ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 293 จุดสำคัญในการปิดฉาก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังทิศทางของสำนักด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ที่นั่นมีไอมารสีดำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ภูเขาเขียวชอุ่มงามลออยามปกติ บัดนี้ประหนึ่งเมืองผี

“ภายในมีนพยมโลกมาเยือน ซินตงผิงชิงมหาค่ายกลคุ้มกันเขาล้อมโจมตีท่านพ่อด้วยกันกับจอมมารหยวนเทียน ด้านนอกมีสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์จ้องตาเป็นมันอยู่” เยี่ยนจ้าวเกอสูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง “ภยันอันตรายหนนี้ ยากผ่านพ้นไปได้จริงๆ”

อาหู่มองยังเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความกังวลใจอยู่บ้าง “คุณชาย ท่านประมุข…”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดอะไร เพียงตั้งใจมองไปยังเขากว่างเฉิง

เหนือยอดเขา มิติกำลังบิดเบี้ยวไม่หยุด คล้ายกับจะแตกสลายออกมาได้ทุกเมื่อ มีพลังทำลายพินาศไร้ขอบเขตพุ่งออกมาจากในนั้น ตกลงยังเขากว่างเฉิงที่อยู่ด้านล่าง

ขณะที่รัศมีแสงทอประกาย ฝ่ามือยักษ์สองข้างเหยียดยื่นออกมาจากด้านล่างยอดเขามหาคุณหลังเขา ราวกับยันฟากฟ้าขึ้น ค้ำชูมิติต่างแดนอันบิดเบี้ยวนั่นไว้ พยายามทำให้มันคงที่อย่างเต็มที่ ไม่ให้กระทบกระเทือบสำนักเขากว่างเฉิง

“นั่นน่าจะเป็นผู้อาวุโสเหอที่เฝ้าคุ้มกันท่านอาจารย์ปู่ บัดนี้ไม่สามารถนั่งชมอยู่เฉยๆ ถูกบีบให้ลงมือแล้วเช่นกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอมองยังหลังเขาอีกด้าน ตรงยอดเขาอรรณพมีไอมารพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า แทบจะคลุมครอบยอดเขาเอาไว้

ทว่าท่ามกลางเขตแดนไอมารสีดำ มีประกายกระบี่วาววามพุ่งขึ้นมา หยุดแดนมารไม่ให้ขยับขยายออกไปอีกขั้น

“ส่วนนั่นน่าจะเป็นอาจารย์ลุงสอง บังคับยับยั้งมหาค่ายกลแดนมารเอาไว้”

เพราะไม่แน่ใจว่าไส้ศึกเป็นผู้ใด หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอทบทวนวิธีการยับยั้งมหาค่ายกลแดนมารแล้ว จึงไม่ได้เสนอต่อสำนัก

การศึกษาและปรับปรุงมหาค่ายกลของฝ่ายภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ก็กำลังพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน

ตั้งแต่ไม่อาจหลุดพ้นอเวจีในตอนแรก ทำได้เพียงทดลองอยู่ภายในอเวจี เมื่อถึงเวลาที่เกิดความเปลี่ยนแปลงในทะเลสาบปิดนภา อาศัยสายน้ำที่มีต้นกำเนิดจากอเวจีก็สามารถวางค่ายกลได้

เริ่มจากเมืองของเกาะทราย ในสถานที่ที่ห่างไกลอเวจีก็สามารถวางมหาค่ายกลแดนมารได้เช่นกัน มากกว่านั้นยังสามารถนำพาไอมาร เปลี่ยนตำแหน่งมาเยือนของประตูนพยมโลกได้

เยี่ยนจ้าวเกอวิเคราะห์ค่ายกลแดนมารของอีกฝ่าย ระดับการทำลายค่ายกลสูงขึ้นตลอดเวลา

หากแต่ฝ่ายภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต หรือกล่าวได้ว่า ซินตงผิงประมุขภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ผ่านการศึกษาวิชาทำลายค่ายกลของเยี่ยนจ้าวเกอ จึงปรับแก้และพัฒนาระดับการวางค่ายกลเช่นกัน

ชายหนุ่มและผู้อาวุโสท่านนี้ได้ต่อสู้กัน ผ่านมหาค่ายกลแดนมารหลายยกแล้ว

ด้วยสถานการณ์ก่อนหน้าที่ยากยืนยันได้ว่าไส้ศึกเป็นผู้ใด เยี่ยนจ้าวเกอจึงเสนอวิชาคลายและยับยั้งใหม่ที่สุดสำหรับมหาค่ายกลแดนมารแก่เพียงเยี่ยนตี๋เท่านั้น

หากแต่ตอนนี้เยี่ยนตี๋กำลังต่อสู้อยู่กับศัตรูแก่กล้าในมิติต่างแดน แน่นอนไม่อาจแยกร่างไปบอกกล่าวฟางจุ่น

ขณะนี้ฟางจุ่นอาศัยพลังพลังฝึกปรือของตนในการยับยั้งมหาค่ายกลแดนมารทั้งสิ้น เคราะห์ดีที่พลังฝึกปรือของเขาสูงกว่าเยี่ยนจ้าวเกอนัก ความเข้าใจในไอมารของนพยมโลกก็ล้ำเหนือผู้อื่นเช่นกัน

เพียงแต่ก่อนหน้านี้เพื่อปกป้องผู้อาวุโสสูงสุดกงแห่งหุบเขาผนึกเวหาและผนึกกั้นหุบเขา ทั้งยังถูกซินตงผิงพันธนการ ทำให้ฟางจุ่นฟางผลาญพลังไปจำนวนมาก

ตอนนี้เขาทำได้เพียงฝืนระงับมหาค่ายกลแดนมารไว้เท่านั้นเช่นกัน

กระนั้น ในที่สุดก็ทำให้นพยมโลกไม่ถึงขั้นมาเยือนเขากว่างเฉิงโดยพลัน

“ตอนนี้สถานการณ์ที่อันตรายและสำคัญที่สุด ยังคงอยู่ที่ทางท่านพ่อ” เยี่ยนจ้าวเกอคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กดฝ่ามือลงบนพื้นดิน สัมผัสความเปลี่ยนแปลงของมหาค่ายกลคุ้มกันเขากว่างเฉิงต่อเนื่อง “แม้ท่านพ่อจะสวมเสื้อคลุมนภา แต่เขาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้อย่างจอมมารหยวนเทียน กับซินตงผิงที่ยึดอำนาจควบคุมมหาค่ายกลคุ้มกันเขาโดยส่วนใหญ่ไป เท่ากับว่ามียอดฝีมือขั้นศักดิ์สิทธิ์สองคน”

“โชคดีเช่นกันที่ท่านพ่อต้านทั้งสองคนไว้แบบหนึ่งต่อสอง หาไม่แล้วหากอีกฝ่ายแยกออกมาได้ สถานการณ์คงจะเลวร้ายถึงขีดสุดแล้ว”

ปัญหาสำคัญอยู่ที่ ทางเยี่ยนตี๋โจมตีเพลิงแท้ออกมาแล้ว พลังความสามารถระดับขั้นศักดิ์สิทธิ์ ยอดฝีมือสิ้นใจคาสนามรบ ต่อสู้จนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน

สถานการณ์รบเช่นนี้ คนอื่นยากจะยื่นมือเข้าแทรก ต่อให้มหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมล้วนไม่สมน้ำสมเนื้อพออยู่บ้าง

รวมถึงฟางจุ่น ต่อให้สนามรบอื่นเขากว่างเฉิงจะชนะทั้งสิ้น พวกฟางจุ่นและสือเถี่ยยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ถ้าไม่ชิงอำนาจควบคุมมหาค่ายกลกลับมา ก็ยากยิ่งจะช่วยเยี่ยนตี๋ได้เช่นกัน

เยี่ยนตี๋สูดหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง “แต่ถ้าหากท่านพ่อต้านไว้ไม่ไหว ชัยชนะอื่นล้วนกลายเป็นลวงเช่นกัน สถานการณ์โดยรวมก็จะพังพินาศ พวกเราไม่มีเวลามากแล้ว”

เขาเบือนศีรษะมองยังสือเถี่ย “กลวิธีไม่ใช่ไม่มี หากแต่ยาก”

“เพราะศัตรูนอกเป็นเหตุ มหาค่ายกลคุ้มกันเขาเกิดความเปลี่ยนแปลง นี่ต่างหากที่ทำให้ซินตงผิงได้เปรียบ ตอนนี้จำเป็นต้องฟื้นความวุ่นวายกลับคืนสู่ความปกติ”

“ข้ามีวิธี แต่จำต้องแบ่งกำลังเป็นสามเส้นทาง ปฏิบัติการอยู่พื้นที่โดยรอบเขากว่างเฉิงต่างกันสามแห่ง”

ชายหนุ่มเอ่ย “ผู้ปฏิบัติการ จะต้องมีระดับพลังฝึกปรือสูงพอ หรือไม่ก็ต้องเข้าใจลึกซึ้งในการเปลี่ยนแปลงค่ายกล ข้ายินดีเป็นเส้นทางแรก ท่านอาจารย์ลุงใหญ่สามารถเป็นเส้นหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าในสำนักนักยังมีกำลังคนพอไปเส้นทางที่สามหรือไม่ ผู้อาวุโสเหอคุ้มกันให้ท่านอาจารย์ปู่ ผู้อาวุโสจางบาดเจ็บหนักแค่ไหนหรือ?”

สือเถี่ยมองเฟิงอวิ๋นเซิงและซือคงจิง “ศิษย์น้องฟางกำลังยับยั้งมหาค่ายกลแดนมาร ขัดขวางไม่ให้นพยมโลกมาเยือน ปลีกตัวออกมาไม่ได้ หากผู้อาวุโสจางบาดเจ็บหนักเกินไป ก็ไปหาศิษย์น้องฟู่”

ยามนี้เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวกับหญิงสาวทั้งสอง “ต้องลำบากพวกเจ้าทั้งสองแล้ว ข้ามีวิธีใหม่ในการคลายค่ายกลมารขัดขวางนพยมโลกมาเยือน ต้องขอให้พวกเจ้าคนใดคนหนึ่งรีบไปยังมหาค่ายกลแดนมาร เพื่อบอกกล่าวอาจารย์ลุงสอง ส่วนอีกคนหนึ่งไปหาผู้อาวุโสจางกับอาจารย์อาฟู่ บอกวิธีแก้ไขมหาค่ายกลคุ้มกันเขาให้พวกเขาทราบ”

เฟิงอวิ๋นเซิงและซือคงจิงสบตากันวูบหนึ่ง ทั้งสองกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ข้าไปมหาค่ายกลแดนมารหาอาจารย์ฟาง”

บุกเข้าไปในมหาค่ายกลแดนมาร เห็นได้ชัดว่าอันตรายกว่า

เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเกรงอกเกรงใจแล้ว ศิษย์น้องเฟิงไปหาอาจารย์ลุงฟาง ขี่พ่านพ่านไป หากพบศัตรูระหว่างทาง เจ้าสามารถหนีได้ก็หนี ส่วนศิษย์น้องซือคงไปหาผู้อาวุโสจางกับอาจารย์อาฟู่”

เฟิงอวิ๋นเซิงผงกศีรษะ ซือคงจิงที่อยู่อีกฟากประกายตาหนักแน่น สีหน้าอารมณ์ก็ไม่แปรเปลี่ยนเช่นกัน รับคำพลางผงกศีรษะ

ชายหนุ่มบอกวิธียับยั้งมหาค่ายกลแดนมารกับเฟิงอวิ๋นเซินก่อนทันที

นางไม่กล่าวมากความ แม้จะยังมีจุดที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับหลักการโคจรค่ายกล ทว่าจดจำให้ขึ้นใจในทันที

เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจเข้าลึก “ระวังตัวด้วย”

“พวกท่านเองก็ระวังตัวเช่นกัน” เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า หลังจากนางแน่ชัดว่าตนจำคำพูดของชายหนุ่มได้แล้ว นางก็โผนกระโจนขึ้นบนร่างพ่านพ่านทันที

เวลานี้พ่านพ่านก็ไม่เกียจคร้านแล้วเช่นกัน ทิ้งอุ้งเท้าทั้งสี่ห้อตะบึงออกไป

เขากล่าวกับพวกสือเถี่ยต่อว่า “วิธีแก้ไขมหาค่ายกลคุ้มกันเขา ไม่ใช่เขากว่างเฉิงกระทำเองแต่อย่างใด มิเช่นนั้นแล้วจะถูกซินตงผิงทำลายในทันที ดังนั้นจึงต้องอาศัยฟ้า ดิน และมนุษย์ สามสิ่งเป็นรากฐาน ดำเนินการนอกเขากว่างเฉิงทั้งสามแห่งพร้อมกัน ตำแหน่งที่แน่ชัดให้ยึดที่ข้าคำนวณไว้เป็นหลัก”

หลังจากบอกตำแหน่งทั้งสามแห่งให้กับสือเถี่ยและซือคงจิงแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็มองไปยังสวีเฟย “วิธีนี้ต้องใช้สองคนประสานกัน ผู้หนึ่งเป็นหลัก ผู้หนึ่งคอยช่วยเหลือ ฉะนั้นศิษย์พี่สวีท่านไปกับท่านอาจารย์ลุงใหญ่ เป็นลูกมือให้กับเขา ศิษย์น้องซือคงไปหาท่านผู้อาวุโสจางหรือไม่ก็อาจารย์อาฟู่แล้ว ก็ทำเช่นเดียวกัน”

“หากผู้อาวุโสจางกับอาจารย์ฟู่ต่างสามารถปลีกกายออกมาได้ ก็ให้หาคนช่วยเหลืออีกคนหนึ่ง หากมีท่านอาจารย์ลุงใหญ่ อาจารย์อาฟู่ ผู้อาวุโสจาง ทั้งสามคนมาดำเนินการ เช่นนี้ก็ยิ่งประสบผลสำเร็จง่าย”

สวีเฟยและซือคงจิงผงกศีรษะพร้อมกัน

เยี่ยนจ้าวเกอเบือนศีรษะเอ่ยกับอาหู่ “อาหู่เจ้าคอยช่วยข้า”

อาหู่ผงกศีรษะสีหน้าจริงจัง

สือเถี่ยมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ “แม้เจ้าจะเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของค่ายกล แต่ตอนนี้มีการต่อสู้กันอยู่ทั่ว อันที่จริงมีมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ กระทั่งขั้นรูปญาณอยู่ไม่น้อย หากพวกเจ้าประสบพบเข้า เกรงว่าจะเป็นอันตราย”

————————–