บทที่ 280 อิคารอสอิจฉาล่ะ!

วู่หยานยืนอยู่หน้าประตูบ้านตัวเองโดยที่ตรงอกก็ยังอุ้มฟรานด์ไว้ มองดูประตู

 

ตรงหน้าวู่หยานรู้สึกกังวลปากถอนหายใจไม่หยุด เท้าราวกับมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น

 

หลายเท่า….เขาไม่กล้าพอที่จะเปิดประตู……..

 

ในวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นหลายอย่าง แต่ว่าวู่หยานก็ยังจำรายละเอียดทุกอย่างได้หมด

 

ด้วย Perfect Memory ต่อให้เขาอยากลืมมันก็เป็นไปไม่ได้……

 

วันนี้ถ้าจำไม่ผิด ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส และ แอสเทรีย ได้ออกไปข้างนอกกัน

 

โดยที่ก่อนไปก็ได้อ้อนวอนขอร้อง(?)ตัวเองให้ช่วยทำความสะบ้าน……..

 

วันนี้ถ้าจำไม่ผิด ตนได้ให้ คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ ใส่ชุดเมด แล้วไหว้

 

วานให้ทำความสะบ้านบ้านให้หน่อย…….

 

วันนี้ถ้าจำไม่ผิด คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ ได้ทำความสะอาดบ้านดีจน

 

‘พินาศ’ไปหมด…….

 

วันนี้ถ้าจำไม่ผิด ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส และ แอสเทรีย คงไม่คิดช้อปปิ้งกันจน

 

ดึกจนดื่นหรอกมั้ง? ป่านนี้คงกลับบ้านมาแล้ว…….

 

แถมให้อีก วันนี้ถ้าจำไม่ผิด เขาได้ทิ้งยัยโลลิ คินุฮาตะ และ เฟรนด้า ที่ยังโกรธเขา

 

ไว้ที่บ้าน…………..

 

พูดอีกอย่างก็คือยัยสองคนนั้นไม่มีทางทำความสะอาดให้เขาแน่!

 

หรือก็คือตอนนี้ ฮินางิคุ และ มิโคโตะ ได้เห็นภาพห้องนั่งเล่นที่มีสภาพไม่ต่างจาก

 

โดนเฮอริเคนถล่ม!

 

ทั้งๆที่เป็นบ้านตัวเองที่ออกเงินซื้อเองแท้ แต่เจ้าของบ้านกลับต้องมายืนอยู่หน้า

 

บ้านตัวเองนานกว่า15นาทีโดยที่ไม่กล้าเปิดประตูเข้าไป สภาพราวกับว่าตนเอง

 

เพิ่งออกไปเที่ยวผู้หญิงแล้วสุดท้ายจำต้องกลับบ้านเสียดึกดื่น เหตุเพราะกลัวเมีย

 

จะลงโทษจึงไม่กล้าเข้าบ้านยังไงยังงั้น

 

ตัวอย่างด้านบนคล้ายคลึงกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย

 

เขาออกไปข้างนอกกับผู้หญิง ไม่สิไม่มี จะมีก็มีแต่โลลิหนึ่งคน……..

 

ส่วนดึกดื่น จริงๆตอนนี้มันก็ยังไม่ขนาดนั้น ก็แค่พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปชั้ว

 

โมงกว่าเอง…..

 

ส่วนฟรานด์กำลังมองบ้านตรงหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วหันมามองวู่

 

หยานอย่างใคร่รู้ แม้ว่าเธอจะได้เล่นมาทั้งวัน แต่โลลิน้อยคนนี้ที่โดยผนึกพลังไป

 

แล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อยเลย…….

 

มองดูวู่หยานที่ยืนหน้าประตูอย่างไม่ไหวติง ฟรานด์ก็ดึงเสื้อเขาแล้วพูดว่า “พี่ชาย

 

เป็นอะไรรึเปล่า? พี่เกลียดประตูบานนี้เหรอ? อยากให้ฟรานด์ทำลายมันให้มั้ย?”

 

พูดเสร็จฟรานด์ก็ทำหน้าตกใจ จากนั้นแล่บลิ้นออกมาอย่างอึดอัดว่า “ฟรานด์ลืม

 

ไป ฟรานด์ทำลายอะไรไม่ได้แล้ว……”

 

คำพูดของฟรานด์ ได้ดึงสติวู่หยานกลับเข้าตัว พอได้ยินว่าเธอพูดอะไรวู่หยานก็ยิ้ม

 

แห้งๆแล้วยกมือวางบนหัวเธอ

 

“พี่ชายไม่ได้เกลียดประตูนี่หรอกนะ ที่นี่เป็นบ้านของพี่เอง แล้วพี่จะไปเกลียดมัน

 

ได้ยังไง……….”

 

“บ้าน?” ฟรานด์พยักหน้าอย่างเข้าใจ หลังจากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วพูด

 

ออกมาด้วยความประหลาดใจ

 

“บ้านของพี่ชาย งั้นแสดงว่าพี่ชายจะพาฟรานด์เข้าบ้าน?”

 

ได้ยิน หัวใจวู่หยานก็กระตุก เขารีบก้นหัวมองหน้าฟรานด์ เมื่อมั่นใจได้ว่าเธอ

 

ไม่ได้ทำสีหน้าแปลกๆอะไร วู่หยานก็หัวเราะแห้งๆ “จะพูดแบบนั้นก็….ใช่แหละ

 

แต่ทำไมตูถึงรู้สึกเหมือนว่ากำลังทำผิดกฎหมายอยู่เลยล่ะ? ทำไมหว่า?……..”

 

คำพูดของวู่หยาน ฟรานด์ถึงจะได้ยินแต่ก็ไม่เข้าใจ แต่ที่เธอเข้าใจคือวู่หยานพา

 

เธอมาบ้านตัวเองจริงๆ ดังนั้นฟรานด์จึงพองแก้มด้วยความไม่พอใจ

 

“ฟรานยังเล่นต่อได้อีกนะ ทำไมถึงต้องพามาบ้านด้วย!”

 

ได้ยินหัวใจวู่หยานก็เต้นแรงจนเขาเกือบจะกระอักเลือดออกมา พอหันมามองก็

 

เห็นฟรานที่คึกคักแรงดีไม่มีตก วู่หยานจึงจินตนาการว่าตัวเองพลิกโต๊ะกินข้าวใน

 

ใจ

 

ยังเล่นต่อได้อีก? ถ้าเล่นต่อ คงได้กลับหลังเที่ยงคืนจริงๆแน่!

 

“เน่ โอนี่จัง ไม่กลับบ้านนะ พาฟรานไปเล่นต่อดีกว่า!!”

 

ฟรานมองวู่หยานด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า แม้แต่มือยังจับเสื้อเขาแน่น ความ

 

น่ารักโมเอะเกินร้ายได้กลายเป็นลุกศรแทงหัวใจวู่หยาน ทำเขาเกือบจะเลือด

 

กำเดาแตก ภายในใจสั่นสะเทือนอย่างหนัก

 

วู่หยานอยากกลับบ้านแต่ฟรานไม่ นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้ออกมาเห็นโลก

 

ภายนอก ได้เข้าใจว่ายังมีอะไรสนุกๆอีกเยอะแยะ ทำให้ฟรานที่ต้องอาศัยอยู่ใน

 

ห้องใต้ดินมามากกว่าครึ่งชีวิตรู้สึกเกรงกลัวคำว่า ‘บ้าน’

 

เป็นเพราะกลับบ้านไปแล้วเธอจะไม่ได้เล่นอีก………

 

ด้วยเหตุทั้งหลายที่ว่ามา จึงทำให้ฟรานตัดสินใจทำท่า ‘แอ๊บแบ๊ว’ ถึงเธอจะไม่

 

เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งวันทำให้ฟรานรู้ว่า

 

ถ้าเธอทำแอ๊บแบ๊วล่ะก็พี่ชายจะตามใจตัวเองทุกอย่าง! (@555555555555555)

 

ต้องพูดเลยว่าฟรานจับจุดอ่อนวู่หยานได้ถูกต้องที่สุดจริงๆ พอเห็นสีหน้าวู่หยา

 

นตอนนี้ฟรานก็รู้แล้วว่ามันได้ผล

 

แต่ถ้าเขาไม่กลับบ้านตอนนี้ วู่หยานก็กลัวว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะพาเธอ

 

ออกมาเล่น เพราะเขากลัวว่าจุดยืนตัวเองจะโดนฟรานทำร้าย ด้วยเหตุนี้วู่หยา

 

นจึงทำใจแข็ง

 

ด้วยเสียงที่สั่น วู่หยานฝืนยิ้ม พยายามต้านทานความโมเอะสุดOPของฟราน แล้ว

 

บอกเธอไปว่า “ฟรานจังตอนนี้มันมืดแล้วนะ เราควรกลับบ้านได้แล้ว ฟรานจัง

 

เป็นเด็กดีก็ควรที่จะกลับบ้านได้แล้วนะรู้ไหม?……”

 

“เพราะมืดแล้วถึงต้องกลับบ้าน?”

 

ฟรานเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง มองวู่หยานแล้วถามด้วยความสงสัย “แต่ท่านพี่

 

บอกฟรานว่าตอนกลางคืนเป็นเวลาที่เราจะออกมาข้างนอกนี่?”

 

ได้ยินวู่หยานก็เหงื่อไหลพรากๆ ขณะที่ในใจก็ก่นด่าตัวเองว่าไอ้โง่ ทั้งๆที่มี

 

Perfect Memory แต่กลับลืมสถานะของเด็กคนนี้ไปได้ยังไง!

 

ตอนกลางคืน มันไม่ใช่เป็นเวลาออกหากินของแวมไพร์?……….

 

ตูนี่มันโครตไง่……..

 

วู่หยานหัวเราะเสียงแห้ง เขาไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดีดันทำพลาดไปแบบโง่ๆ ทว่าตอน

 

ที่วู่หยานกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอยู่นั้นเองประตูบ้านก็เกิดเสียง……

 

ตึ้ง!

 

ประตูถูกเปิดออกอย่างแรงไม่รู้ว่าใช้อะไรเปิด จากนั้นภาพในประตูก็ปรากฏเข้ามา

 

ในสายตาของวู่หยานและฟราน และนี่ได้ทำให้ฟรานตกใจ และยังทำให้วู่หยาน

 

เหงื่อไหลจากตอนแรกแค่ที่หน้าเป็นทั้งตัวแล้ว!

 

ตรงประตูได้มีสองเทพ..ไม่สิ..ภรรยาทั้งสองของเขากำลังยืนเคียงข้างไหล่ชนไหล่

 

กัน นัยน์ตาสีน้ำตาลกับสีเหลืองเขียวได้มองมาที่วู่หยานพร้อมกัน นี่ทำให้วู่หยานห

 

วาดกลัวแทบตาย

 

เพียงแต่เมื่อสายตาสองสาวลดลงมาที่หน้าอกวู่หยาน เห็นใบหน้าอยากรู้อยากเห็น

 

ของฟรานที่มองมาที่ตน ทั้งสองก็พร้อมใจกันช็อค ยืนค้างมองฟรานด้วยความ

 

ตะลึง โดยที่ปากไม่ได้พูดอะไรออกมา…….

 

เห็นภรรเมียเงียบกริบ วู่หยานยิ่งเหงื่อแตกมากขึ้น จนเม็ดเหงื่อจวนเจียนจะตกลง

 

มาบนหน้าฟรานอยู่แล้ว

 

ณ หน้าประตูบ้านคนสามคนกับอีกหนึ่งโลลิได้เงียบสนิทไป จนกระทั่ง………

 

“มาสเตอร์!”

 

อิคารอสกับแอสเทรียเดินออกมาจากในบ้าน พอเห็นวู่หยานทั้งสองก็มีสีหน้า

 

ความสุขทันที แอสเทรียร้องเรียกออกมาอย่างเต็มไปด้วยพลัง ส่วนอิคารอสก็

 

เรียกแต่เป็นเสียงนุ่มนวล

 

ทว่าพออิคารอสเรียกมาสเตอร์เสร็จ สายตาเธอก็มาหยุดอยู่ที่ตัวฟราน ทันใดนั้น

 

ในนัยน์ตาสีฟ้าก็เกิดระลอกคลื่นที่อธิบายไม่ได้ขึ้น……..

 

ตอนนี้เอง ฮินางิคุ และ มิโคโตะ รวมทั้งแอสเทรียที่เพิ่งเห็นฟรานก็ได้ตอบสนอง

 

ทั้งสามตาส่องแสงเป็นประกายพร้อมกัน แล้วพูดออกมาว่า

 

“นะ-น่าร้ากกกกก!!!!”

 

จู่ๆก็ได้ยินเสียงตะโกนดัง ทำวู่หยานกับฟรานสะดุ้งกลัว ขณะที่หนึ่งหนุ่มหนึ่งโลลิ

 

ยังไม่ทันตอบสนอง ฮินางิคุ มิโคโตะ และ แอสเทรีย ก็มาโผล่หน้าตรงหน้าเขาราว

 

กับวาร์ปมา จากนั้นร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นสุดๆว่า

 

“น่ารัก! น่ารัก! อะไรกันเนี่ยเด็กคนนี้!”

 

“นี่ๆ หนูชื่ออะไรเหรอ? ส่วนฉันชื่อ แอสเทรีย นร้า~ ~ ~”

 

“ฉันขออุ้มหน่อยได้มั้ย? ขอร้องล่ะ!”

 

มองดูทาสโลลิทั้งสาม วู่หยานเหงื่อไหล่หนักจนราวกับเพิ่งไปอาบฝนมา

 

ฟรานอึ้งมองและฟังเสียงพูดของ ฮินางิคุ มิโคโตะ แอสเทรีย ที่ดังเข้ามาในหูไม่

 

หยุด ฟรานมีท่าทางราวกับเป็นสัตว์น้อยที่ตื่นกลัว เธอจึงเอื้อมมือออกมาตรงหน้า

 

ทั้งสามแล้วบีบซะ

 

ทว่าฟรานได้หลงลืมไปว่าพลังตนเองได้โดนผนึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่

 

มองดูด้วยสายตาว่างเปล่งอย่างอึ้งๆ ก่อนที่จะหันหน้ามุดตัวเข้าไปซ่อนในอกวู่

 

หยาน

 

เมื่อเห็นแบบนี้ ฮินางิคุ มิโคโตะ และ แอสเทรีย ก็หยุดกระดี๊กระด๊าจนได้ จากนั้น

 

หันมามองวู่หยานที่กำลังหัวเราะแห้งๆ ทันใดนั้นในแววตาของทั้งสามก็เปร่ง

 

ประกายอันตรายขึ้น

 

ตรงประตู อิคารอสมองฟรานที่ซุกหน้ากับตัววู่หยาน แล้วมองมือเขาที่กำลัง

 

ประคองตัวฟรานแน่น อิคารอสก็ยกมือขึ้นมากุมตรงหน้าอก…….

 

เธออยากทำแบบเดียวกับเด็กคนนั้นบ้าง………..