เมื่อต้อนรับสวีชิงปั๋วเข้ามาในค่าย ทั้งยังโบกมือให้เหล่าแม่ทัพที่อยากรู้อยากเห็นถอยออกไป เหลือไว้เพียงเฟิ่งจือเหยาและจางฉี่หลัน ในกระโจมถึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
เฟิ่งจือเหยามองสวีชิงปั๋วอย่างอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะเอ่ย “คุณชายสวีสี่มาถึงซีหลิงตั้งแต่เมื่อไร ไฉนพวกเราถึงไม่รู้ข่าวเลย” สวีชิงปั๋วอมยิ้มพลางมองเยี่ยหลี ก่อนจะเอ่ย “ข้าอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว เดิมทียังคิดว่าต้องรอพวกเจ้าอีกสองสามวันพวกเจ้าถึงจะมาถึง” เขาพูดเช่นนี้ เฟิ่งจือเหยาและคนอื่นๆ ถึงได้เข้าใจว่าสวีชิงปั๋วถูกท่านอ๋องและพระชายาส่งมายังเมืองหลวงของซีหลิงอย่างลับๆ ส่วนเรื่องที่มาที่นี่เพราะเหตุใดนั้น…ครั้นมองรอยยิ้มอันอ่อนโยนและสง่างามของสวีชิงปั๋ว ประกายแห่งการรู้แจ้งพลันฉายวาบในดวงตาของเฟิ่งจือเหยา
“พี่สี่ ช่วงที่ผ่านมามีใครทำอะไรให้ลำบากหรือไม่” แม้จะเห็นอยู่ว่าสวีชิงปั๋วปลอดภัยทุกประการ ซึ่งทำให้เยี่ยหลีรู้สึกใจสงบลงมากแล้ว แต่ลึกๆ ก็ยังนึกกังวลว่าพี่สี่จะได้รับความลำบากอะไรในซีหลิง ในเมื่อผู้คนในซีหลิงไม่ได้ให้เกียรติปัญญาชนเท่าต้าฉู่ ก่อนการมาถึงของกองทัพตระกูลม่อ เกรงว่าผู้คนในซีหลิงคงจะทำกริยาไม่สุภาพต่อพี่สี่
สวีชิงปั๋วปลอบโยนด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ย “ไม่มีอะไรหรอก เพียงแค่อยู่ในซีหลิงน่าเบื่อไปหน่อยเท่านั้น ตอนนี้พวกเจ้ามาที่นี่ก่อนเวลาย่อมราบรื่นขึ้นอยู่แล้ว”
ม่อซิวเหยาดื่มชาพลางจ้องมองรอให้เยี่ยหลีและสวีชิงปั๋วถามสารทุกข์สุขดิบกันให้เสร็จอย่างอดทน ถึงได้เอ่ยปากถาม “ฮ่องเต้แห่งซีหลิงตัดสินใจอย่างไร”
สวีชิงปั๋วพยักหน้า ก่อนจะเอ่ย “เมื่อวานข้าได้เข้าเฝ้ากับฮ่องเต้แห่งซีหลิงอีกครั้ง การกดดันของทหารทำให้เขากดดันอย่างหนัก อีกทั้งเงื่อนไขที่เราเสนอก็เพียงพอให้เขาหวั่นไหว ทว่า…เกรงว่าเขาคงไม่อาจสละเมืองหลวงในตอนนี้ได้ทันที เกรงว่าเราคงต้องรบอีกสักสองครั้ง สองสามวันนี้ทัพเสริมจากแต่ละพื้นที่ก็น่าจะมาถึงแล้ว ข้าคาดการณ์ว่าพวกเราตีทัพเสริมจากสักสองทางให้ล่าถอยไป เขาก็น่าจะตื่นรู้แล้ว”
ม่อซิวเหยาพยักหน้าเอ่ย “ข้าเข้าใจแล้ว ลำบากเจ้าแล้ว”
สวีชิงปั๋วยิ้มเอ่ย “เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว จะลำบากอะไร” อีกด้านหนึ่งจางฉี่หลันเพิ่งจะเรียกสติกลับมาได้ เขามองสวีชิงปั๋วด้วยความงุนงง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้พูดว่า “ท่านอ๋องหมายความว่า ที่พวกเราไม่ต้องโจมตีเมืองหลวง เพราะจะให้คุณชายสวีสี่เกลี้ยกล่อมฮ่องเต้แห่งซีหลิงให้สำเร็จและยกเมืองหลวงให้พวกเราหรือ” ยามนี้จางฉี่หลันมองนัยน์ตาของสวีชิงปั๋วราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น สวีชิงปั๋วยิ้มอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว “ไม่ได้ให้อย่างเปล่าประโยชน์หรอก พวกเราย่อมต้องมีสิ่งตอบแทนเขาอยู่แล้ว”
จางฉี่หลันโบกมือพลางเอ่ย “นี่เป็นเมืองหลวงของซีหลิงเชียวนะ ต่อให้ตอบแทนด้วยสิ่งใด เราก็ได้กำไรอยู่แล้ว คุณชายสวีสี่อายุยังน้อยกลับมีความสามารถถึงเพียงนี้ ข้าน้อยได้ยินมาว่าคุณชายรองสวีแห่งตระกูลสวี ทำสงครามน้ำลายได้ตั้งแต่อายุสิบกว่าปี ดูๆ แล้วในตอนนี้ศิษย์น่าจะเก่งกว่าครูเสียแล้วกรมง” เมื่อเอ่ยจบ จางฉี่หลันก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายในใจ คนตระกูลสวีนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว ใช้เพียงแค่ปาก ก็เก่งกาจกว่าทหารและม้ากว่าหลายแสนนายอย่างพวกเขาแล้ว ทั้งยังมีคุณชายใหญ่สวีอีก ได้ยินมาว่าแม้แต่ท่านอ๋องยังต้องยุ่งอยู่กับงานราชการไม่หยุด ทว่าเขากลับทำออกมาอย่างสมบูรณ์แบบได้สบายๆ จะว่าไปแล้ว…ท่านอ๋องมีพี่เขยเก่งกาจขนาดนี้… จางฉี่หลันมองม่อซิวเหยาด้วยสายตาที่เรียกได้ว่าเห็นใจโดยไม่รู้ตัว
คนอื่นๆ ย่อมเห็นสายตาของจางฉี่หลันที่มองม่อซิวเหยา ม่อซิวเหยาพลันหน้าดำคล้ำเครียด แม้เขาเองก็รู้สึกว่าพี่เขยเหล่านี้ นอกจากสวีชิงเฟิงที่ควบคุมได้ง่ายหน่อยแล้ว คนอื่นๆ ก็น่ารำคาญเสียเหลือเกิน ทว่าอย่างน้อยคนเหล่านี้ต่าก็งมีประโยชน์ เมื่อเทียบกับความสามารถของพวกเขาแล้ว ต่อให้ต้องรู้สึกรำคาญกับเรื่องประเภทนี้สักหน่อย ม่อซิวเหยาก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ยินดีที่จะเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาสงสารเขาหรอกนะ
เฟิ่งจือเหยาก้มหน้ากระแอม เพื่อปกปิดรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอ่ยถาม “คุณชายสี่มั่นใจหรือไม่ ถึงอย่างไรฮ่องเต้แห่งซีหลิงก็เป็นถึงฮ่องเต้ เขาจะยอมสละรากฐานของซีหลิงจริงๆ หรือ”
สวีชิงปั๋วยิ้มพลางเอ่ย “ในสายตาของฮ่องเต้แห่งซีหลิง เห็นได้ชัดว่า ชีวิตและบัลลังก์ของเขามีความสำคัญมากกว่าเมืองหลวงที่สร้างขึ้นใหม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นในสถานการณ์ปัจจุบัน ภูมิภาคทางตะวันตกอยู่ในความวุ่นวาย ดังนั้นที่แห่งนี้จึงไม่เหมาะที่จะเป็นเมืองหลวงอีกต่อไป แม้พวกเราจะไม่ต้องการ แต่ข้าเดาว่าเขาเองคงต้องการย้ายเมืองหลวงด้วยตัวเองภายในอีกไม่ถึงสามเดือน”
จางฉี่หลันขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจะต้องการเมืองประเภทนี้ไปทำไมกัน หรือพวกเรายังต้องไปต่อสู้กับแคว้นเล็กๆ ในภูมิภาคตะวักตกอีก” แม้พวกเขาจะไม่หวาดกลัวแคว้นเล็กๆ ในภูมิภาคตะวันตก ทว่าตอนนี้เรื่องของพวกเขาเองก็ยุ่งจนสะสางไม่หมดแล้ว ตอนนี้ซีเป่ยยังคงถูกโอบล้อมด้วยกองทัพของเป่ยหรงและเจิ้นหนานอ๋อง จะมีเวลาไปขัดแข้งขัดขาแคว้นเล็กๆ ในภูมิภาคตะวันตกได้อย่างไร เยี่ยหลียิ้มบางๆ พลางเอ่ย “แม่ทัพจาง แคว้นที่มีความแค้นกับแคว้นเล็กๆ คือซีหลิง ไม่ใช่พวกเรา”
จางฉี่หลันใช้ชีวิตอยู่บนม้ามาค่อนชีวิต จึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการเมือง ก่อนจะเอ่ยถาม “พระชายาหมายความว่าอย่างไร”
เยี่ยหลีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แว่นแคว้นในภูมิภาคตะวันตกมีความแค้นต่อซีหลิงอย่างมาก แต่เราไร้ซึ่งความแค้นใดๆ ต่อพวกเขา ดินแดนที่พวกเขาถูกยึดครองโดยซีหลิง ไม่อยู่ในขอบเขตของการปกครองปัจจุบันของเรา พวกเขาถูกซีหลิงปล้นทรัพย์สิน พวกเราก็ไม่ได้รับแม้เพียงเศษเสี้ยว แม้ว่าตอนนี้ซีหลิงจะถูกพวกเราโจมตีจนรับมือไม่ทันไปชั่วขณะ ถึงขนาดที่หายใจหายคอแทบจะไม่ทัน ทว่าอาณาเขตสองในสามยังอยู่ ครั้นถึงเวลาที่ตั้งตัวได้…ก็เป็นเหมือนหนอนที่ถึงแม้จะโดนตัดบางส่วนออกไป แต่ก็ไม่ถึงกับตาย ความแข็งแกร่งที่แท้จริงยังคงมีอยู่ และหากภูมิภาคตะวันตกต้องจะแก้แค้น พวกเขาย่อไม่สร้างศัตรูให้ตนเองเพิ่มในเวลาเช่นนี้ ส่วนพวกเรา…ก็ต้องการถนนสายนี้เพื่อเชื่อมต่อกับภูมิภาคตะวันตก หรือที่ที่ไกลออกไปกว่านี้”
เฟิงจื่อเหยาปรบมือ ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ย “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว หลังจากยึดครองสถานที่เหล่านี้มาได้แล้ว อาณาเขตที่ปกครองโดยจวนติ้งอ๋องก็จะสามารถเชื่อมต่อกับภูมิภาคตะวันตกได้โดยตรง ในอนาคตหากต้องการทำการค้ากับภูมิภาคตะวันตก ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกซีหลิงตัดขาดเส้นทางอีกต่อไป ซีเป่ยขาดแคลนวัตถุดิบ แต่อาจกลายเป็นเส้นทางการค้าระหว่างตะวันออกและตะวันตกได้ ยิ่งไปกว่านั้นภูมิประเทศเช่นนี้จะรุกหรือถอย โจมตีหรือป้องกันก็ย่อมทำได้ทั้งสิ้น”
ม่อซิวเหยาพยักหน้าเอ่ยชม “เฟิ่งซานพูดถูก”
จางฉี่หลันพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง ในเมื่อมีข้อดีมากมายเพียงนี้ พวกเราย่อมต้องเอาเมืองหลวงซีหลิงมาให้จงได้”
หลังจากสวีชิงปั๋วบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสองเดือนที่ผ่านมาให้พวกเยี่ยหลีฟัง รวมทั้งเรื่องที่ตกลงเจรจากับฮ่องเต้แห่งซีหลิงจนหมดแล้ว ก็ลุกขึ้นเพื่อเตรียมกลับเข้าเมือง เยี่ยหลีรู้สึกกังวลเล็กน้อยจึงเอ่ยถามว่า “พี่สี่อยู่ในค่ายทหารไม่ดีกว่าหรือ เผื่อฮ่องเต้ซีหลิงเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน…” ถึงแม้จะเป็นไปได้ไม่มากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย เยี่ยหลีไม่ต้องการให้พี่สี่ถูกทำร้าย
สวีชิงปั๋วอมยิ้มพลางตบไหล่เยี่ยหลี เอ่ย “วางใจเถิด ไม่มีเรื่องอะไรหรอก อีกอย่าง หากทูตผู้เจรจาเช่นข้าหนีไปก่อน ฮ่องเต้ซีหลิงจะเชื่อในความจริงใจของพวกเราได้อย่างไร”
“แต่…” เยี่ยหลียังคงเป็นห่วง สวีชิงปั๋วยิ้มพลางเอ่ย “ตราบใดที่ทูตของประเทศต่างๆ รักษาสมดุลได้อย่างเหมาะสม ก็จะไม่มีอันตรายอะไร ยิ่งไปกว่านั้นที่เห็นได้ชัดคือตอนนี้เรามีอำนาจเหนือกว่า จะมีประโยชน์อะไรหากฮ่องเต้แห่งซีหลิงทำให้เราเสียเปรียบ อย่างมากก็เพื่อระบายโทสะเท่านั้น เขาอดทนอยู่ภายใต้เงื้อมือของเจิ้นหนานอ๋องมาได้นานหลายปีเช่นนี้ คงไม่ใช่คนเลือดร้อนเพียงนั้น ไม่ต้องห่วง พี่สี่กลับก่อนล่ะ”
เยี่ยหลีคิดแล้วคิดอีก เอ่ย “ข้าให้พี่สามพาคนกลับไปกับท่านพี่จะดีกว่า”
สวีชิงปั๋วได้แต่ตอบตกลงเพราะหวังจะให้นางสบายใจ พยักหน้าก่อนจะเอ่ย “ก็ได้ แต่อย่ามากเกินไปล่ะ”
เยี่ยหลีพนักหน้า รีบเรียกจั๋วจิ้งให้ไปเชิญสวีชิงเฟิง