ตอนที่ 408 เผ่าเทพหนานอู้

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ชิวหลิงกล่าวว่า “เจ้ามีความคิดที่เฉียบแหลมและว่องไว มีความสามารถมาก แต่จะว่าไป ที่เจ้าเดามันก็ถูก”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังเอาชีวิตรอดออกมาได้ เช่นนั้นข้าก็ต้องทำได้เช่นกัน! ”’

“ข้าก็แค่โชคดี แต่เจ้า……”

“ข้าต้องเอาผลกำเนิดเก้าวิญญาณมาให้ได้”

“ผลกำเนิดเก้าวิญญาณเป็นสมุนไพรแก้พิษร้ายแรง นี่เจ้าจะเอาไปรักษาคนเหรอ! ” ชิวหลิงสมกับที่เป็นนักปรุงยาจริง ๆ มู่เฉียนซีไม่ได้พูด แต่นางก็สามารถรู้ได้ถึงเป้าหมายของมู่เฉียนซี

“ใช่! ”

“จำเป็นต้องเสี่ยงถึงเพียงนี้เลยเหรอ? ”

“นอกจากหาผลกำเนิดเก้าวิญญาณแล้ว ข้าต้องการฝึกฝนความแข็งแกร่งด้วย ภายในเวลาสามเดือน ข้าจะต้องเพิ่มพลังวิญญาณให้เร็วที่สุด ป่าดงพงไพรที่อันตรายนั้นเหมาะสำหรับข้ามากที่สุดในตอนนี้”

ชิวหลิงกล่าว “เจ้าฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก แล้วก็บ้ามากด้วย” โดยปกติคนทั่วไปหากแค่ไปฝึกหาประสบการณ์ก็คงไม่เลือกเส้นทางที่อันตรายเช่นนี้ ต้องเป็นคนบ้าระห่ำเท่านั้นถึงจะทำเรื่องเช่นนี้ได้

“บอกข้ามาเถอะ ว่าผลกำเนิดเก้าวิญญาณนั่นอยู่ที่ไหน! ”

“มีพู่กันกับกระดาษหรือไม่? ” ชิวหลิงกล่าวถาม

“อ๋อ มีแน่นอน” มู่เฉียนซีหยิบกระดาษและพู่กันออกมา

ชิวหลิงวาดแผนที่ให้จนเสร็จ เนื่องจากมู่เฉียนซีกำลังจะทำเรื่องที่บ้าระห่ำ ดังนั้นนางจึงวาดแผนที่ให้อย่างละเอียด

และผลกำเนิดเก้าวิญญาณนั่น อยู่กลางป่าหนานอู้

“แม่นางมู่ เจ้าคุ้นเคยกับค่ายกลหรือไม่? ”

“มีค่ายกลอยู่กลางป่างั้นเหรอ? ”

“ผลกำเนิดเก้าวิญญาณเป็นผลศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวิญญาณหนานอู้ ที่นี่เป็นอาณาเขตของเผ่าวิญญาณหนานอู้ แน่นอนว่าต้องมีค่ายกลอยู่”

มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “เผ่าวิญญาณหนานอู้ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าในเซี่ยโจวแห่งนี้จะมีกองกำลังเช่นนี้อยู่ด้วย แล้วสร้างกองกำลังกลางป่าหนานอู้เช่นนี้ไม่มีปัญหาอะไรเหรอ? ”

“เผ่าวิญญาณหนานอู้กับเหล่าสัตว์วิญญาณมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เหล่าสัตว์วิญญาณจะไม่โจมตีพวกเขา ทั่วทั้งเซี่ยโจว น้อยคนจะรู้จักเผ่าวิญญาณหนานอู้ เพราะพวกเขาซ่อนตัวอยู่ในนั้นไม่ออกมา แต่ตอนนี้ ที่นั่นไม่มีใครเหลืออยู่สักคน”

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้เรื่องเหล่านี้ดีนะ”

ชิวหลิงยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าไม่พูด เจ้าก็คงจะเดาออก ข้าเป็นคนในเผ่าวิญญาณรุ่นสุดท้าย”

“แล้วหลินเอ๋อร์ เขาไม่ใช่เหรอ? ”

ชิวหลิงกล่าว “หลินเอ๋อร์ไม่ใช่  เขาไม่ใช่อย่างแน่นอน เขาเป็นคนที่ข้าเก็บมาเลี้ยงในตอนที่ข้าหนีตายมา”

มู่เฉียนซีกล่าว “ความลับของเจ้า ข้าจะไม่บอกใครเป็นอันขาด ไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าอย่างแน่นอน! ”

“แผนที่ข้าก็ให้ไปแล้ว เจ้าไปได้แล้วหล่ะ”

มู่เฉียนซีกล่าว “ในฐานะที่ข้าเป็นหมอ หากจากไปตอนนี้มันจะดูเหมือนว่าข้าไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ อย่างน้อยก็อยู่รอดูอาการให้เจ้าเดินได้ก่อน แล้วข้าค่อยเดินทาง”

ชิวหลิงตกใจเล็กน้อย “เรื่องของเจ้ารีบร้อนไม่ใช่เหรอ? ”

“ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรมากนัก แค่สามวันก็พอแล้ว”

ชิวหลิงก็ได้เห็นยาที่ทรงพลังของมู่เฉียนซีแล้ว เวลาสามวันผ่านไป นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าร่างกายของนางดีขึ้นมาก หากได้พบเจอกับนางตอนที่ได้รับบาดเจ็บหรือตอนที่อาการยังไม่ฝังลึก ตอนนี้ก็คงจะหายเป็นปลิดทิ้งไปแล้ว แต่เป็นเพราะอาการป่วยนี้ได้ยืดเยื้อเวลามานานมาก จึงจำเป็นต้องค่อย ๆ รักษาไปตามลำดับขั้นตอน

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าได้เตรียมเม็ดยาวิญญาณและยาน้ำสำหรับครึ่งปีนี้ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เจ้าต้องใช้ยาให้ตรงตามเวลา หลังจากครึ่งปีอาการป่วยก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง”

ชิวหลิงเห็นยาวิญญาณกองพะเนินเหล่านี้ถึงกับตกใจผงะไปครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่านางเป็นนักปรุงยาแต่ก็ไม่เคยเห็นนักปรุงยาคนไหนที่หลอมยาเป็นร้อย ๆ เม็ดได้ภายในเวลาชั่วข้ามคืนเช่นนี้มาก่อน

ตอนนี้นางมั่นใจมากว่าหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้เป็นคนที่วิปริตไปแล้วจริง ๆ ชิวหลิงเอาป้ายหยกอันหนึ่งยัดใส่ในมือมู่เฉียนซีพลางกล่าว “หากเจ้าหาอาณาเขตของเผ่าวิญญาณหนานอู้เจอ เจ้าต้องไปที่เจดีย์เทพหนานอู้สักครั้งนะ หากเจ้าโชคดีได้รับโอกาส บางทีเจ้าจะได้เป็นผู้แข็งแกร่งภายในเวลาสามเดือนก็ได้”

ป้ายหยกสีเขียวนั้นด้านบนสลักคำว่า ‘หลิง’ อยู่ หลิงนี้ซึ่งแปลว่าวิญญาณ

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้ามอบสิ่งนี้ให้กับข้า มันจะดีเหรอ? ”

“เผ่าวิญญาณหนานอู้ได้ถูกทำลายล้างไปแล้ว กฎทั้งหมดของเผ่าก็ไม่มีผลอีกต่อไป สำหรับเจดีย์เทพนั้นได้ถูกปล่อยทิ้งร้างไปนานมากแล้ว หากเจ้าได้รับโอกาสนั้นก็นับว่าเป็นโชคดีของเจ้า” ชิวหลิงกล่าว

“ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ต้องขอบใจเจ้ามาก”

ในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะกล่าวคำลากับชิวหลิง ทันใดนั้นกลิ่นอายของจักรพรรดิวิญญาณก็ได้เข้ามาใกล้ สีหน้าของชิวหลิงพลันเปลี่ยนไปทันที นางเก็บซ่อนตัวลึกลับที่นี่แต่ยังมีคนตามมาเจอจนได้

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจะออกไปดูเอง”

คนผู้ที่มานั้นก็คือชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนใบหน้ามันวาว ทันทีที่ร่างชุดม่วงปรากฏตรงหน้า สายตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นทันที

“ไอ้คนพวกนั้นไม่ได้คุยโวโอ้อวดไปจริง ๆ ที่นี่มีแม่นางสาวสวยอยู่จริง ๆ”

หลินเอ๋อร์พรวดเข้าไปทันที “เจ้าหมูอ้วน อย่ามารังแกพี่สาวมู่นะ”

เจ้าหมูอ้วนผู้นั้นยิ้มพลางกล่าว “เจ้านี่ช่างบังอาจยิ่งนักนะที่กล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า! ” เขากำลังจะตบหลินเอ๋อร์ และขณะนั้นเองมู่เฉียนซีก็ลงมือทันที

“มังกรเพลิงพิฆาต! ” ฝ่ายตรงข้ามเป็นจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง มู่เฉียนซีจึงเลือกลงมืออย่างรุนแรง เปลวไฟสีแดงเข้มพุ่งออกไป!

ถึงแม้ว่าเจ้าหมูอ้วนผู้นี้จะตัวหนัก แต่พลังของมันนั้นไม่ได้อ่อนแอเลย การโจมตีเช่นนี้ของมู่เฉียนซีทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็หลบหลีกการโจมตีนี้เอาไว้ได้

“ราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง! ”

“ทักษะกระบี่วิเศษ! ” มีทักษะกระบี่วิเศษนี้สามารถต่อสู้ได้ข้ามขั้นได้ กระบี่เล่มนี้ของมู่เฉียนซีนั้น พื้นฐานมันเป็นจักรพรรดิแห่งภูตผู้ไร้เทียมทาน และนั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ถึงแน่นอน

เจ้าหมูอ้วน “เหอะ ๆ ๆ! นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางคนสวยก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเหมือนกัน แต่ในหมู่บ้านทุรกันดารเช่นนี้ ต่อให้เป็นอัจฉริยะ ก็ต้องเชื่อฟังข้า” ครั้งนี้เจ้าหมูอ้วนผู้นี้ไม่กล้าสบประมาทมู่เฉียนซี เขาตั้งใจจะสู้กับนางอย่างจริงจัง

ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว นางรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดเข้าด้วยกัน จากนั้นก็จัดให้เจ้าหมอนี่ไปอีกหนึ่งกระบวนท่า “ทักษะตี้ซวน! ”

ตูม!

กระบวนท่านี้โดนเป้าหมายเข้าอย่างจัง แต่เจ้าหมูอ้วนผู้นี้ใช้พลังวิญญาณปกป้องตัวเอง ดังนั้นเขาจึงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เจ้าหมูอ้วนจ้องเขม็งไปที่มู่เฉียนซี  “นึกไม่ถึงอีกแล้วว่าอุบายแม่นางคนสวยจะมากมายถึงเพียงนี้ แต่มันก็ไร้ประโยชน์”

ทันใดนั้นเสียงที่อ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้น “เจ้าก็ไร้ประโยชน์”

เวลาสามวัน ในที่สุดชิวหลิงก็สามารถลุกมาเดินได้แล้ว ตอนนี้นางมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความตะลึง พลังความแข็งแกร่งของหญิงสาวผู้นี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก อายุเพิ่งจะสิบหกสิบเจ็ดปีแต่เป็นถึงราชาแห่งภูตระดับหนึ่ง อีกทั้งยังมีพลังในการต่อสู้ที่ไร้เทียมทานเช่นนี้อีก มิน่าล่ะว่าเหตุใดนางถึงกล้ามาผจญภัยในเส้นทางที่อันตรายเช่นนี้คนเดียว ที่แท้นางไม่ธรรมดาเลย นี่ไม่ใช่อัจฉริยะทุกคนจะทำได้

เนื่องจากการรักษาของมู่เฉียนซีที่ช่วยปรับสภาพร่างกายให้กับนาง สีหน้าของนางจึงดีขึ้นมาก ดังนั้นหน้าตาของนางจึงโดดเด่นมาก

เจ้าหมูอ้วน “นึกไม่ถึงแล้วนึกไม่ถึงอีกว่าจะมีแม่นางคนสวยอีกคน มาถิ่นทุรกันดารครั้งนี้ช่างได้กำไรมากจริง ๆ”

มู่เฉียนซีดูเป็นเด็กสาวที่หยิ่งผยองและมีเสน่ห์มาก ส่วนชิวหลิงดูงดงามเป็นผู้ใหญ่หน่อย แต่ก็สามารถทำให้คนมีความสุขได้เช่นกัน

ชิวหลิงกล่าวขึ้นว่า “แม่นางมู่ มอบให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ! ”

“ได้! ” ถึงแม้ว่าจะให้อู๋ตี้หรือเสี่ยวหงออกมา ก็สามารถจัดการคนผู้นี้ได้อย่างสบายแล้ว แต่ให้ชิวหลิงออกกำลังสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน นอนป่วยอยู่บนเตียงมานานแล้วคงจะคันไม้คันมือ