันร่างที่ถูกทำลาย

 

ในตอนนั้น หนวดดำหลายสิบเส้นที่หนาเท่ากับดัชนีได้เข้ารัดตัวเจิ่งปิง เจิ่งปิงกรีดร้องและถูกดูดกลืนจนแห้ง เขากลายเป็นซากศพในพริบตา!

 

ยอดฝีมือที่กำลังจะถึงระดับราชามนุษย์ตายในทันที!

 

“เคี้ยก เคี้ยก เคี้ยก…นานเหลือเกินที่ข้าไม่ได้กินของอร่อยเช่นนี้!”

 

เสียงดังมาจากส่วนลึกในแท่นบูชา มันหัวเราะอย่างชั่วร้ายและเดาะลิ้น

 

ครืน–

 

ครืน—

 

แท่นบูชาแหลกสลายเผยให้เห็นเงายักษ์ในแท่น! ร่างของมันสูงหมื่นศอก ทั้งลร่างปลดปล่อยจิตสังหารอันน่ากลัวออกมา!

 

เงาทมิฬนั้นดูเหมือนมนุษย์ยกเว้นส่วนหัวที่มีถึงสามหัว! สองหัวด้านข้างนั้นเหี่ยวแห้งราวกับศพที่แข็งเป็นหิน หัวตรงกลางนั้นเหมือนกับใบหน้าอสุรา มันสีเขียวช้ำและมีฟันยาวแหลม

 

ดวงตาแดงก่ำนั้นดูดุร้ายและซุกซน

 

“หึหึ! เจ้าพวกโง่ที่มาหาสมุนไพรบาดาลอมตะ!”