บทที่ 549 : ล่องทะเลสาบ!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 549 : ล่องทะเลสาบ!

เพราะเรื่องของเกาเฉินเฉิน ทำให้ห้องโดยสารในเรือตกอยู่ในความเงียบสงัด มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ของเรือเท่านั้นที่ดังกระหึ่มให้ได้ยิน..

เมื่อเรือยอร์ชหรูหราแล่นมาถึงใจกลางของทะเลสาบ หลิงหยุนจึงดับเครื่องยนต์ และออกไปยืนที่หัวเรือ..

เรือยอร์ชลำนี้นับว่าหรูหราทีเดียว ตัวเรือกว้างสี่เมตร และยาวเกือบสิบเมตร ห้องโดยสารที่สูงกว่าสองเมตรนั้นแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกเป็นพื้นที่เปิดโล่งสำหรับอาบแดดได้ ส่วนที่สองเป็นห้องนั่งเล่นในร่ม สามารถนั่งพูดคุย ดื่มกาแฟ และนั่งรับประทานอาหาร

ส่วนที่สามนั้นถึงแม้จะเป็นห้องที่เล็กที่สุด แต่ก็เป็นห้องที่เห็นทิวทัศน์ได้งดงามที่สุด ยังมีอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่เปิดโล่งทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถนอนแช่ในอ่าง พร้อมกับมองทัศนียภาพที่งดงามเพื่อเพิ่มความผ่อนคลายไปด้วย

เรือยอร์ชสีขาวทั้งลำดูเหมือนจะดึงดูดสายตาผู้คนได้มาก มันดูหรูหราตระการตา เรียกได้ว่าออกแบบมาเพื่อให้คนมีเงินได้ใช้เพื่อหาความสุขอย่างแท้จริง

ลองจินตนาการดูว่า หากผู้มีอำนาจและร่ำรวยพาสาวสวยมาล่องเรือยอร์ชเล่นในทะเลสาบที่สวยงามเช่นนี้ หลังจากเบื่อจากการเล่นไพ่นกกระจอก และอาบแดดแล้ว พวกเขาก็สามารถพาสาวๆเข้ามานอนแช่น้ำในอ่างด้วยกันได้อย่างเพลิดเพลินเลยทีเดียว

‘เฮ้อ.. ผู้คนบนโลกใบนี้เอาแต่หาความสุขไปวันๆ” หลิงหยุนได้แต่นึกเหยียดหยันอยู่ในใจ

“หลิงหยุน.. นายไม่ต้องกังวลมากไป! อีกเพียงแค่ครึ่งเดือนก็จะสอบเอนทรานซ์แล้ว ไว้สอบเอนทรานซ์เสร็จ พวกเราค่อยไปหาเกาเฉินเฉินที่ปักกิ่งก็ได้นี่นา ถ้าเราไปที่นั่นก็ต้องได้พบเฉินเฉินแน่นอน?”

ฉางหลิงรู้ว่าหลิงหยุนคงรู้สึกเศร้า เธอจึงเดินไปยืนข้างเขาพร้อมกับปลอบโยนหลิงหยุนอย่างอ่อนโยน

หลิงหยุนหันหน้าไปมองฉางหลิงพร้อมกับคิดในใจว่า เขาเองก็คิดเช่นเดียวกับฉางหลิง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในยามนี้ หากไปถึงที่นั่น.. ก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีความสามารถพอที่จะเข้าบ้านเกาเฉินเฉินได้หรือไม่?

“อุ๊ย..”

จู่ๆน้ำในทะเลสาบก็กระเซ็นขึ้นสูงราวสิบเมตรได้ หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจลงไปในน้ำก็พบว่า ใต้น้ำมีปลาขนาดใหญ่กำลังจะโผล่ขึ้นมาที่หายใจที่ผิวน้ำ

หลิงหยุนเกิดความรู้สึกที่กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เขาใช้มังกรพรางร่างพุ่งไปยืนอยู่บนผิวน้ำตรงตำแหน่งที่ปลาตัวใหญ่กำลังจะโผล่หัวขึ้นมา จากนั้นก็จ้วงมือลงไปในน้ำคว้าตัวของมันไว้ทันที

จากนั้นหลิงหยุนก็กระโจนสูงขึ้นราวสิบเมตร และกลับมายืนบนหัวเรือข้างฉางหลิงอย่างสง่างาม ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับว่าหลิงหยุนยังไม่ได้ขยับตัวไปใหนแม้แต่นิดเดียว

แต่ทว่ามือซ้ายของหลิงหยุนก็กำปลาตัวใหญ่อ้วนที่ยาวกว่าสองฟุตไว้ แต่เจ้าปลาโชคร้ายนี้ก็มีพละกำลังที่ไม่เบาเลยทีเดียว มันดิ้นรุนแรงอยู่ในมือของหลิงหยุน และหากเป็นคนธรรมดาก็คงไม่อาจต้านทาน และปล่อยหลุดไปแล้วก็ได้

ฉางหลิงได้แต่ยืนมองอย่างงุนงง และพูดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วขณะ!

กิริยาท่าทางของหลิงหยุนนั้น ช่างสง่างาม และน่าดูอย่างมาก!

‘โอ้โห.. หลิงหยุน! นายดูเท่ห์มากเลย นี่นายทำได้ยังไงกัน?!’ ฉางหลิงได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ

“ผมให้คุณ.. จะเอาไปนึ่งก็ได้ กินบำรุงสมองอย่างดีเลยล่ะ!” หลิงหยุนพูดยิ้มๆ พร้อมกับยื่นหางปลาให้กับฉางหลิง

“ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ นี่นายจะให้ฉันถือไปแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ?!” แววตาของฉางหลิงเป็นประกายด้วยความชื่นชม และมีความสุขอย่างมาก

“ใช่.. แต่ผมยังไม่ส่งคุณกลับบ้านตอนนี้แน่..!” หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับโยนปลาหมึกลงไปในอ่างที่อยู่บนเรือจนน้ำกระเซ็น!

“รีบไปล้างมือให้สะอาดด้วย!” ฉางหลิงสั่งพร้อมกับผลักหลิงหยุนให้ไปหาที่ล้างมือ

ทั้งคู่เดินมาถึงท้ายเรือ และหลิงหยุนก็โน้มตัวลงควักน้ำในทะเลสาบขึ้นมาล้างไม้ล้างมือให้สะอาด

“คุณอยากลงไปเล่นน้ำสักหน่อยมั๊ย? น้ำเย็นสบายมากเลย..” หลิงหยุนล้างมือพร้อมกับหันหน้ามาถามฉางหลิงยิ้มๆ

“ไม่ดีกว่า.. มันอันตรายเกินไป!” ฉางหลิงยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าปฏิเสธ

หลิงหยุนลุกขึ้นยืนและเดินกลับไปหาฉางหลิง เขาเดินตรงไปยืนข้างเธอพร้อมกับยื่นมือขวาออกไปโอบเอวของเธอไว้ ระหว่างที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของฉางหลิง ร่างของเธอก็ลอยขึ้นกลางอากาศ

ฉางหลิงตกใจกลัวจนต้องหลับตาปี๋ และรู้สึกว่าหูของเธอนั้นอื้อไปหมด และเมื่อเธอกระพริบตา หลิงหยุนก็ได้อุ้มร่างของเธอกระโดดขึ้นไปที่ชั้นสองของเรือยอร์ชแล้ว

“นั่งเล่นกันตรงนี้ดีกว่า..” หลิงหยุนอุ้มร่างของฉางหลิงไว้พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

และนี่เป็นประสบการณ์ที่ฉางหลิงไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เธอไม่เคยเห็นหลิงหยุนเหาะเหินเดินอากาศแบบนี้ อีกทั้งยังไม่เคยอยู่ในช่วงเวลาที่โรแมนติกเช่นนี้

“อุ้มฉันไว้แบบนี้!” แขนของฉางเหลิงเลื่อนมาเกาะอยู่ที่คอของหลิงหยุนไม่ยอมปล่อย..

หลิงหยุนอุ้มร่างอ่อนเยาว์ของฉางหลิงไว้เช่นนั้น เขารู้ดีว่าฉางหลิงนั้นรู้สึกอย่างไรกับเขา ฝ่ามือเย็นทั้งสองข้างที่เพิ่งผ่านการล้างมือมานั้น แนบติดกับหน้าอกที่ร้อนแรง ทำให้ฉางหลิงไร้ซึ่งความอาย

ฉางหลิงอายุมากกว่าหลิงหยุนหนึ่งปี และหลังจากผ่านวันเกิดมา เธอก็อายุสิบเก้าปีกว่าๆแล้ว เธอจึงห้าวหาญกว่าเด็กสาวคนอื่น

เพราะเธอกินแต่มะละกอและดื่มนมทุกวัน หน้าอกของฉางหลิงจึงมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษขนาด 36E อีกทั้งยังขาวราวกับหยวกกล้วย และนี่คือส่วนสัดในร่างกายที่ฉางหลิงภูมิใจที่สุด

หน้าอกใหญ่โตตั้งตรงทั้งสองข้างของฉางหลิงนั้น เบียดเสียดอยู่กับหน้าอกของหลิงหยุน มีหรือที่จิตใจของหลิงหยุนจะไม่สั่นไหว!

“คุณรู้มั๊ยว่าวันนี้เสี่ยวเม่ยหนิงย้ายมาอยู่ที่บ้านผมแล้ว..” หลิงหยุนก้มมอง และพูดกับฉางหลิงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ที่นี่มีแค่เราสองคน.. อย่าพูดถึงผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่สน.. ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น..”

ฉางหลิงหลับตาลงเบาๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นรอคอยริมฝีปากของหลิงหยุนอย่างอาจหาญ

ตอนนี้หลิงหยุนนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ เขาก้มลงพร้อมกับแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากที่บอบบางของฉางหลิง และเริ่มลิ้มรสหอมหวานจากริมฝีปากของเธอ

และด้วยการพบกันที่น่าประทับใจครั้งนี้ ฉางหลิงก็ได้มอบจูบแรกของเธอให้กับหลิงหยุน!

หลิงหยุนไม่เพียงจูบฉางหลิงเนิ่นนาน แต่ขณะเดียวกันฝ่ามือใหญ่ของเขาก็เคลื่อนไปตามเรือนร่างของเธอ พร้อมกับลูบไล้ไปตามจุดต่างๆที่ไวต่อความรู้สึก

ผ่านไปครู่ใหญ่.. ทั้งคู่ก็สิ้นสุดการจูบที่ทรหด และเนิ่นนาน

“ฮู่ว..!”

ฉางหลิงค่อยๆลืมตาขึ้นจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลิงหยุนพร้อมกับพึมพำว่า “ช่างเป็นความรู้สึกที่วิเศษจริงๆ..”

ร่างของฉางหลิงสั่นเทิ้ม แต่จู่ๆก็ร้องตะโกนเสียงดังออกมา ดวงตาเบิกโตด้วยความตกใจ “ไม่ได้.. ฉันลืมไป! นายเพิ่งจะจับปลามา!”

“ใจเย็น.. ลืมแล้วเหรอว่าผมล้างมือแล้ว!” หลิงหยุนพูดพร้อมกับยิ้มชั่วร้าย

“เห็นมั๊ย.. มือของผมยังเปียกอยู่เลย..”

หลิงหยุนขยับมือขวาที่ยังอยู่ในชุดชั้นในของฉางหลิง แม้ฉางหลิงจะไม่ใช่หญิงสาวที่มีรูปร่างเพรียว แต่ออกจะเจ้าเนื้อนิดๆ แต่หน้าท้องของเธอก็แบนราบ และไม่มีไขมันย้วยน่าเกลียด

อีกทั้งหน้าอกทั้งสองข้างก็ยังขาวและใหญ่โต แต่หลิงหยุนกลับคิดไม่ถึงว่าเพียงแค่จูบกันครู่เดียว ฉางหลิงจะมีปฏิกิริยาทางร่างกายที่รุนแรงมาก

“นี่นายทำอะไร.. ร้ายกาจที่สุด!”

ในที่สุดฉางหลิงก็สมความปรารถนา เธอกล้าที่จะเป็นฝ่ายจูบหลิงหยุนก่อน

เรือยอร์ชะลอยอยู่กลางทะเลสาบ คลื่นกระจายตัวเป็นวงกลมราวกับจะประกาศความรักที่เธอมีต่อหลิงหยุน

ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ฉางหลิงก็ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุน และผลักฝ่ามือใหญ่ของหลิงหยุนออกพร้อมกับขอร้องว่า

“อย่ารังแกฉันแบบนี้สิ..”

หากปล่อยให้เกินเลยมากกว่านี้ หลิงหยุนกับฉางหลิงคงต้องไปจนถึงใหนต่อใหนแล้วแน่ แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์และความตั้งใจของคนทั้งคู่

หลิงหยุนจึงตัดสินใจที่จะหยุด และมองเสื้อชั้นในสีแดงของฉางหลิงพร้อมกับยิ้มออกมาแต่ไม่พูดอะไร

“นายยิ้มอะไร?! ยังไม่ช่วยฉันใส่เสื้อชั้นในอีก.. เร็วเข้า!” ฉางหลิงหน้าแดงพร้อมกับร้องสั่งหลิงหยุน

หลิงหยุนเอ่ยชมหน้าอกสีขาวราวหยวกล้วยของฉางหลิงพร้อมกับหัวเราะ “ผมว่ามันสวยมากเลย!”

“ร้ายนักนะ!”

ฉางหลิงรีบจัดเสื้อผ้าที่ถูกหลิงหยุนดึงขึ้นให้เรียบร้อย และลุกขึ้นยืนจัดระเบียบชุดชั้นในกับกระโปรงให้เข้าที่เข้าทาง

“นี่ถ้าน้าเล็กกับแม่รู้เข้า ฉันต้องถูกฆ่าตายแน่!” ฉางหลิงพึมพำ

“ขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลิงหยุนอึ้งไปเล็กน้อยพร้อมกับนึกถึงใบหน้าที่งดงามของเหลียงเฟิงอี้ และรูปร่างที่สวยงามของเธอ

“ใช่! นี่เป็นช่วงใกล้สอบเอนทรานซ์แล้ว ถ้าแม่รู้ว่านายรังแกฉันแบบนี้ คงไม่ให้อภัยนายแน่!” ฉางหลิงมองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขู่

แต่หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้ม และไม่ตอบอะไร

หลังจากที่จัดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอก็ยิ้มให้หลิงหยุน และนั่งลงพร้อมกับกอดแขนหลิงหยุนอย่างสนิทสนม

“หลิงหยุน.. แล้วคลินิกของนายจะเปิดเมื่อไหร่?”