ตอนที่ 338 เคลื่อนย้ายเรือทองกลับไป

วันต่อมา ทั้งสี่ยืมปืนลูกซองและม้าพันธุ์ดีวิ่งไปที่เกิดเหตุอีกครั้ง เมื่อมองเห็นกลุ่มคนญี่ปุ่นกำลังใช้เครนยกภาพวาดฝาผนังและติ่งทองแดงใบใหญ่ออกมา

แม้การประจันหน้าเมื่อวานจะไม่มีใครเสียชีวิต แต่คนญี่ปุ่นก็บาดเจ็บสามคน เวลานี้เมื่อมองเห็นพวกเขาสี่คนขี่ม้าวิ่งมา โฮชิโน่พลันยกปืนสั้นขึ้นมา !

เห็นแบบนั้นรอบด้านก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที !

พวกหยางโปสี่คนยกปืนลูกซองที่พกมาขึ้นช้าๆ ทำให้พวกของโฮชิโน่ไม่กล้าเคลื่อนไหว เพราะว่าพวกเขาเอาปืนสั้นมาแค่กระบอกเดียว กำลังในการต่อสู้เทียบกับพวกหยางโปไม่ได้แน่นอนอยู่แล้ว !

” โฮชิโน่ นายได้เปรียบแล้วแม้แต่รถก็ยังไม่เหลือเอาไว้ให้สินะ ? ” หยางโปมองไป ขมวดคิ้วแน่น เพราะเขาพบว่าหน้าต่างรถถูกทุบแตกทั้งหมด !

 

” ใครทุบหน้าต่างรถ ? ” หยางโปชี้ไปที่หน้าต่างรถพลางเอ่ย เมื่อกล่าวจบจู่ๆ ก็มีเสียงยิงปืนขึ้นฟ้า ” ปัง ” !

คนญี่ปุ่นตกใจกลัวจนสะดุ้ง เร่งรีบถอยหลังไปหลายก้าว

ถ้าเป็นเมื่อวานหยางโปจะไม่กล้าพูดแบบนี้เด็ดขาด !

โฮชิโน่เหลือบมองมาทางเขา แล้วเอ่ยด้วยภาษาญี่ปุ่นน้ำเสียงจนปันญา ” ถอยออกมาให้หมด ! “

คนญี่ปุ่นได้รับคำสั่งก็รีบถอยไปด้านหลัง

ลัวย่าวหัวหัวเราะเหอะเหอะ ยกปืนแล้วขี่ม้าขึ้นไปข้างหน้า ” อย่ารีบไปสิ พี่น้อง ฉันจะบอกว่าพวกเราทำงานกันอย่างยุติธรรม ! ทั่วทั้งเมืองหลวงนายลองไปสอบถามดูได้ ชื่อของนายท่านอย่างฉันก็โด่งดังมากทีเดียว ! ทำไมน่ะเหรอ ? ก็เป็นเพราะว่านายท่านอย่างฉันยุติธรรมและโปร่งใสที่สุดยังไงละ ! จนทำให้คนเลื่อมใสฉันมากๆ ! “

” ฉันว่าเอาแบบนี้ดีกว่า เรื่องเมื่อวานพวกเราไม่ถือสา แต่วันนี้พวกนายถึงกับทำลายรถของพวกเราไปแล้ว เรื่องนี้จะว่ายังไง ? “

 

ลัวย่าวหัวเผยสีหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย เขามองไปทางอู่อีขึ้นลงด้วยเจตนาร้ายรอบหนึ่ง

อู่อีแค่นเสียงอย่างเย็นชา โฮชิโน่รีบดึงเธอไปไว้ด้านหลัง ” นายคิดอะไรอยู่ก็รีบบอกมา ? “

” ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ? รถน่ะพังไปแล้ว ถ้าเอากลับไปก็เรียกประกันมาเคลม แต่ความเจ็บปวดในจิตวิญญาณของฉันนี้สิ ควรจะชดเชยยังไง ? ” ลัวย่าวหัวมองไป

โฮชิโน่ขมวดคิ้ว ” ฉันมีเครื่องลายครามถาดใบใหญ่อยู่ชิ้นหนึ่ง เอาไปทดแทนได้ไหม ? “

” คำพูดเชื่อถือไม่ได้ นายไปเอามาก่อนแล้วค่อยว่ากัน ! ” ลัวย่าวหัวพูดแล้วก็หัวเราะ

โฮชิโน่รู้สึกโกรธมาก แต่เขาในฐานะของผู้นำกลับเข้าใจดี ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะขัดขืนได้ !

” อู่อี เธอไปหยิบมา ! ” โฮชิโน่ชี้ไปที่อู่อีแล้วกล่าวกับอู่อี

” พี่คะ ! จะให้พวกเขาไปได้ยังไง ? ” อู่อีพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ

” รีบไป ! ” โฮชิโน่ชี้นิ้วให้เธอไปเอามา

 

อู่อีเหลือบมองลัวย่าวหัวแวบหนึ่ง ก็กระทืบเท้าแล้วหันหลังวิ่งออกไปบริเวณที่รถจอดอยู่ไม่ไกล

ไม่นาน อู่อีก็กอดเครื่องลายครามจานใบใหญ่กลับมา เธอวางเครื่องลายครามจานใบใหญ่เอาไว้ที่พื้น

” พวกนายมาดูเอง ! “

หยางโปกวาดสายตา อดที่จะรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยไม่ได้ แล้วก็พยักหน้าให้ลัวย่าวหัว เอ่ยเสียงเบาว่า ” ให้อู่อีส่งมา ! “

ลัวย่าวหัวมองเห็นหยางโปพยักหน้า ก็ชัดเจนว่าจานไม่น่าจะใช่ของปลอม เขาตะโกนกับฝ่ายตรงข้าม

” เธอถือมาแล้วส่งให้พวกเราซะ “

” นายก็มาหยิบเอาเองซิ ! ” อู่อียังคงเอ่ยอย่างหงุดหงิด

เสียงปืน ” ปัง ! ” ดังขึ้นอีกครั้ง พื้นทรายอยู่ห่างจากมาอิเพียงนิดเดียวเกิดรูและควันลอยขึ้นตรงหน้า

” เธอส่งมาซะ ! ” อวี่เหวินมือหนึ่งยกปืน เอ่ยเสียงไม่พอใจ

 

อู่อีมองไปด้านหลัง โฮชิโน่เอ่ยปากว่า ” ฉันจะเอาไปส่งให้เอง ! “

” นายไม่ต้องมาส่ง ! ให้เธอมาส่ง ! ” อวี่เหวินเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

อู่อีจนปัญญา จำต้องเดินเอาเข้าไปส่ง เธอก้าวอย่างระมัดระวัง ไม่เหลือท่าทีเจ้าเล่ห์เหมือนยามปกติเลย

รอจนอู่อีส่งมาถึง อวี่เหวินก็ตะโกนประโยคหนึ่ง ” หยุด ! เธอวางเอาไว้ตรงนี้ แล้วกลับไปได้ ! “

อู่อีรีบวางแผ่นจานลง แล้วหันหลังวิ่งกลับไป

ลัวย่าวหัวลงจากม้าไปหยิบจานลายคราม เขาหัวเราะเหอๆขึ้นมา กำลังจะเอ่ยปากขัดอีกรอบหนึ่ง แต่กลับได้ยินหยางโปเอ่ยว่า ” อย่าพูดมาก พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ! “

ตาอ้วนหลิวอยู่ด้านข้างหยางโป ได้ยินประโยคนี้ก็ชะงักไปก่อนที่ไม่นานจะยกนิ้วโป้งให้หยางโป

” บ้าบิ่นจริงๆ ! ฉันชอบ ! “

กล่าวจบ ตาอ้วนหลิวก็ยกปืนลูกซองขึ้นเล็งไปทางด้านหน้า

 

” ปังปังปัง ! “

เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ยางรถยนต์ของอีกฝ่ายล้วนแบนราบลงไป !

พวกของหยางโปสี่คนก็รีบขับรถกลับไป แล้วปล่อยให้ม้าที่ชำนาญเส้นทางกลับไปเอง !

เมื่อตอนที่พวกเขามาถึงบ้านของคนเลี้ยงสัตว์ ม้าทั้งสี่ตัวก็กลับมาก่อนพวกเขาแล้ว

เมื่อจ่ายเงินให้คนล่าสัตว์แล้วพวกเราก็พกปืนไปด้วย แล้วก็ไปด้านข้างทะเลสาบแล้วลากเรือลำหนึ่งขึ้นมา เพียงแต่ว่าเรือโหลวฉวนนั้นใหญ่เกินไป

ลัวย่าวหัวกัดฟัน ” เอาที่นั่งข้างหลังของรถออก ! “

หลังจากพังที่นั่งแล้ว รถของพวกเขาก็เสียหายไม่ใช่น้อยๆ ทั้งสี่คนถึงได้เอาเรือทองคำเข้าไปภายในรถได้ แต่ว่าเวลานี้ทั้งสี่คนหมดแรงแล้ว ถึงขนาดไม่ทันได้ไปสำรวจความเป็นมาของเรือทองคำเลยสักนิด !

 

พวกเขาขับรถลงใต้ไปตลอดทาง ตอนที่ผ่านไปในเมืองทั้งสี่คนก็ไม่ได้หยุดชะงัก จนกระทั่งตอนบ่ายของวันที่สอง ในที่สุดทั้งสี่คนก็มาถึงชายแดน !

ลัวย่าวหัวนั่งอยู่ในรถ เอ่ยบ่นกับหยางโปว่า ” เหมือนว่าเรื่องแบบนี้ สมควรจะยกให้นายจัดการ บารมีตระกูลชุยใหญ่กว่าฉันมาก ! “

หยางโปหันหลังไปมองแล้วส่ายหน้า ” นายจัดการไม่สะดวกกว่าเหรอ ? “

ลัวย่าวหัวมองหยางโป ไม่ได้พูดจา เขาคิดจะให้หยางโปนับญาติกับฝ่ายนั้น แต่หยางโปดึงดันไม่ยอมรับมาตลอด เขาก็จนปัญญาเช่นกัน !

เมื่อกลับไปถึงเมืองหลวงก็เป็นตอนเที่ยงของวันที่สามแล้ว หยางโปขับรถไปถึงในวิลล่าของลัวย่าวหัว เรือทองคำวางอยู่ภายในรถ พวกเขาก็ไม่มีแรงจะเคลื่อนไหวแล้ว

 

หยางโปไม่สนใจจะอาบน้ำ เขาก็เข้าไปนอนอย่างอดรนทนไม่ไหวทันที !

เมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาก็ไม่รู้ว่านอนไปนานเท่าไหร่ ตอนที่ตื่นขึ้นมาท้องฟ้าก็สว่างจ้าแล้ว

หยางโปรู้สึกในท้องวูบโหวง เขาหิวอย่างที่สุด เขาลุกขึ้นส่องกระจก มองเห็นเส้นผมของตนเองชี้ฟูยุ่งเหยิง

สีหน้าก็ซีดเผือด เขาก็เร่งรีบเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำถึงค่อยเดินลงไปด้านล่าง

ลัวย่าวหัวและพ่อของเขาไม่อยู่บ้าน แน่นอนว่าแม่บ้านได้รับคำสั่งเอาไว้แล้ว เมื่อเธอมองเห็นหยางโปลงมาก็เร่งรีบเสิร์ฟอาหารเช้าทันที

หยางโปยกอาหารเช้าขึ้นมาแล้วก็กินอย่างตะกระตะกราม

ขณะที่เขากินข้าว ก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างตื่นเต้นของลัวย่าวหัว เขาจำต้องหยิบซาลาเปาแล้วก็เดินออกไปด้านนอก ลัวย่าวหัวกับตาอ้วนหลิวกำลังเคลื่อนย้ายเรือทองคำออกมาจากข้างในรถ

พวกเขาสองคนแรงน้อยมาก อีกทั้งช่องว่างของประตูรถก็เล็กมากอีกด้วย การเคลื่อนย้ายออกมาจึงยากมากจริงๆ

 

” หยางโป ในที่สุดนายก็ตื่นแล้ว ! รีบมาช่วยพวกเรายกเร็วเข้า ! ” ลัวย่าวหัวมองหยางโปแล้วกล่าว

” จริงสิ เมื่อคืนตอนที่พวกเรายังนอนอยู่ อวี่เหวินไปแล้วนะ ! “

” เขาไปแล้ว ? ” หยางโปประหลาดใจเล็กน้อย

ลัวย่าวหัวพยักหน้า ” ไปแล้ว ไปซะได้ก็ดี เห็นเขาแล้วฉันรู้สึกอารมเสีย ! “