บทที่ 953 ไต้ซือ ลาสึกเถอะ! โดย Ink Stone_Fantasy

ระหว่างทางกลับ หลังจากแน่ใจตำแหน่งที่ตัวเองอยู่รวมทั้งทางที่จะไปแล้ว เหมียวอี้ก็กล่าวอำลาหมิงจ้าว “ผู้อาวุโส เสียเวลาอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว ผู้น้อยก็ต้องกลับไปฝึกตนเหมือนกัน ขอกล่าวอำลาตรงนี้”

หมิงจ้าวคิดไปคิดมาครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รั้งให้เขาอยู่ต่อ “ไฉจวิ้น เจ้านำศิษย์น้องสองคนพาเขากลับไปแล้ว!”

ไฉจวิ้นยังไม่ทันเอ่ยรับ เหมียวอี้ก็รีบปฏิเสธ “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น ในมือข้ามีแผนที่ดาว สามารถหาทางกลับได้”

หมิงจ้าวส่ายหน้า “ที่นี่ยังอยู่ในเขตของสถานที่ไร้ระเบียบ มารปีศาจขวักไขว่ เจ้าไปคนเดียวอาจจะเกิดเหตุไม่คาดคิด ให้พวกเขาส่งเจ้าออกนอกสถานที่ไร้ระเบียบก็แล้วกัน”

เหมียวอี้เองก็ไม่สะดวกจะปฏิเสธ กลัวว่าจะตกเป็นที่ต้องสงสัย จึงกุมหมัดคารวะทันที “ขอบคุณที่ผู้อาวุโสหวังดี รบกวนด้วย!”

หมิงจ้าวยิ้มตอบ แล้วพยักหน้าเบาๆ ให้ไฉจวิ้น ไฉจวิ้นน้อมรับคำสั่ง พาคนสองคนคุ้มกันส่งเหมียวอี้ออกไป พอแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม ก็นับว่าแยกทางกันบนท้องฟ้าแล้ว

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ไฉจวิ้นและศิษย์อีกสองคนก็มาส่งเหมียวอี้ถึงหน้าประตูดวงดาวของสถานที่ไร้ระเบียบ เหมียวอี้โน้มน้าวให้พวกเขาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ “ไม่ต้องส่งแล้วล่ะ พอออกจากประตูดวงดาวก็ต้องอ้อมจากที่อื่นกลับมาอีก แบบนั้นยุ่งยากเกินไปแล้ว ข้าไปเองก็สิ้นเรื่อง”

ทั้งสามไม่ได้ฝืนใจ ไฉจวิ้นยิ้มพร้อมบอกว่า “ฆราวาสรักษาตัวด้วย”

“รักษาตัวด้วย!” เหมียวอี้กุมหมัดคารวะ แล้วหันตัวเหาะไปยังประตูดวงดาวอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีแสงสีเงินสายหนึ่งระเบิดออกมาหมุนวนครอบตัวเขา และชั่วพริบตาเดียวก็จมหายไปในหลุมที่ดำมืด

หลังจากพวกไฉจวิ้นเห็นเขาหายไปกับตาตัวเองแล้ว ถึงได้หันหลังกลับสู่ปราสาทดำเนินนภา

ส่วนทางด้านเหมียวอี้ พอออกจากประตูดวงดาวมาแล้ว ก็มองสำรวจโดยรอบแล้วรีบหยิบแผนที่ดาวออกมา ปากก็พึมพำด่าไปด้วย “ไม่ให้มาส่ง ก็ยังจะมาส่งอยู่ได้ ทำเอาข้าต้องอ้อมกลับไปตั้งไกล” เขาเลี้ยวไปอีกทางหนึ่ง แล้วเหาะออกไปอย่างรวดเร็ว

ปัญหาที่สำคัญก็คือ ประตูดวงดาวเป็นช่องทางที่ผ่านได้เพียงครั้งเดียว ฝั่งนั้นมีทางให้มา แต่ฝั่งนี้กลับไม่มีทางให้ไปโดยตรง ต้องอ้อมประตูดวงดาวหลายดวงถึงจะกลับไปได้ แบบนั้นก็เกิดปัญหาแล้ว ไปกลับลำบากขนาดนี้ บนตัวเขามีกระสวยทองกับกระสวยเงินสำหรับใช้ข้ามประตูดวงดาวไม่พอแล้ว ก่อนหน้านี้อยากจะขอยืมจากพวกไฉจวิ้นสักหน่อย แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความน่าสงสัยที่ไม่จำเป็น เขาจึงไม่ได้เอ่ยปากขอยืม

ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงไปยังตลาดสวรรค์ที่อยู่ใกล้ที่สุด จุดหมายคือดาวเมิ่งหัว จึงเร่งเดินทางเพียงลำพังอยู่ในจักรวาล ใจร้อนอยากไขปริศนาที่กระจกทองแดงทิ้งไว้..

ณ ดาวเทียนหยวน ริมมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ บนหินโสโครกที่ถูกระลอกคลื่นซัด ศีลแปดที่ยืนประนมมือยู่หน้ามหาสมุทรผืนใหญ่กำลังทุกข์ใจมาก เขาหันหน้าสู่ทะเลครามด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม

ความกลัดกลุ้มใจมาจากสตรีชุดแดงที่อยู่ข้างหลัง ดวงหน้างามหยาดเยิ้ม สองแขนกำลังโอบเอวเขาอยู่ กำลังกอดเขา ร่างกายแนบชิดสนิทกัน นางกอดเขาแน่นจากข้างหลัง ใบหน้าแนบติดกับบ่าของเขา ทำสีหน้าสุขสันต์ชื่นมื่น มองดูน้ำที่ไหลขึ้นไหลลงด้วยกัน

ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ปีศาจโลหิตนั่นเอง สาเหตุที่เกิดฉากแบบนี้ได้ก็ไม่ซ้อนเลย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นศีลแปด นางก็ตกหลุมรักแล้ว เป็นรักแรกพบ ไม่ว่าศีลแปดจะไปที่ไหน นางก็ตามไปที่นั่น คอยทุ่มเทดูแลตลอดทาง ถึงขนาดว่าปราบปีศาจกำจัดมารเพื่อศีลแปดมาตลอดทาง คอยรักษาความปลอดภัยให้ศีลแปด

ยิ่งศีลแปดรักษาระยะห่างกับนางเท่าไร ลักษณะมาดเคร่งและบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคีของเขาก็ยิ่งดึงดูดใจนางเท่านั้น มีอยู่จุดหนึ่งที่ปีศาจโลหิตไม่มีทางปฏิเสธได้ นั่นก็คือรูปลักษณ์ภายนอกของศีลแปดมีพลังทำลายล้างต่อผู้หญิงสูงมาก ทีผู้ชายยังชอบผู้หญิงสวยได้ แล้วทำไมผู้หญิงจะชอบผู้ชายที่หล่อเหลาน่ามองไม่ได้ล่ะ โดยเฉพาะผู้ชายหน้าตาดีที่ทั้งมีเสน่ห์ทั้งดูสะอาดแบบนั้น ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นพระหรือไม่เป็นพระ ที่สำคัญคือเป็นผู้ชายในสายตาผู้หญิงหรือเปล่า

แน่นอน สิ่งที่ทำให้ตกหลุมรักศีลแปดไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ผู้ชายในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือเป็นพระ ผู้ชายส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไร สิ่งที่เรียกว่าผู้ชาย ปีศาจโลหิตเห็นมานักต่อนักแล้ว ต่อให้ดูเรียบร้อยจริงจังขนาดไหน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกวางมาดสง่าภูมิฐาน ยากที่จะปฏิเสธสาวงามได้ ปีศาจโลหิตยอมรับว่าหน้าตาตัวเองไม่ได้แย่ แต่พระรูปนี้กลับมีหัวใจอันบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ไม่สะทกสะท้านต่อความงาม เป็นผู้ชายที่มีดีทั้งภายนอกและภายใน สามารถพบเจอได้แต่ไม่สามารถไขว้คว้ามาได้ ในเมื่อเจอกันแล้ว ปีศาจโลหิตก็ไม่อยากปล่อยผ่านไป กว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะได้พบผู้ชายที่ตรงใจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จะเป็นพระหรือไม่เป็นพระก็ไม่สำคัญ ถึงอย่างไรก็สึกได้

พอได้คลุกคลีอยู่ด้วยกันมาตลอดทาง ยิ่งได้รู้จักศีลแปดมากขึ้น ปีศาจโลหิตก็ยิ่งพบว่าตัวเองยากที่จะแยกจากกับเขาได้ รู้สึกกับศีลแปดถึงขั้นควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว จมอยู่ในห้วงแห่งความรักอย่างไม่มีทางถอนตัว เป็นฝ่ายรุกเข้ามากอดแบบนี้ยังเป็นแค่น้ำใจเล็กๆ เวลาอาการหนักก็ถึงขั้นเปลื้องผ้ายกร่างกายให้

สิ่งนี้ทำให้ศีลแปดตกใจกลัวไม่หาย เรียกได้ว่าหวาดกลัวแต่หนีไม่ทัน จนใจที่วรยุทธ์ต่างกับอีกฝ่ายเกินไป สำหรับวิชาศีลของเขา พรสวรรค์การฝึกตนในช่วงแรกสูงจนเหมือนปาฏิหาริย์ ถึงแม้ตอนนี้จะประสบปัญหาหยุดชะงักจนก้าวหน้าล่าช้า แต่วรยุทธ์ก็ถึงระดับบงกชม่วงขั้นหนึ่งแล้ว เพียงแต่เมื่อเทียบกับปีศาจโลหิตที่วรยุทธ์บงกชทองขั้นเจ็ด เขาก็ไม่มีแม้แต่กำลังจะโต้ตอบเลย อยากจะหนีก็หนีไม่พ้น

ใช่ว่าศีลแปดจะไม่ชอบคนสวย เขาค่อนข้างบ้าผู้หญิง เป็นบิดาแห่งพระเจ้าชู้ แต่ศีลแปดก็มีความขมขื่นที่พูดออกมาไม่ได้ มารดาเจ้าเถอะ แบบนี้ยังเรียกว่าผู้หญิงอีกเหรอ? ต่อให้อีกฝ่ายเปลื้องผ้าหมดตัวมากอดเขาไว้ เขาก็ยังตกใจกลัวอยู่ดี พอเจอกันก็ทำให้นึกถึงภาพตอนที่เจอกับปีศาจโลหิตเป็นครั้งครั้งแรก ใบหน้าสุดสะพรึงที่เต็มไปด้วยรอยย่นราวกับโครงกระดูก ทั้งยังดูดเลือดคนอีก น่ากลัวจนไม่รู้จะน่ากลัวยังไงแล้ว ต่อให้เป็นพระที่บ้าผู้หญิงกว่านี้ แต่ก็คงไม่บ้าผู้หญิงแบบนี้หรอกมั้ง? ถ้ากอดกันแล้วจู่ๆ กลายสภาพเป็นแบบนั้น กัดคอเจ้าอย่างเย็นเยียบ แล้วดูดเลือดของเจ้าขึ้นมาล่ะ จะไม่ตกใจจนพระพุทธเจ้าองค์แรกถือกำเนิด พระพุทธเจ้าองค์ที่สองขึ้นสวรรค์หรอกเหรอ?

ดังนั้นศีลแปดจึงหันหลังให้นางตลอด โดยเฉพาะตอนที่กอดเขาไว้อย่างนี้ ในเมื่อวรยุทธ์ของเขาไม่สูงพอที่จะขัดขืน ดังนั้นก็ทำได้เพียงเหลือหลังไว้ให้นางกอด ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ เขาก็ไม่กล้าหลับตาเลย กลัวว่าจะเกิดความคิดเพ้อเจ้อมากมายจนทำให้หวาดกลัวตัวสั่น ลืมตาไว้จะได้อยู่กับความเป็นจริงมากๆหน่อย

ศีลแปดทำได้เพียงยอมรับเคราะห์ร้ายของตัวเอง เวลาที่สนใจผู้หญิงสวยมากๆ แต่ไหนแต่ไรมาก็มีศีลเจ็ดคอยก่อกวนตลอด ร่ายอิทธิฤทธิ์ระงับจุดหยางของเขาไว้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะสลัดศีลเจ็ดและมาถึงพิภพใหญ่ที่คนในแดนฝึกตนใฝ่ฝันถึง ปรากฏว่าได้มาเจอ ‘ยอดหญิงงาม’ ท่านนี้ตามเกาะแกะอยู่ตลอด ทำยิ่งกว่าตาแก่โล้นศีลเจ็ดอีก ตามเกาะติดทั้งวัน ไม่ออกห่างแม้แต่ก้าวเดียว กะจะไม่ให้เขาใช้ชีวิตเลยเหรอ?

ตอนนี้เขานึกเสียใจทีหลังที่หนีมา โดนสาวงามสุดสยองท่านนี้เกาะติดแล้ว แบบนี้ไม่สู้อยู่ที่พิภพเล็กอย่างซื่อสัตย์ดีกว่า

“ไต้ซือ ลาสึกเถอะ มาเป็นคู่สามีภรรยาที่รักและผูกพันกับข้า!” ปีศาจโลหิตกอดเขาพลางกระซิบข้างหู

“หัวใจของอาตมาอยู่กับพระโพธิสัตว์มาตลอด หัวใจแห่งพุทธแน่วแน่ไร้ที่เปรียบ ไม่มีทางลาสึก” ศีลแปดปฏิเสธอย่างแน่วแน่อีกครั้ง

ปีศาจโลหิตคลายกอดเขาทันที จับเขาหันตัวมา แล้วตะคอกอย่างโกรธเคืองต่อหน้า “เป็นเพราะข้ายังสวยไม่พอใช่มั้ย?”

ศีลแปดยิ้มบางๆ พร้อมตอบว่า “หงเอ๋อร์ เจ้าสวยมาก แต่ในสายตาอาตมา ต่อให้เป็นสตรีที่งดงามกว่านี้ แต่ก็เป็นเพียงกระดูกที่งดงามทั้งนั้น รูปโฉมคือความว่างเปล่า ความว่างเปล่าก็คือรูปโฉม อามิตาพุทธ!” คำพูดนี้จริงครึ่งปลอมครึ่ง ผู้หญิงคนอื่นอาจจะไม่ใช่โครงกระดูกที่งดงามในสายตาของเขา แต่ปีศาจโลหิตเป็นแน่นอน ทั้งยังเป็นโครงกระดูกงดงามแบบที่น่ากลัวมากด้วย

ปีศาจโลหิตที่ขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ไม่ได้ผล ตอนนี้เริ่มโมโหแล้ว “ศีลแปด ในโลกนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ทำให้ข้าทำดีด้วยขนาดนี้ได้ เจ้าพูดมาจากใจจริงซิว่าจะให้ข้าทำอย่างไร?”

ศีลแปดใช้คำพูดดีๆ กล่าวโน้มน้าวอย่างนุ่มนวล “หงเอ๋อร์ เจ้ายึดมั่นถือมั่นกับรูปลักษณ์ พอตกอยู่ในความเดือดดาลลุ่มหลวง ตรงหน้าก็มีแต่ทะเลทุกข์แห่งความปรารถนา หันหลังกลับเข้าฝั่งเถิด รีบกลับฝั่งให้เร็วที่สุด!”

“อย่ามาใช้อุบายกับข้า ตอนข้าเปลือยร่างเจ้าก็เห็นมาหมดแล้ว สัมผัสก็สัมผัสแล้ว ตอนนี้มาให้ข้ากลับตัว เจ้าจะให้ข้ากลับตัวอย่างไร?” ปีศาจโลหิตตวาดถาม “ตอนนี้ข้าจะถามเจ้าคำเดียว เจ้าจะยอมหรือไม่ยอม?”

ศีลแปดแอบร้องในใจ เจ้าเป็นคนถอดเสื้อผ้าเองนะ แล้วเจ้าก็เป็นฝ่ายมาสัมผัสข้า ข้าไม่เคยแตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายนิ้ว ในใจเขาค่อนข้างประหม่ากังวล สงสัยว่าผู้หญิงคนนี้จนตรอกเป็นหมากระโดดกำแพงแล้วจะทำอันตรายเขาถึงชีวิตหรือเปล่า? แต่ก็ยังถามด้วยรอยยิ้มว่า “หรือเจ้าอยากสังหารอาตมาเหรอ?”

ปีศาจโลหิตแสยะยิ้ม “ข้าต้องการอยู่กับเจ้าไปจนแก่ชรา จะฆ่าเจ้าได้อย่างไร! ในเมื่อเจ้าไม่ยอมลาสึก งั้นข้าก็จะช่วยลาสึกให้เจ้าเอง ให้เจ้าเป็นพระต่อไปไม่ได้!”

พูดจบก็ใช้นิ้วจิ้มที่หน้าอกของศีลแปดหนึ่งที ปราณปีศาจโลหิตที่เหมือนกับหมอกเลือดทะลักออกจากร่างกายนาง แผ่คลุมไปที่ศีลแปด กรอกเข้าไปในทวารทั้งเจ็ดของศีลแปดอย่างรวดเร็ว ศีลแปดตกใจมาก ตัวสั่นขัดขืนอยู่อย่างนั้น แต่เมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมโดยพลังอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่งออกอีกฝ่าย เขากระดิกกระเดี้ยไม่ได้เลยสักนิด ได้แต่มองดูปราณปีศาจโลหิตนับไม่ถ้วนไหลเข้าร่างกายตัวเอง เข้ามาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกายหยาบของตัวเอง

หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ปราณปีศาจโลหิตก็สลายตัวไปแล้ว ปีศาจโลหิตถึงได้ผลักเขาออก

ศีลแปดย่อมรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติในร่างกาย จึงถามอย่างตกใจกลัวว่า “เจ้าทำอะไรกับอาตมา?”

ปีศาจโลหิตยิ้มอย่างสนิทสนม ตอบว่า “ไม่ได้ทำอะไร แค่ต้องทำให้เจ้ากลายเป็นเหมือนข้า อีกครึ่งเดือนเจ้าก็จะกลายเป็นปีศาจเหมือนข้าแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าจะแยกจากกับข้าไม่ได้อีก ทั้งยังจะขอร้องให้ข้าทำดีกับเจ้าด้วย!”

ศีลแปดที่ยืนอยู่บนหินโสโครกถูกลมทะเลพัดจนจีวรสีขาวปลิวสะบัด เขาถามพลางยิ้มอย่างขื่นขม “หงเอ๋อร์ ไม่เคยได้ยินหรือว่าแตงที่ฝืนเด็ดมาจะไม่หวาน ถ้าข้ากลายเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ข้าแล้ว เจ้ายังจะชอบข้าอยู่อีกเหรอ?”

ปีศาจโลหิตสะบัดแขนเสื้อ ตอบอย่างประสาทเสียว่า “ข้าไม่สนใจอะไรขนาดนั้นหรอก ข้าทิ้งศักดิ์ศรีแล้ว ทิ้งความสำรวมทุกอย่างที่ผู้หญิงควรจะมีเพื่อเจ้า แม้แต่เรื่องน่าไม่อายก็ทำมาแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะแยแสอะไรอีกล่ะ?”

ศีลแปดถอนหายใจเฮือกหนึ่ง หัวตัวเข้าหามหาสมุทรอย่างเงียบๆ สีหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีดสลับกันอย่างรวดเร็ว เขาประนมมือสองข้าง นั่งขัดสมาธิลงบนหินโสโครก หันหน้าหาทะเลสีเขียวมรกตที่มีเสียงคลื่นซัดดังไม่หยุด หลับตาลงช้าๆ มือสองข้างที่อยู่ตรงหน้าอกกำลัง พลิกขยับนิ้วทั้งสิบเป็นตาประทับ พลางกล่าวเสียงดังอย่างนิ่งสงบ “ปิดตา ปิดหู ปิดใจ ไม่ถือมั่นในอาตมะลักษณะ ไม่ถือมั่นในปุคละลักษณะ ไม่ถือมั่นในสัตวะลักษณะ ไม่ถือมั่นในชีวะลักษณะ รู้แจ้งเห็นจริง!”

เมื่อกล่าวจบ นิ้วของมือทั้งสองข้างที่พลิกขยับเป็นรูปดอกบัวหยุดนิ่ง กลับมาประนมมือตั้งตรงหน้าอกอีกครั้ง นิ่งเงียบ!

ขณะมองดูศีลแปดที่กำลังนั่งขัดสมาธิอย่างสงบเรียบไร้เสียงราวกับพระพุทธรูป ปีศาจโลหิตก็ทำเสียงฮึดฮัด ไม่สนใจเขาอีก หันตัวมาสะบัดมือจนเกิดเสียงโครมคราม โจมตีหินโสโครกให้เกิดเป็นโพรงถ้ำโพรงหนึ่ง เดินเข้าไปนั่งขัดสมาธิ รอให้เวลานั้นมาถึง เวลาที่ศีลแปดยินยอมปฏิบัติตาม

ทะเล ท้องฟ้า ตะวัน จันทรา ดวงดาวสับเปลี่ยนตำแหน่ง

หลังจากนั้นสามวัน ศีลแปดที่นั่งสมาธิหันหน้าเข้าหามหาสมุทร ในที่สุดก็ลืมตาแล้ว เขายืนขึ้น ยังคงมองดูปีศาจโลหิตเดินเข้ามาตรงหน้าด้วยรอยยิ้มบางๆ ยังคงสูงส่งบริสุทธิ์ราวกับไม่ถูกดูหมิ่นจากโลกมนุษย์ ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนที่ปีศาจโลหิตจินตนาการไว้

หารู้ไม่ว่าสาเหตุที่ศีลแปดฝึกตนได้เร็วมาก เป็นเพราะเคล็ดวิชาตรัสรู้ของเขาสามารถมองข้ามการรบกวนจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาในลูกแก้วพลังปรารถนาได้ เวลาคนอื่นใช้ลูกแก้วพลังปรารถนาฝึกตน ก็ยังต้องเสียเวลากลั่นกรองเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาที่อยู่ในลูกแก้วพลังปรารถนาทิ้ง แต่เขากลับสามารถรับกลืนเข้าไปทั้งหมด เพราะเคล็ดวิชาของเขาสามารถทำให้บริสุทธิ์ได้ สิ่งชั่งร้ายอัปมงคลพวกนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเขา

…………………………