ตอนที่ 1140 ความปรารถนา

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

หลังจากทั้งสองตกลงกันได้ พวกเขาตัดสินใจไปรับคุณนายซูจากโรงพยาบาล หากแต่ซูโยวหรานกังวลว่าแม่ของเธอจะคิดอย่างไรหากเห็นว่าอยู่ๆ พวกเขาก็สนิทกันขนาดนี้จึงเอ่ยถาม “เอ่อ…เรายังไม่บอกเรื่องของเรากับใครตอนนี้ได้ไหมคะ”

หนานกงเฉวียนหันไปมองหน้าซูโยวหรานก่อนพยักหน้ารับ ถึงจะผิดหวังเล็กน้อยเขาก็ยังเคารพการตัดสินใจของเธอไม่น้อย “ผมเข้าใจครับ”

“ขอบคุณนะคะ…” ซูโยวหรานไม่ได้อธิบายสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ออกมาอย่างชัดเจน หากแต่หนานกงเฉวียนก็เข้าใจความคิดของเธอ

เธอกังวลว่าจะเกิดปัญหาขึ้นหากเรื่องระหว่างพวกเขาไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่น

ดังนั้นต่อหน้าคุณนายซู ทั้งสองจึงสุภาพและรักษาระยะห่างต่อกัน ราวกับว่าไม่เคยตกลงอะไรก่อนหน้านี้

เพื่อความสะดวกของคุณนายซู หนานกงเฉวียนเตรียมห้องไว้ที่ชั้นล่าง ในขณะที่ห้องของซูโยวหรานอยู่ชั้นบน ตรงข้ามกับเขา และอยู่ถัดจากห้องของเสี่ยวต้านเขอ

“ถ้าเสี่ยวต้านเขอมาเห็นคุณตอนเลิกเรียน เธอจะต้องดีใจมากแน่ๆ ”

“แต่ว่าฉันก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นะคะ…” ซูโยวหรานกังวลว่าคนอื่นจะคิดกันอย่างไร

“มีแค่เสี่ยวต้านเขอกับผมที่อยู่ที่นี่ ใครจะมาพูดอะไรล่ะครับ คุณกับคุณน้าอยู่ที่นี่ได้ตามสบายเลย ผมย้ายไปอยู่ห้องพักที่เชื่อมกับห้องทำงานของผมก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะฝากเสี่ยวต้านเขอไว้กับคุณ” หนานกงเฉวียนเอ่ยขณะที่เก็บเสื้อผ้าบางชุดเอาไปที่ห้องพัก

“คุณไม่ต้องห่วงเสี่ยวต้านเขอนะคะ” ซูโยวหรานพยักหน้ารับ เธอซาบซึ้งกับความใส่ใจของเขา เขากำลังช่วยเธอเลี่ยงความประหม่าที่ต้องเจอหน้ากันในบ้าน

อย่างไรก็ตามเธอรู้ว่าตัวเองไม่อาจอยู่ที่นี่ได้นานนัก เธอต้องหาที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งให้ตัวเองกับแม่ให้เร็วที่สุด

ทั้งสองทำทีเป็นสุภาพต่อกันต่อไป อย่างไม่รู้ว่าแท้จริงความสัมพันธ์คลุมเครือนี้นั้นยิ่งทำให้ใจของพวกเขาปรารถนากันและกันมากขึ้น

คืนนั้นเสี่ยวต้านเขอกลับมาถึงบ้านด้วยความคาดหวังเปี่ยมล้น เป็นอย่างที่เธอหวังเอาไว้ พี่สาวได้มายืนตรงหน้าเธอแล้ว “ว้าว พ่อไม่ได้โกหกหนูจริงๆ ด้วย พี่มาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนหนูจริงๆ ด้วยค่ะ”

“ต้านเขอ มารยาทไปไหนหมดลูก หนูต้องทักทายทุกคนก่อนสิครับ” หนานกงเฉวียนออกปากสั่ง

เสี่ยวต้านเขอวางกระเป๋าลง วิ่งไปหาคุณนายซูอย่างเรียบร้อยและเรียกเธอว่าคุณยาย จากนั้นจึงกลับมาอยู่ข้างๆ ซูโยวหราน

ความจริงแล้วซูโยวหรานเองก็เอ็นดูเสี่ยวต้านเขอเช่นกัน ว่ากันตามจริงเธอโชคดีมาก เพราะว่าฝาแฝดโม่ก็เป็นเด็กที่ว่าง่ายเช่นกัน

“แล้ว…ฉันควรเลิกทำงานให้ถังหนิงไหมคะ ไม่อย่างนั้น…”

“ไม่ต้องหรอก มันไม่จำเป็นหรอกครับ” หนานกงเฉวียนตอบ “ผมไม่ได้ไม่ชอบพวกเขา อีกอย่างคุณก็ต้องการเพื่อนด้วยครับ”

การเป็นเพื่อนกับถังหนิงหมายความว่าเธอสามารถเรียนรู้ได้มากและได้รับการปกป้องเช่นกัน แล้วมันไม่ดีตรงไหนกันละ

“แต่ว่าตระกูลหนานกงกับตระกูลโม่ไม่ได้…”

ระหว่างที่เสี่ยวต้านเขอกับคุณนายซูไม่ได้มองอยู่ หนานกงเฉวียนโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูซูโยวหราน “คุณเป็นห่วงผมเหรอครับ”

ซูโยวหรานหน้าขึ้นสีระเรื่อพลางก้มหน้า “ฉันแค่รู้สึกว่ามันไม่ถูกที่ฉันทำอย่างนี้น่ะค่ะ”

“ผมว่าการหาเงินจากศัตรูของผมก็ดีออกนะครับ คุณไม่ต้องลาออกหรอกครับ” จากนั้นเขาก็เก็บเสื้อผ้าก่อนเอ่ย “คืนนี้ผมฝากเสี่ยวต้านเขอไว้กับคุณด้วยแล้วกันนะครับ”

“พ่อขา พ่อจะไปไหนเหรอคะ”

“พ่อทำงานดึกน่ะ เดี๋ยวพี่สาวจะอ่านนิทานก่อนนอนให้และพาลูกเข้านอนคืนนี้นะครับ” หนานกงเฉวียนตอบ เดิมทีเขาหวังพึ่งความผิดหวังของลูกสาวเพื่อรั้งเขาไว้ แต่ก็ต้องอึ้งเมื่อเธอตื่นเต้นเสียเหลือเกิน

ดูเหมือนว่าเขาจะถูกลิขิตให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในคืนนั้นเสียแล้ว

“คุณหนานกง นี่ก็ดึกแล้ว คุณควรนึกถึงสุขภาพของตัวเองนะคะ โยวหราน เราเป็นแขก จะมาส่งเจ้าบ้านออกไปอย่างนี้ได้ยังไง” คุณนายซูเอ่ยเมื่อรู้ถึงเจตนาของหนานกงเฉวียน “เราเป็นคนตรงๆ และไม่มีเรื่องต้องปิดบัง คุณหนานกงจะบอกว่าเราเป็นญาติที่มาเยี่ยมก็ได้นี่ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ พวกเธอว่ายังไงละ”

“พ่อขา ถ้าพ่อไม่อยู่บ้าน หนูนอนไม่หลับนะคะ” เสี่ยวต้านเขอตัวแสบเองเริ่มรู้ทันเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้นก็อย่ากังวลเรื่องที่ต้องไปที่ทำงานเลยค่ะ…” ซูโยวหรานเอ่ยอย่างไม่คิดมาก

หนานกงเฉวียนรีบพยักหน้ารับทันที ลึกๆ แล้วเขาก็ไม่ได้อยากใช้เวลายามค่ำคืนอย่างเปล่าเปลี่ยวที่ที่ทำงานจริงๆ …

ซูโยวหรานพาแม่ตัวเองเข้านอนในเวลาหลังจากนั้น เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้เธอฟัง เมื่อได้ยินเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น คุณนายซูก็หัวเราะออกมา “เอาใบหย่ามาให้ฉันเซ็นสิ คราวนี้ก็ถึงตาที่คุณซูต้องมาขอร้องแกแล้ว”

“แม่คะ ไม่มีอะไรเป็นของหนูสักอย่างเลยนะ”

“โยวหราน แกคิดว่าฉันหวังทรัพย์สินของคุณหนานกงจริงๆ เหรอ ฉันไม่ใช่คนอย่างนั้นสักหน่อย ฉันรู้ว่าเราแค่มาอยู่ที่นี่ชั่วคราวเท่านั้น สุดท้ายเราก็ต้องหาที่อยู่เป็นของตัวเอง”

หลังได้รับคำตอบจากแม่ ซูโยวหรานเบาใจและพยักหน้าให้ “ในเมื่อแม่ตัดสินใจแล้ว…งั้นก็ทำเรื่องหย่าเถอะค่ะ”

ไม่นานหลังจากนั้น ซูโยวหรานค่อยๆ ย่องกลับมาที่ห้องตัวเอง แต่ในจังหวะที่เดินผ่านห้องของหนานกงเฉวียน ก็เห็นว่าประตูห้องเปิดกว้างเอาไว้

ซูโยวหรานเคาะประตูก่อนถาม “คุณอยากให้ฉันปิดประตูให้ไหมคะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ ผมชินแล้วละ เดี๋ยวเสี่ยวต้านเขอก็จะเข้ามาน่ะครับ” หนานกงเฉวียนตอบ “คุณไปพักผ่อนเถอะครับ”

“แต่ว่าคุณไม่กังวลว่าฉันอาจจะเห็นเรื่องที่ไม่ควรเห็นบ้างเหรอคะ” ชายคนนี้ช่างซื่อบื้อจริงๆ อย่างไรเสียก็มีแขกผู้หญิงถึงสองคนอยู่ในบ้านของเขา

“ถ้าต้านเขอไม่เห็นอะไร งั้นคุณก็คงไม่เห็นอะไรเหมือนกันแหละครับ ไม่ต้องห่วง” เขาเอ่ยและกลับไปจดจ่อกับเอกสารตรงหน้าอีกครั้ง ดูท่าแล้วการขึ้นบริหารชุนชิวฟิลม์คงเป็นงานที่เคร่งเครียดสำหรับเขาไม่น้อย

ซูโยวหรานไม่ได้กวนเขาไปมากกว่านี้ขณะกลับไปที่ห้องตัวเองอย่างเงียบเชียบและล้มตัวนอนบนเตียงที่ไม่คุ้นเคย

ทุกอย่างรู้สึกราวกับเหมือนฝัน…

ในตอนนี้เองที่หนานกงเฉวียนเงยหน้าขึ้นมามองประตูห้องเธอ เขาจงใจเปิดประตูทิ้งไว้เพื่อให้เธอมาหาเขาได้ทุกครั้งที่เธอต้องการ…

คนเรามักจะอยากเห็นหน้ากันตลอดเวลายามตกอยู่ในห้วงความรักไม่ใช่หรือ

วันถัดมาซูโยวหรานกลับมาทำงาน อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะมารับฝาแฝดโม่ ตอนนี้เธอต้องมาส่งเสี่ยวต้านเขอก่อนกลับไปรับพวกเขา

หลังจากไปๆ มาๆ อยู่หลายวัน ในที่สุดถังหนิงก็รู้ว่าซูโยวหรานกำลังดูแลเสี่ยวต้านเขออยู่เช่นกัน

เธอจึงออกปากแนะนำ “ถ้าหนานกงไม่ถือ เธอก็มารับลูกชายของฉันระหว่างทางและพาเด็กๆ ทั้งสามคนไปโรงเรียนพร้อมกันก็ได้ เธอจะได้ไม่ต้องไปๆ มาๆ ไง”

หลังได้ยินคำแนะนำของอีกฝ่าย ซูโยวหรานมองหน้าเธอด้วยความอึ้ง “คุณ…รู้เหรอคะ”

“เธอคิดว่าจะปิดเรื่องนี้จากฉันได้จริงๆ เหรอ”

“ฉันขอโทษค่ะ คุณถัง…”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้ถือ อีกอย่างเจ้าสองแสบของฉันก็ติดค้างที่เสี่ยวต้านเขอช่วยพวกเขาไว้ด้วย” ถังหนิงพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ต่อไปนี้ก็พาเสี่ยวต้านเขอมารับจื่อเฉินกับจื่อซีพร้อมเธอด้วยสิ”