ตอนที่ 407 ไม่สามารถฝึกฝนได้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มุมปากของมู่เฉียนซีโค้งขึ้นเล็กน้อย “ดีเสียจริง ? อะไรเล่าที่ว่าดี ?”

พวกเขาหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า “แม่นางคนงาม ยอมมากับพวกข้าซะดี ๆ รับรองว่าเจ้าจะได้กินดีอยู่ดี  ดีกว่าอาศัยอยู่ในบ้านในจวนที่ทรุดโทรมเช่นนี้แน่นอน”

“ใช่แล้ว! มันน่าเสียดายที่สตรีงามอย่างเจ้าต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่”

มู่เฉียนซีเดินไปหาหลินเอ๋อร์ก่อนจะกล่าวว่า “เอ้านี่ รับลูกอมถั่วนี่ไปสิ กินแล้วจะทำให้แผลหายดี”

หลินเอ๋อร์ไม่เคยเห็นยาเม็ดมาก่อน มู่เฉียนซีบอกว่าเป็นลูกอมถั่วเขาจึงเชื่อ และหยิบยาเม็ดใส่ปากกลืนลงคอไป

หลังจากกินยาเสร็จ เขาก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดบนร่างกายหายไป เขาพูดอย่างประหลาดใจว่า “พี่สาวเก่งมาก ลูกอมถั่วนี้มีประโยชน์มากจริง ๆ”

มุมปากของเด็กหนุ่มเหล่านั้นที่อยู่ข้าง ๆ พลันกระตุก พวกเขาไม่เหมือนเจ้าเด็กนี่ที่ไม่รู้เรื่อง นี่ไม่ใช่ลูกอมถั่ว แต่เป็นยาเม็ดอันทรงคุณค่า!

ยาเม็ดเม็ดหนึ่งมีค่ามาก บางทีชีวิตนี้พวกเขาอาจจะไม่สามารถซื้อยาเม็ดหนึ่งเม็ดมาได้ด้วยซ้ำ แต่หญิงผู้นี้กลับให้เจ้าเด็กยากจนกินไปอย่างที่ดูเหมือนว่านางจะไม่เสียดายเลย

หญิงผู้นี้เป็นสตรีร่ำรวย! หากจับนางไว้ แน่นอนว่าพวกเขาอาจจะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ

พวกเขาหัวเราะ “หึ ๆ คนงามเอ๋ย เจ้ายอมไปกับพวกข้าซะดี ๆ เถอะ เจ้าคงไม่อยากให้พวกข้าใช้ไม้แข็งกระมัง!”

“พวกเจ้าลงมือเอง หรือจะให้ข้าลงมือ” มู่เฉียนซีท้าทาย

พวกเขาตกตะลึง “ลงมือรึ ? แม่นางคนงาม นี่แม่นางต้องการให้พวกข้า…”

ก่อนที่พวกเขาจะเคลื่อนไหว เข็มยาหลายเข็มก็พุ่งเข้าสู่ผิวของพวกเขา เวลานี้พวกเขาดูเหมือนรูปปั้นหินที่ไม่สามารถขยับได้ไปเสียแล้ว

ส่วนหลินเอ๋อร์นั้น หลังจากทีเขากินยาแล้ว พลังของเขาก็เริ่มฟื้นฟูขึ้นมา มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้พวกเขารังแกเจ้าอย่างไร ? เจ้าก็รังแกพวกเขาเช่นนั้น ไปสิ ไปจัดการอย่างโหดเหี้ยมคืนกลับไปให้พวกชอบรังแกผู้อื่นซะ”

“ได้เลยขอรับพี่!” หลินเอ๋อร์พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “พี่สาวร้ายกาจมาก พี่ลงมือกับพวกเขาไว้ อย่างไรเสียพวกเขาก็ขยับไม่ได้แล้ว ครานี้ถึงทีของข้าล่ะนะ!”

— ปัง! —

หลินเอ๋อร์ชกต่อยอย่างสนุกมือ

มู่เฉียนซีมองดู นางกล่าวสบาย ๆ “เช่นนั้นเจ้าก็ค่อย ๆ เล่นไปก่อนแล้วกัน ข้าจะไปดูแม่ของเจ้าสักหน่อย”

หลินเอ๋อร์กล่าว “ได้ขอรับ”

มู่เฉียนซีผลักประตูเข้าไป ชิวหลิงเงยหน้ามองนางก่อนจะกล่าวว่า “ขอบคุณเจ้ามาก”

“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมย

“หลินเอ๋อร์ถูกรังแก แต่ข้าไม่สามารถทําอะไรได้เลย พลังของข้าในเวลานี้ ข้าทําได้เพียงแค่อยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ หลังนี้เท่านั้น หากออกไปข้างนอกมากเกินไป แผลบาดเจ็บภายในจะยิ่งหนักกว่าเก่า ข้ากลัวว่าข้าจะตายเร็วขึ้น”

นางไม่ได้มองดูบุตรชายของนางถูกรังแกอย่างไม่แยแส แต่นางไม่มีทางเลือก ถ้าหากนางตายไปแล้ว ชีวิตต่อไปของหลินเอ๋อร์คงจะยิ่งเป็นทุกข์

มู่เฉียนซี “ท่านเป็นยอดฝีมือระดับจักรพรรดิแห่งภูต เหตุใดท่านถึงไม่ให้หลินเอ๋อร์ฝึกฝน ? หากเขาได้ฝึกฝนละก็ คงจะไม่ถูกพวกอันธพาลรังแกได้ง่าย ๆ”

ชิวหลิงกล่าวขึ้น “ไม่ได้ หลินเอ๋อร์ไม่มีทางฝึกฝนได้อย่างแน่นอน”

ดูเหมือนว่าชิวหลิงจะกังวลอย่างมาก มู่เฉียนซีเองก็ไม่ได้อยากไปขุดคุ้ยความลับของครอบครัวพวกเขา นางเพียงต้องการช่วยคนก่อนเป็นสิ่งสําคัญ

มู่เฉียนซีหยิบเข็มยาออกมา  กล่าวว่า “ต่อไปท่านก็อย่าได้ต่อต้านข้า และเชื่อฟังข้าด้วยก็จะดีมาก”

“ได้”

เข็มยาหลายเข็มทิ่มจมลงสู่ร่างกายของนาง ตัวยาไหลแล่นไปจนถึงหัวใจของนาง อึดใจนี้ชิวหลิงคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้จะฆ่านางเสียแล้ว นางอยากที่จะต่อต้าน แต่ทว่ามู่เฉียนซีกลับจับตัวนางไว้แน่น

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ไม่ต้องกังวล แม้ว่าท่านจะเป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูต แต่ข้าก็ไม่จําเป็นต้องอ้อมค้อมเช่นนี้ หากข้าต้องการฆ่าท่าน เพียงแค่วางยาครู่เดียว ท่านก็ตายแล้ว”

ในที่สุดชิวหลิงก็สงบลง

เพียงไม่นาน นางก็รู้สึกว่าหัวใจที่อ่อนแอของนางแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย มีพลังบางอย่างกําลังซ่อมแซมอวัยวะภายในให้กับนาง!

นางเบิกตากว้างมองเข็มยาเหล่านี้บนร่างกาย นางเองก็เป็นนักปรุงยาระดับปรมาจารย์ปรุงยาแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินหรือได้เห็นวิธีการรักษาเช่นนี้มาก่อนเลย

หลังจากฝังเข็มยาเสร็จเรียบร้อย มู่เฉียนซีก็เก็บเข็มและหยิบขวดยาขวดหนึ่งออกมาก่อนจะกล่าวว่า “ยาเม็ดหนึ่งเม็ดใช้เวลาหนึ่งชั่วยามในการปรับสภาพร่างกายของตัวเอง”

ชิวหลิงเปิดขวดยา นางดมมันพลางกล่าวขึ้นว่า “ยาเม็ดระดับเจ็ด เจ้า…”

หญิงสาวผู้นี้ดูแล้วอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ดปีเท่านั้น คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นนักปรุงยาระดับสูง

นางเองก็เป็นนักปรุงยาเช่นกัน เพียงแต่ร่างกายของนางไม่สู้ดีนัก จึงไม่สามารถที่จะสนับสนุนตนเองในเรื่องการปรุงยา และที่นี่ก็มีสมุนไพรวิญญาณระดับสูงอยู่น้อยมาก

“ข้าเองก็เป็นนักปรุงยาผู้หนึ่ง ท่านพักผ่อนเถอะ ข้าจะออกไปดูข้างนอกหน่อย” มู่เฉียนซีเอ่ยเสียงนุ่มนวลและยิ้มบาง ๆ

ชิวหลิงถือยาในมือ นางรู้สึกว่าร่างกายของตนเองดีขึ้นและอดรู้สึกไม่ได้ว่าการได้เจอกับหญิงสาวประหลาดเช่นนี้ ราวกับกําลังฝันไป

หลินเอ๋อร์ทุบตีพวกอันธพาลพวกนั้นจนหายใจไม่ออก พลังของเด็กคนหนึ่งที่ไม่มีพลังลมปราณและพลังวิญญาณก็ย่อมมีขีดจํากัด เวลานี้หลินเอ๋อร์ก็เริ่มจะเหนื่อยแล้ว

— เพี๊ยะ! —

เวลาต่อมามู่เฉียนซีก็ปล่อยให้พวกเขาเป็นอิสระ

พวกอันธพาลเหล่านี้เห็นมู่เฉียนซีราวกับเห็นปีศาจ หญิงผู้นี้พวกเขาไม่สามารถล่วงเกินได้ ต้องรีบหนีอย่างเดียวเท่านั้น!

“รีบไป!” พวกเขาพากันถอยไปอย่างรวดเร็ว

มู่เฉียนซีมองหลินเอ๋อร์ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ฝึก แต่การมีร่างกายที่แข็งแรงก็เป็นสิ่งจําเป็น เจ้าทุบตีฝ่ายเดียวยังเหนื่อยมากเช่นนี้…”

หลินเอ๋อร์ “ข้ามีร่างกายที่แข็งแรง เพียงแต่…”

มารดาและบุตรชาย พวกเขามีชีวิตที่ยากลําบากและกินไม่อิ่มท้อง แม้ว่าจะออกกําลังกายเป็นประจําก็ไร้ประโยชน์

มู่เฉียนซีหยิบถุงยาออกมาสองสามชุดก่อนจะกล่าวว่า “สิ่งนี้ใช้สําหรับการป้องกันตัวของเจ้า  สิ่งนี้ทําให้ผู้คนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้  สิ่งนี้สามารถทําให้คนไม่มีแรงกําลังเลย  ส่วนนี่เป็นผงคัน…”

เมื่อหลินเอ๋อร์เห็นของทั้งหมด เขาก็อุทานออกมาด้วยความตกใจระคนตื่นเต้น “พี่สาวร้ายกาจมาก พี่คือคนที่เก่งกาจที่สุดเป็นอันดับสองที่ข้าเคยพบเห็นมาเลยนะขอรับ”

“แล้วใครคือคนแรก ?” มู่เฉียนซีถามขึ้น

“คนแรกย่อมเป็นท่านแม่ของข้าเองขอรับ ท่านแม่ร้ายกาจมาก ร้ายกาจมากกก…”

“เวลานี้ท่านแม่ของเจ้าป่วยแล้ว หรือว่าข้าจะร้ายกาจกว่านางนะ” มู่เฉียนซีแกล้งกล่าวหยอกล้อเด็กน้อย

“ท่านแม่ข้า ต่อให้ป่วยนางก็ร้ายกาจมาก นาง…” ความทรงจําบางอย่างฝังแน่นสําหรับหลินเอ๋อร์ แต่เขากลับจํารายละเอียดไม่ได้

มู่เฉียนซีเองก็ไม่ได้หยอกล้อเขาอีกต่อไป นางกล่าวว่า “จําการใช้ยาพวกนี้ไว้  ในอนาคตเมื่อเจอคนพวกนั้น เจ้าไม่จําเป็นต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว”

หลินเอ๋อร์พยักหน้า “ขอรับพี่สาว ข้าขอบคุณพี่สาวมากนะ”

เมื่อหลินเอ๋อร์เอาข่าวนี้ไปบอกกับแม่ของเขา เขาก็พบว่าสีหน้าของแม่ดีขึ้นมาก หลินเอ๋อร์จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างดีใจว่า “ท่านแม่ขอรับ อาการป่วยของท่านหายดีแล้ว หายแล้วใช่ไหมขอรับ ?!”

ชิวหลิงส่ายหน้า “เด็กโง่เอ๋ย ข้าป่วยมาตั้งนาน แล้วจะหายเร็วถึงเพียงนั้นได้อย่างไรกัน แต่ข้าจะมีเวลาอยู่กับเจ้ามากขึ้นนะเจ้าลูกชาย”

“เจ้าไปเรียกให้แม่นางมู่เข้ามาเถอะ” ชิวหลิงบอกหลินเอ๋อร์  และเมื่อมู่เฉียนซีเข้ามา นางก็กล่าวขึ้น “สาวน้อย สิ่งที่เจ้าต้องการข้ารู้ว่าอยู่ที่ไหน เพราะข้าเคยเห็นมันในที่นั้น มันอยู่ในป่าหนานอู้ แต่ที่นั่นอันตรายมาก เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไป ?”

มู่เฉียนซี “เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ แต่เดิมก็เพื่อข้ามภูเขาชีชงไปยังป่าหนานอู้”

สีหน้าของชิวหลิงเปลี่ยนไปอย่างมาก “เจ้าบ้าไปแล้ว ที่ชายแดนระหว่างเทือกเขาชีชงกับป่าหนานอู้ ที่นั่นเป็นหุบเขามรณะที่มีสัตว์วิญญาณน่ากลัวมาก อีกทั้งยังหลงทางได้ง่าย หากโชคไม่ดีก็จะหลงอยู่ที่นั่นตลอดชีวิต …หากเจ้าจะไปที่ป่าหนานอู้ เจ้าต้องไม่เลือกเส้นทางนั้นเด็ดขาด”

มู่เฉียนซี “ฮูหยินชิวหลิง ท่านนั้นรู้ข้อมูลมากมาย หรือว่าท่านมาจากที่นั่น ?”

.