บทที่ 1458 – พลังลึกลับที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มมังกรอหังกาล การพูดคุย

 

เมื่อได้เห็นชิงสุ่ยและถานท่าย หลิงเยียนกลับมาอย่างปลอดภัยนางก็รู้สึกโล่งใจอย่างยิ่ง

 

ชิงสุ่ยอธิบายเรื่องความตายของเฉินหยวนหัวแก่คนอื่นๆอย่างสั้นๆทำให้ฮัว รูเหม่ยรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งและบอกพวกเขาว่าต่อไปอย่าทิ้งนางไว้ที่นี่ ชิงสุ่ยยิ้มและรับปากแต่ถานท่าย หลิงเยียนมันเริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับการพูดคุยกับคนอื่นมากยิ่งขึ้น

 

พวกเขาทานอาหารร่วมกับผู้อาวุโสหลู่และเยียนจงเยว่

 

มื้ออาหารนี้มีชีวิตชีวาอย่างยิ่งและพวกเขาเริ่มที่จะเปิดใจเข้าหากัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขาเคยผ่านเหตุการณ์ถึงตายมามากมายทำให้สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว มีเพียงเยียน ชิงถิงและอีก 3 คนเท่านั้นที่ไม่เคยผ่านเรื่องราวใหญ่โตมาแต่ประสบการณ์ของพวกนางนั้นก็ถือว่ามากเมื่อเทียบกับคนธรรมดา

 

เพื่อฝึกสามคนนี้ผู้อาวุโสหลู่จึงสั่งให้พวกเขาออกไปเสี่ยงภัยอยู่เสมอ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหลู่นั้นแบบปกป้องพวกเขาอย่างลับลับอยู่ หากไม่มีเหตุการณ์ใดที่ทำให้พวกเด็กๆบาดเจ็บผู้อาวุโสหลู่นั้นย่อมไม่ปรากฏตัวออกมา

 

“ท่านผู้อาวุโส พวกเราต้องเริ่มลงมือแล้ว” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวขึ้นทันทีหลังจากที่เขาทานอาหารเสร็จ

 

“เหตุใดเจ้าจะออกไปแล้วชิงสุ่ย? ข้าคิดว่าเรากำลังรอคอยให้บรรพบุรุษแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลนั้นปรากฏตัวออกมาก่อนไม่ใช่หรือ?” เยียนจงเยว่ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ

 

“หากเขาไม่ยอมออกมา พวกเราก็ต้องหาเขาไม่เจอ” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้น

 

“ไม่ เจ้ายังไม่อาจต่อกรกับเขาได้ มันจะดีกว่าถ้าเจ้าไปพร้อมกับผู้อาวุโสหลู่และทุกๆคนที่อยู่ที่นี่!” เยียนจงเยว่ไม่เห็นด้วยทันที

 

“ข้าได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างในวันนี้และบางทีเราอาจจะชนะ” ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันยังมีความหวังเพราะว่าเขามีรัศมีแห่งเทพสังหาร

 

“มันก็แค่อาจจะ เจ้าโกรธข้างั้นหรือที่ไม่ได้ลงมือใดๆ?” ผู้อาวุโสหลู่กล่าวขึ้นขณะที่เขายิ้มให้ชิงสุ่ย

 

“ไม่ ข้าจะทําอย่างนั้นได้เช่นไร? เพียงแต่ข้าคิดว่าข้าสามารถสังหารเขาได้แต่หากมันล้มเหลวข้าก็ยังคงต้องการความช่วยเหลือของท่าน” ชิงสุ่ยไม่อยากให้ปัญหานี้ลากยาวออกไปเขาอยากจบมันให้เร็วที่สุด เขาสงสัยว่าศัตรูนั้นมีพลังมากเพียงใดที่สามารถเอาชนะถานท่าย หลิงเยียนในอดีตได้

 

เขายังต้องตามหาตัวอีเย่ เจี้ยนเก้อและยังมีเรื่องอื่นๆที่เขายังต้องทำอีก

 

“ชิงสุ่ย เจ้าใจร้อนยิ่งรัก เจ้าเป็นผู้สืบทอดแห่งเทพสงครามขณะที่หญิงสาวที่อยู่ข้างกายของเจ้านั้นเป็นผู้สืบทอดแห่งประมุขอสูร มหาทวีปมังกรอหังกาลไม่ได้ง่ายดายเหมือนดังที่เจ้าคิด ข้าได้รับข่าวมาว่าชายชราผู้นั้นได้ยกระดับขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้กลุ่มมังกรอหังกาลยังมีเหล่ายอดฝีมือที่ซ่อนเร้นอยู่มากมาย” ผู้อาวุโสหลู่กล่าวขณะที่เขาถอนหายใจ

 

สิ่งที่ผู้อาวุโสหลู่กล่าวนั้นอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของชิงสุ่ย ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าบรรพบุรุษแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลนั้นน่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับนักชำแหละกระหายเลือด เขามีพัฒนาการขึ้นมากนับตั้งแต่ออกจากกลุ่มมังกรอหังกาลและมาอาศัยอยู่ที่นี่ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับบรรพบุรุษแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลแต่ก็คงไม่ได้ด้อยกว่ามากนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมชิงสุ่ยอยากลองสังหารบรรพบุรุษแห่งกลุ่มมังกรอหังกาลดู

 

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดง่ายเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในระดับเดียวกันแต่พลังของพวกเขานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พลังของพวกเขามันก็เหมือนกับตัวละครในเกมออนไลน์ แม้ว่าจะอยู่ในเลเวลเดียวกัน แต่พลังนั้นก็มาจากอาวุธ เครื่องแต่งกาย สัตว์เลี้ยง และสกิลด้วยเช่นกัน

 

อสูรสยบมังกรนั้นไม่ได้ทรงพลังแต่มันก็สามารถสังหารผู้ที่มีพลังเหนือกว่ามันได้อย่างง่ายดาย

 

ชิงสุ่ยนั้นมีเคล็ดวิชาที่ทรงพลังมากมาย เมื่อรวมกับความเร็วของเขา เขาสามารถสังหารผู้ที่มีพลังมากกว่าเขาได้ แต่เมื่ออยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจโดยเฉพาะในระดับเดียวกันกับผู้อาวุโสหลู่ ข้อดีต่างๆที่ชิงสุ่ยมีนั้นไม่อาจช่วยเหลือเขาได้อีกต่อไป เหมือนดังคำที่กล่าวไว้ว่า พลังที่แท้จริงย่อมเหนือกว่าเคล็ดวิชาต่างๆ ยิ่งมีพลังแตกต่างกันมากเท่าไรเคล็ดวิชาต่างๆก็มีผลน้อยลงไปเท่านั้น

 

การยกระดับนั้นทำให้พลังพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ยังไม่ทราบว่ามีกลุ่มลึกลับอื่นๆที่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มมังกรอหังกาลอีกหรือไม่หรือยังมีขุมพลังใดอีกหรือไม่ที่คิดจะกำจัดถานท่าย หลิงเยียนอยู่

 

“ชิงสุ่ย พวกเราต้องวางแผนให้ดี พวกเราต้องพากองกำลังอันยิ่งใหญ่ไปพร้อมกัยเราหรือไม่อย่างนั้นพวกเราพวกเราก็คงไม่อาจต่อกรกับพวกเขาได้แน่นอน” ผู้อาวุโสหลู่กล่าวด้วยท่าทีกังวล

 

เยียนจงเยว่มองไปยังชิงสุ่ยหลังจากนั้นเขาก็เงียบอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “เชื่อที่ผู้อาวุโสหลู่บอก หากมีเพียงกลุ่มมังกรอหังกาลนั้นคงไม่น่ากลัวหรอก แต่สิ่งที่น่ากลัวคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มมังกรอหังกาล”

 

ชิงสุ่ยพยักหน้า สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้วและมันก็เป็นไปตามความคาดหมายของเขา ยังมีขุมพลังที่ซ่อนเร้นอยู่อีกหรือ? พวกเขามีพลังมากเพียงใดกัน? นี่คือขุมพลังที่ซ่อนเร้นของมหาทวีปมังกรอหังกาลงั้นหรือ?

 

ยอดฝีมือระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจนั้นเปรียบเสมือนเทพเจ้าบนพื้นดินแห่งนี้แต่ความแตกต่างในแต่ละขั้นของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจนั้นแตกต่างกันราวกับหิ่งห้อยและแสงจันทรา มันเป็นความแตกต่างระหว่าง 2 ล้านสุริยาและหลายร้อยล้านสุริยา

 

พลังของผู้อาวุโสหลู่นั้นอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านสุริยา แล้วพลังที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มมังกรอหังกาลนั้นมีมากเพียงใดกัน? 300 ล้านหรือ? 400 ล้านหรือ? หรืออาจจะเกินกว่า 500 ล้าน?

 

พลังของชิงสุ่ยนั้นมีประมาณ 100 ล้านสุริยาและพลังของถานท่าย หลิงเยียนนั้นมีประมาณ 150 ล้านสุริยา  แม้ว่าพวกเขาจะถือว่าทรงพลัง แต่พวกเขาก็คงจะถูกสังหารทันทีหากต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่มีพลังมากกว่า 300 ล้านสุริยา

 

แต่มันแตกต่างกันสำหรับผู้อาวุโสหลู่ เขาสามารถมีพลังเกินกว่า 300 ล้านสุริยาได้ด้วยความช่วยเหลือของชิงสุ่ย นอกจากนี้ศัตรูที่มีพลัง 300 ล้านสุริยาก็จะเหลือพลังเพียง 200 ล้านสุริยาเท่านั้น และหากเครื่องรางแห่งสวรรค์ได้ผล ศัตรูก็จะอ่อนแอลงไปอีก

 

นี่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของปราณจักรพรรดิอีกครั้งด้วยการลดพลังของศัตรูลงไป 20% เมื่อเขาต้องปะทะกับยอดฝีมือคนอื่นๆ หากศัตรูมีพลัง 500 ล้านสุริยาก็จะโดนลดพลังลงไปถึง 100 ล้านสุริยา เพียงแค่ใช้ปราณจักรพรรดิ ผลของเครื่องรางแห่งสวรรค์นั้นยังไม่ถูกนับรวมด้วยเพราะยังไม่รู้ว่ามันจะสามารถใช้ได้หรือไม่

 

ชิงสุ่ยรู้สึกสงบมากขึ้นหลังจากที่เขาคิดเช่นนี้ รัศมีแห่งเทพสังหารก็ทรงพลังมากขึ้นหลังจากที่มันได้รับการเปลี่ยนแปลงไป ด้วยปราณจักรพรรดิและพรสวรรค์ของเขา พูดได้เลยว่าเขาทรงพลังอย่างยิ่งแม้ว่าพลังโดยรวมของเขายังถือว่าน้อยอย่างยิ่ง

 

“ดูเหมือนว่าพวกเราต้องใช้เวลาอีกสักพัก หลิงเยียน เจ้ามีแผนหรือไม่?” ชิงสุ่ยถามขึ้นขณะที่เขามองไปยังประมุขอสูร

 

“ข้าทราบดีถึงสถานการณ์นี้แล้วและกำลังคิดถึงผลของมัน ในเรื่องนี้ข้าต้องกลับไปที่พระราชวังจอมอสูรก่อน” ถานท่าย หลิงเยียนกล่าวหลังจากที่คิด

 

“การยกระดับพลังนั้นยากยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังต้องการพลังมากกว่า 100 ล้านสุริยาหรือมากกว่านั้น มีทางใดบ้าง?” ชิงสุ่ยคิดถึงเรื่องนี้และกล่าวออกไป “ข้าจะกลับไปที่พระราชวังจอมอสูรพร้อมกับเจ้า!”

 

“ข้ากำลังจะคิดที่จะเปิดนิกายสาขาของพระราชวังจอมอสูรที่จักรวรรดิเหยียนแห่งนี้ พวกเจ้าคิดเช่นไรบ้าง?” ผู้อาวุโสหลู่กล่าวขึ้น

 

แม้ว่าพระราชวังจอมอสูรจะไม่ได้เข้าร่วมกับจักรวรรดิใดๆแต่พวกเขาก็อยู่ฝั่งเดียวกัน

 

ดวงตาของชิงสุ่ยเปล่งประกายขึ้นและกล่าวว่า “เช่นนั้น หลิงเยียนเจ้าเปิดมันที่นี่สักแห่งดีหรือไม่? มันคงทำให้พวกเราสามารถจัดการสิ่งต่างๆได้สะดวกยิ่งขึ้น พวกเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง เจ้าคิดเช่นไร?”

 

ถานท่าย หลิงเยียนตอบกลับมาหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง “พระราชวังจอมอสูรนั้นเป็นที่เกลียดชังของผู้คน การมาอยู่ที่นี่อาจทำให้ชื่อเสียงของจักรวรรดิเหยียนต้องมัวหมองได้”

 

นี่คือปัญหาที่แท้จริง ชิงสุ่ยมองไปยังผู้อาวุโสหลู่ เขารู้ดีว่าต้องมีเหตุผลที่ชายชราเสนอความคิดนี้ออกมา

 

“อสูรสวรรค์นั้นเป็นจอมอสูรที่มีจิตใจดีที่สุดในหมู่จอมอสูรทั้งหมด มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลยหากมีผู้ที่สร้างชื่อเสียงที่ดีให้แก่พระราชวังจอมอสูร หากเรื่องราวที่แท้จริงในตอนนั้นได้บอกเล่าต่อกันไปทุกๆคนย่อมได้รับรู้ถึงความจริงของกลุ่มมังกรอหังกาล” ผู้อาวุโสหลู่กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม

 

“ต้องรบกวนท่านแล้ว ท่านผู้อาวุโสหลู่”

 

การก่อสร้างพระราชวังจอมอสูรนั้นทำโดยจักรวรรดิเหยียน เมื่อข่าวเรื่องนี้กระจายออกไปก็มีการถกเถียงพูดคุยกันมากมาย แต่ผู้อาวุโสหลู่ได้กระจายข่าวในเวลาก่อนหน้านี้ด้วยความจริงที่ว่าประมุขอสูรนั้นไม่เคยสังหารผู้บริสุทธิ์ ทุกๆคนที่นางสังหารนั้นล้วนแต่เป็นศัตรู เขายังกระจายข่าวเรื่องพระราชวังจอมอสูรนั้นเป็นจอมอสูรที่มีเมตตาที่สุดในหมู่อสูรสวรรค์

 

ในตอนนี้เรื่องราวของประมุขอสูรได้กระจายออกไป ท่าทีของผู้คนเปลี่ยนไปทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้ พระราชวังจอมอสูรนั้นเป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิเหยียนและจักรวรรดิใหญ่อีก 3 แห่งซึ่งหมายความว่าพระราชวังจอมอสูรนั้นเป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มมังกรอหังกาลเช่นกัน

 

เวลา 1 เดือนได้ผ่านพ้นไปชื่อเสียงของพระราชวังจอมอสูรได้กระจายออกไป อย่างน้อยเมื่อได้รับการสนับสนุนจากเหล่าราชวงศ์พวกเขาก็ได้รู้ว่าประมุขอสูรแห่งพระราชวังจอมอสูรนั้นงดงามอย่างยิ่ง

 

พระราชวังจอมอสูรนั้นสร้างเสร็จแล้วและพวกเขาก็ไย้ายเข้ามาอยู่อาศัยทันที มันอยู่ไม่ไกลจากวังหลวงของจักรวรรดิ ห่างกันประมาณ 100 ลี้เท่านั้น รูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นเป็นแบบเรียบง่ายและสง่างามปราศจากความหรูหราใดๆ มันถูกออกแบบโดยชิงสุ่ยและถานท่าย หลิงเยียน

 

ถานท่าย หลิงเยียนนั้นไม่ชอบความหรูหรา ชิงสุ่ยไปที่ห้องของนาง มันดูสะอาดและสง่างามอย่างยิ่ง มีกลิ่นหอมอ่อนๆในห้องของนางและเตียงดูนุ่มและสบายนั้นทำให้ชิงสุ่ยอยากจะนอนลงไป

 

ชิงสุ่ยนั้นอาศัยอยู่ที่พระราชวังจอมอสูรและเขาก็มีห้องของตนเอง แต่เขาเลือกห้องที่ใกล้เคียงกับห้องของถานท่าย หลิงเยียนมากที่สุดแม้ว่าห้องจะไม่ได้อยู่ติดกัน

 

คฤหาสน์ของพวเขานั้นอยู่ห่างกันหลายเมตร คฤหาสน์ทั้ง 2 แห่งนั้นอยู่ห่างกันไม่มากและพวกเขาสามารถพูดคุยกันได้เพียงยืนที่หน้าต่าง

 

ชิงสุ่ยเดินตรวจสอบที่นี่รอบๆเพื่อตรวจสอบ เพราะเขาสามารถกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยทักษะย่างก้าว 9เทวา ในยามค่ำคืนเขาฝึกฝนกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตและทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึกภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ

 

ตราบใดที่เขาสามารถต่อก็กับคนพวกนั้นได้ชิงสุ่ยมั่นใจว่าเขาจะชนะ ง้าวทองทะลวงศัตรูนั้นเป็นอาวุธที่สามารถทำลายสมบัติของคนอื่นๆได้ ตัวอย่างเช่น อาวุธและชุดเกราะ มันคงโชคร้ายอย่างยิ่งหากอาวุธของศัตรูโดนทำลายลงไป

 

การพัฒนาของกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตนั้นน่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง พลังของมันนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึกเลย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหากชิงสุ่ยใช้กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตร่วมกับง้าวทองทะลวงศัตรูผลของมันก็จะพัฒนาไปได้อีกมาก

 

หากทำสำเร็จแม้แต่คนระดับผู้อาวุโสหลู่ก็ต้องพ่ายแพ้เช่นกัน

 

นอกจากนี้ยังมีการหลอมอาวุะและการฝังอัญมณีในอาวุธชิงสุ่ยนั้นคุ้นเคยกับพวกอัญมณีมามาก เขาต้องการเพิ่มความเร็วของตนเองให้เพิ่มขึ้นไปอีก รองเท้า 9เทวานั้นมีช่องว่างให้ฝังอัญมณีแต่เขายังหาอัญมณีที่เหมาะสมไม่ได้เลย

 

ชิงสุ่ยได้ช่วยถานท่าย หลิงเยียนสร้างอาวุธไปก่อนหน้านี้ มีอัญมณีมากมายที่เขาต้องสูญเสียไปและยังต้องหลอมรวมอัญมณีเพื่อมให้มีระดับที่สูงขึ้น หากมันสำเร็จการเพิ่มความขึ้นอีกเท่าตัวนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย แต่ก็ต้องใช้อัญมณีระดับสูงด้วยเช่นกัน

 

การฝังอัญมณีนั้นทำไปทีละระดับ หากมันล้มเหลวทุกสิ่งที่ทำมาก็หายไป ไม่มีจะฝังอัญมณีมากี่ครั้งมันก็จะหายไปหากล้มเหลว

 

พลังที่เพิ่มขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของอัญมณี อัญมณีสีดำระดับที่ 3 จะเพิ่มความเร็วได้ 10% อัญมณีสีดำระดับที่ 4 จะเพิ่มความเร็วได้ 20% ขณะที่อัญมณีสีดำระดับที่ 5 จะเพิ่มความเร็วได้ถึง 30%-60% อัญมณีสีดำระดับที่ 6 จะเพิ่มความเร็วได้ถึง 70%-100% อัญมณีสีดำระดับที่ 7 จะเพิ่มความเร็วได้ 110%-150% อัญมณีสีดำระดับที่ 8 จะเพิ่มความเร็วได้ 160%-200% และอัญมณีสีดำระดับที่ 9 จะเพิ่มความเร็วได้ 210%-230%

 

ยิ่งระดับสูงมากเท่าไรก็ยิ่งหายากและทรงพลังมากยิ่งขึ้น อัญมณีสีดำระดับที่ 9 นั้นสามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 3 เท่า (อัญมณีสีอื่นๆก็ด้วยเช่นกัน)

 

คุณภายนั้นส่งผลต่อพลังมากที่สุดและอัญมณีสีดำที่ชิงสุ่ยมีนั้นอยู่เพียงระดับที่ 5 เท่านั้น ซึ่งอัญมณีสีดำระดับที่ 5 จะเพิ่มความเร็วได้เพียง 30%-60% อย่างมากเขาก็เพิ่มความเร็วได้ 50% รองเท้า 9เทวานั้นสามารถฝังอัญมณีได้เพียง 1 ครั้ง ชิงสุ่ยนั้นกำลังรอที่จะได้รับอัญมณีที่เหมาะสม แต่การที่ฝังอัญมณีนั้นต้องมีช่องว่างที่เสื้อผ้าหรือรองเท้าเสียก่อน อัญมณีต่างชนิดกันจะไม่สามารถหลอมรวมกันได้และหากฝังอัญมณี 2 ชนิดที่แตกต่างกันจะแสดงผลออกมาเพียงชนิดเดียวเท่านั้น