ตอนที่ 348 โจรกรรมมาแล้ว

ตอนที่ 348 โจรกรรมมาแล้ว

“คุณแม่ มองออกจริง ๆ ด้วยสินะคะ!” เย่ฉูฉู่พูดอย่างภาคภูมิใจ “แสดงว่าภาพวาดของฉันไม่เลวเลยจริง ๆ!”

คุณแม่จ้าวกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “วาดได้ไม่เลวเลย น่าชื่นชมเลยล่ะ!”

 

เย่ฉูฉู่แอบรู้สึกเคอะเขิน “คุณแม่ ช่วยดูให้หน่อยสิคะว่าขาดอะไรไปหรือเปล่า?”

 

“เธอพิจารณาทุกอย่างแล้ว ไม่ขาดอะไรแล้วล่ะ” คุณแม่จ้าวถือกระดาษมองดูพลางกล่าว่า “นี่คงใช้เงินไม่น้อยเลยสินะ?”

“อันที่จริงก็ใช้เงินไม่มากหรอกค่ะ บ้านเหล่านี้เป็นบ้านดินทั้งหมดเลย เหวินเทาบอกว่าคอนกรีตมีความแข็งแรงมาก ทำท่อระบายน้ำไว้ก็ไม่เป็นไรแล้ว” เย่ฉูฉู่ชี้ไปยังเส้นสามสี่สายพร้อมกับแนะนำคุณแม่จ้าว

สวนชั้นยอดที่เธอออกแบบได้คำนึงไว้รอบด้านแล้ว ทั้งการระบายน้ำ ลมแรง สัตว์ร้ายและอื่น ๆ วัสดุทั้งหมดที่ใช้พยายามให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด และกลมกลืนเข้ากับภูเขา แม่น้ำและต้นไม้

ขณะที่แม่สามีและลูกสะใภ้พูดคุยกัน อีกด้านหนึ่งจ้าวเหวินเทา พี่สี่จ้าว เมิ่งต้าและชุยต้ากำลังนั่งอยู่บนรถบรรทุก โคลงเคลงจนกระดูกแทบจะแยกแล้ว

ตอนนี้ยังไม่ได้มีถนนทางหลวง ถนนส่วนใหญ่จึงเป็นถนนลูกรัง ทั้งยังมีหลุมบ่อด้วย ระหว่างทางจึงต้องทนรับกับความทุกข์ทรมาน โชคดีตรงที่รถมีความแข็งแรง จึงไม่ได้เกิดอุปสรรคอะไร

เป็นเพราะนั่งบนรถขนข้าวฟ่าง ในตอนค่ำทุกคนจึงต้องนอนกันบนรถ

“กว่าจะหาเงินได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ” ชุยต้าห่อตัวด้วยเสื้อคลุมสีเหลืองและขดตัวอยู่ระหว่างถุงกระสอบธัญพืช แม้จะนอนไม่สบาย แต่ก็ช่วยกันลมได้

จ้าวเหวินเทาก็ห่อตัวด้วยเสื้อคลุมสีเหลืองเช่นกัน เขายัดเนื้อแห้งใส่ปากพลางกล่าวว่า “หาเงินเป็นเรื่องง่ายตั้งแต่เมื่อไรกันล่ะ”

เมิ่งต้าและพี่สี่จ้าวไปขับถ่าย ส่วนคนขับทั้งสองคนหลับไปแล้ว คนที่อยู่บนรถบรรทุกอีกคันกำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ที่พื้นรอบตัวรถ

 

สถานที่แห่งนี้ด้านหน้าไม่ใช่หมู่บ้านด้านหลังไม่มีโรงแรม เป็นถิ่นทุรกันดาร ทุกคนจึงไม่ค่อยกล้านอนเร็วเท่าไรนัก

“ทำไมพวกเราไม่หาโรงแรมนอนค้างสักหน่อยล่ะ” ชุยต้าถาม

“ไม่ปลอดภัย” จ้าวเหวินเทากล่าว

 

แม้จะแบ่งที่นาได้สองปีแล้ว แต่ก็ยังมีสถานที่จำนวนมากที่ยังคงยากจนมาก ธัญพืชที่อยู่บนรถคันใหญ่สองคันรถเพียงพอที่จะทำให้คนเกิดความโลภได้ การไปพักอยู่ในโรงแรมนั้นล่อตาล่อใจเกินไป ดังนั้นจ้าวเหวินเทาจึงตัดสินใจไม่เข้าพัก

“พี่จ้าว พี่ว่าที่นี่มีผีไหม?” ชุยต้าได้ยินเสียง(นก)ร้อง ที่น่าสะพรึงกลัว ทำให้เขาถึงกับหดคอ

  

“คนน่ากลัวกว่าผีอีก!” จ้าวเหวินเทาไม่กลัวผี สิ่งที่เขากลัวคือคน

 

ตอนนี้พี่สี่จ้าวและเมิ่งต้ากลับมาจากการทำธุรส่วนตัว และขึ้นมาบนรถแล้ว

“อากาศตอนนี้โคตรหนาวเลย!” เมิ่งต้าพูด

 

“มา ดื่มหน่อย” ชุยต้ายื่นเหล้าขาวให้เขาหนึ่งขวด

เมิ่งต้าเปิดฝาขวดดื่มเข้าไปหนึ่งอึก แล้วยื่นให้พี่สี่จ้าว “พี่สี่ พี่ก็ดื่มหน่อยนะ”

 

พี่สี่จ้าวรับมาดื่มหนึ่งอึก “อากาศตอนนี้หนาวจนทำให้ปวดฉี่บ่อย!”

“ไม่เป็นไร ถ้าขี้เกียจลงจากรถยืนฉี่จากบนรถก็ได้” จ้าวเหวินเทากล่าว

เมิ่งต้าหยิบเนื้อแห้งหนึ่งถุงออกมาจากกระเป๋า ยัดเข้าปาก “ผมว่าได้นะ ยืนอยู่ที่สูงแบบนี้ฉี่ได้ไกลเลย”

ชุยต้าพูดเคล้ารอยยิ้ม “ถึงเวลานั้นอย่าไปขลุกอยู่ในบ่อฉี่ก็แล้วกัน!”

ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมา

“พวกนายใครจะเฝ้าช่วงตั้งแต่ฟ้ามืดจนถึงก่อนเที่ยงคืน พวกเรามาแบ่งหน้าที่กัน จะได้นอนให้เต็มอิ่มสักตื่น” จ้าวเหวินเทากล่าว

พี่สี่จ้าว “ฉันยังไม่ง่วง นายไปนอนก็แล้วกัน”

จ้าวเหวินเทาตอบ “ฉันเองก็ยังไม่ง่วง ฉันอยู่เฝ้าจนถึงช่วงก่อนเที่ยงคืนกับพี่แล้วกัน ส่วนพวกนายไปนอนเถอะ”

เมิ่งต้าและชุยต้าก็บอกว่าไม่ง่วงเช่นกัน

“งั้นพวกเรามาคุยกันเถอะ อีกเดี๋ยวค่อยนอน ตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงฟ้ากลับมาสว่างนู่นแหละถึงจะง่วงที่สุด” เมิ่งต้ากล่าว

 

“เอางั้นก็ได้” จ้าวเหวินเทาตอบตกลง

“เจ้าหก พวกเราค้างคืนอยู่ที่นี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?” พี่สี่จ้าวถาม

 

“ไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้พวกเราก็ค้างคืนแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ

 

“ก่อนหน้าฉันรู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี” พี่สี่จ้าวกล่าว

“งั้นพี่ก็คงไม่สบายใจตลอดนั่นแหละ กลับมาพวกเรายังต้องขนข้าวสารกลับมาอีกนะ!” จ้าวเหวินเทากล่าวเคล้ารอยยิ้ม

เพื่อให้ได้เงินเยอะขึ้นอีกหน่อย ไม่เพียงแต่ต้องพกเงินแล้ว ยังต้องขนข้าวฟ่างมาด้วย

 

“พวกเขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” พี่สี่จ้าวมองไปยังคนที่อยู่บนรถด้านหน้า รวมถึงคนที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่ด้านล่างขณะเอ่ยถาม

จ้าวเหวินเทาไม่รู้เลยว่าพี่สี่จ้าวจะเป็นกังวลขนาดนี้ หรือเป็นเพราะเขาอยู่ด้านนอก?

 

“ถ้ามีปัญหาค่อยว่ากัน” จ้าวเหวินเทากล่าวเคล้ารอยยิ้ม

พี่สี่จ้าวพูดอย่างไม่พอใจ “นายทำแบบนี้ไม่ปลอดภัยเลย”

 

“พี่สี่ หาเงินก็มีความเสี่ยงทั้งนั้นแหละ หาเงินได้เยอะความเสี่ยงก็ยิ่งมากไปด้วย” จ้าวเหวินเทากล่าว

 

“ไม่รู้จะหาเงินเยอะแยะขนาดนั้นไปทำไม มีให้พอกินก็พอแล้วมั้ง” พี่สี่จ้าวกล่าว

 

“พี่สี่ ดูพูดเข้าสิ พี่ไม่อยากหาเงินมากมายขนาดนั้น แล้วพี่จะตามออกมาทำไมล่ะ?” ชุยต้าพูดเคล้ารอยยิ้ม

“เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันหรอก เป็นเพราะพี่สะใภ้สี่ของนายยืนกรานให้ฉันออกมาต่างหากล่ะ” พี่สี่จ้าวพูดด้วยท่าทางนิ่งสงบ “ถ้าอู่หยาหย่านมไปแล้ว ฉันคงให้พี่สะใภ้สี่ของเธอมา ถึงยังไงหล่อนก็ทำเหมือนจะพลิกฟ้าเพื่อหาเงินอยู่แล้ว!”

คำพูดนี้ทำเอาเมิ่งต้ากับชุยต้าหัวเราะออกมา

จ้าวเหวินเทาก็หัวเราะเช่นกัน “พี่สี่ คำพูดนี้ตลกชะมัดเลย!”

“ไม่ใช่พูดให้พวกนายหัวเราะสักหน่อย ฉันพูดเรื่องจริง อยู่บ้านดีจะตายไป ออกมาข้างนอกทรมานเกินไปแล้ว!” พี่สี่จ้าวขลุกตัวอยู่บนถุงธัญพืช ไม่ได้รู้สึกสบายสักนิดเลย ด้านล่างรถก็หนาว อยู่บ้านดีกว่าตั้งเยอะ

  

คุยกันอยู่ครู่หนึ่ง คนของรถบรรทุกที่อยู่ด้านหน้าก็ขึ้นไปนอนบนรถแล้ว

 

จ้าวเหวินเทาดึงแท่งไม้แบบหนาและบางออกมาสี่ห้าแท่งจากช่องว่างของกระสอบใส่ธัญพืชยื่นให้ทุกคน “กอดมันไว้เวลานอน!”

 

“ฉันลืมสิ่งนี้ไปเลย!” พี่สี่จ้าวรับมากอดไว้ในอ้อมกอด

เมิ่งต้ากล่าว “พี่หก สิ่งนี้ทุบหัวแล้วจะตายหรือเปล่าเนี่ย?”

“ก็ต้องดูแล้วล่ะว่านายมีกำลังมากขนาดไหน ทางที่ดีที่สุดอย่าทุบหัวเลย ทุบแค่ขาก็พอแล้ว ขาหักยังต่อได้ แต่ถ้าหัวแบะขึ้นมาจบเห่แน่” จ้าวเหวินเทากล่าว

“พี่หกอย่าพูดเลย ได้ฟังก็ตื่นตระหนกแล้วเนี่ย” เมิ่งต้ากล่าว

 

“นายนี่ขี้ขลาดชะมัด!” จ้าวเหวินเทาถึงกับหัวเราะพรืด

“พี่หก ใครจะไปกล้าหาญเหมือนพี่ล่ะ!” เมิ่งต้าพูดด้วยรอยยิ้ม

 

พูดคุยกันครู่หนึ่ง เมิ่งต้าและชุยต้าก็ไปนอน ส่วนจ้าวเหวินเทาและพี่สี่จ้าวอยู่เฝ้ากะดึก ตีสี่กว่า ๆ จ้าวเหวินเทาก็ไปเรียกสองคนนั้นขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนกะ คืนนี้ผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ทว่าคืนถัดมากลับเกิดเรื่องเข้าแล้ว

  

ช่วงกลางดึกคืนนี้เวลาห้าทุ่มกว่า ตอนที่ชุยต้าและเมิ่งต้ากำลังจะนอน จู่ ๆ ด้านหลังก็มีเสียงเครื่องยนต์รถดังขึ้นจากไกล ๆ!

จ้าวเหวินเทารีบหยิบไม้ตะบองขึ้นมาพร้อมกับตะโกน “มีรถมาแล้ว!”

 

คนที่อยู่บนรถบรรทุกด้านหน้าก็ได้ยินเช่นกัน จึงทยอยหยิบไม้ขึ้นมา

 

“ทุกคนไม่ต้องกลัว ตั้งสติไว้!” คนที่รับผิดชอบรถบรรทุกคันข้างหน้าตะโกน

เขาชื่อเฉินเซิ่ง อายุสามสิบกว่าปี เอวหนาพุงใหญ่ ทว่ามีประสบการณ์ในการเดินทางไกล ไม่เช่นนั้นจ้าวเหวินเทาก็คงไม่ไปซื้อขายข้าวสารร่วมกับเขา

จ้าวเหวินเทาตอบ “เข้าใจแล้ว! ไม่ต้องห่วง อาจจะแค่ผ่านทางมา”

“กลางดึกแบบนี้ ยังจะมีรถผ่านอีกเหรอ?” ชุยต้าใช้สองมือกำท่อนไม้ไว้แน่น พูดด้วยอาการใจสั่น

 

พี่สี่จ้าวกล่าว “ไม่ใช่รถที่ผ่านมาก็เป็นโจรกรรมแล้วล่ะ กลัวไปก็ไม่มีประโยชน์!”

 

ชุยต้าและเมิ่งต้าหันมองพี่สี่ด้วยความไม่พอใจ มีใครบ้างที่พูดแบบเขา ไม่เห็นเหรอว่าพวกเขากลัวมาก!

จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่สี่ แล้วก็พวกนายด้วย อย่าลงจากรถนะ ถ้าไม่ได้จริง ๆ พวกเราก็ออกรถเลย!”

 

“ใช่ ๆ ขับรถออกไปเลยนี่แหละดี!” ชุยต้ากล่าว “พวกเราออกรถเถอะ!”

จ้าวเหวินเทาคิดไม่ถึงว่าชุยต้าจะขี้ขลาดขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่ฟาร์มกระต่ายก็ดูเหมือนจะใจกล้ามากนี่นา

เขาไม่รู้ว่าฟาร์มกระต่ายนั่นอยู่ในบ้านตัวเอง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่นอกบ้าน การที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้านนอก คนเราย่อมขี้ขลาดตามสัญชาตญาณอยู่แล้ว อีกอย่างชุยต้าก็ไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน

…………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เอาข้าวฟ่างไปแลกแต่ละทีนี่ลำบากจริงๆ ค่ะ จะนอนก็ไม่ได้นอนโรงแรมเพราะกลัวข้าวฟ่างหายต้องนอนเฝ้าไว้ท่ามกลางอากาศหนาวๆ

รถอะไรผ่านมานะ อย่าเป็นรถโจรเลย

ไหหม่า(海馬)