บทที่ 279 น้ำตาฉินยี

The king of War

“เมื่อก่อนแม่อาจจะเคยโกหกคุณ แต่เรื่องแบบนี้ ฉันจะสามารถโกหกเธอได้ยังไง?”โจวยู่ชุ่ยร้องไห้พร้อมกับพูด

โจวยู่ชุ่ยร้องไห้ฟูมฟายบ่อน้ำตาแตก เหมือนกับว่าได้รับการเหยียดหยามจากหยางเฉินจริงๆ

หยางเฉินที่ฉินซีรู้จัก หยางเฉินนั้นไม่น่าจะพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา

แต่ว่ามาคิดว่าหลายวันที่ผ่านมานี้ โจวยู่ชุ่ยเป็นคนดูแลฉินต้าหย่งอยู่คนเดียวทั้งหมด ฉินซีย่อมไม่อาจฝืนทนเปิดเผยออกไปได้

“แม่ เดี๋ยวฉันจะโทรหาหยางเฉินตอนนี้ จัดการเขาอย่างดีสักรอบ!” ฉินซีพูดโดยแกล้งทำหน้าโกรธโมโห

“แค่ด่าเขามันยังไม่พอ!”

“ฉันไม่อยากจะเจอเขาอีก ตัดไม่ให้เขามาเหยียดหยามฉันกับความทุ่มเทแรงกายแรงใจที่ให้กับพ่อคุณ”

“ในระยะนี้ อย่าให้เขามาที่โรงพยาบาลอีก! เขาไม่มีคุณสมบัติ!”

โจวยู่ชุ่ยร้องไห้ไปพูดไป ภายในใจนั้นดีใจเป็นอย่างมาก

เหตุผลที่เธอทำให้วุ่นวายแบบนี้นั้น ก็เพื่อไม่ให้หยางเฉินปรากฏตัวที่โรงพยาบาลอีก

เมื่อกี้นี้ที่หยางเฉินมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดตรงๆออกมา แต่ว่าคำพูดทั้งนอกใน ทั้งหมดนั้นแอบแฝงไปด้วยความสงสัย เรื่องของฉินต้าหย่งนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเธอ

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ฉินซีและฉินยีมีงาน พวกเธอจะมาโรงพยาบาลเมื่อไหร่ เธอนั้นรู้ดีทั้งหมด

แต่หยางเฉินนั้นน่าจะปรากฏตัวตามใจได้ตลอดเวลา เพียงแค่หยางเฉินนั้นออกจากโรงพยาบาลไปได้ เธอก็จะมีโอกาสลงมือกับฉินต้าหย่งได้มากยิ่งขึ้น

หลังจากที่หยางเฉินกลับมา ฉินซีเองก็โตขึ้นไม่น้อย เป็นธรรมดาที่จะไม่เชื่อคำของโจวยู่ชุ่ยเพียงฝ่ายเดียว

เธออยู่ต่อหน้าโจวยู่ชุ่ย กดโทรศัพท์ไปไปหาหยางเฉิน: “หยางเฉิน คุณมันคนเลว แม่วันวันเอาแต่เฝ้าอยู่ข้างๆพ่อ หักโหมทำอย่างหนักทุกวี่ทุกวัน คุณก็ยังจะมาพูดจาตัดกำลังใจต่อหน้าแม่อีก”

“ทำไมคุณถึงทำแบบนี้? ฉันไม่ฟังคำแก้ตัวของคุณ คุณฟังฉันพูดให้ดี ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณอย่ามาที่โรงพยาบาลอีก!”

ฉินซีพูดใส่โทรศัพท์ด้วยความโมโหไปอีกชุด จากนั้นก็วางสาย

เยี่ยนเฉินกรุ๊ป สาขาเจียงโจว

หยางเฉินยังคงถือโทรศัพท์ที่ถูกฉินซีวางไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยใบหน้างุนงง

เขาหัวเราะอย่างกลุ้มใจและส่ายศีรษะไปมา: “โจวยู่ชุ่ยผู้หญิงคนนี้ จะต้องพูดอะไรไม่ดีโกหกเรื่องของผมต่อหน้าฉินซีแน่ๆ”

ในขณะเดียวกัน ในใจของเขายังมีความรู้สึกจิตใจหดหู่อยู่ไม่น้อย

เวลานี้เอง อยู่ดีๆมือถือของเขาก็ได้รับข้อความเข้ามา เป็นฉินซีที่ส่งมา เนื้อความสั้นมาก เพียงแค่สามคำ: “ขอโทษนะ!”

เดิมทีหยางเฉินที่ยังคงมีความเจ็บปวดรวดร้าวอยู่ภายในใจ พอได้เห็นคำสามคำนี้ ความรู้สึกขุ่นเคืองทั้งหมด ก็มลายหายไปชั่วพริบตา

เขาเข้าใจได้อย่างง่ายดาย ฉินซีทำไมต้องกล่าวขอโทษ ที่แท้ก็รู้ว่าโจวยู่ชุ่ยนั้นใส่ร้ายหยางเฉินด้วยคำพูดไม่ดี

หยางเฉินมีประกายจิตสังหารสะท้อนออกมาจากภายในดวงตา: “โจวยู่ชุ่ยเอ๋ยโจวยู่ชุ่ย คุณนี่มันโง่จนน่าหัวเราะเยาะจริงๆ คิดเหรอว่าไม่ให้ฉันไปโรงพยาบาล คุณจะมีโอกาสลงมือกับพ่อได้?”

ที่โรงพยาบาล ฉันเตรียมคนเฝ้าดูไว้ตั้งนานแล้ว แค่เพียงโจวยู่ชุ่ยลงมือกับฉินต้าหย่ง นั่นก็เป็นเวลาเปิดโปงเธอแล้ว

ที่ทำแบบนี้ อาจจะทำร้ายฉินซีเป็นอย่างมาก

แต่ว่าเจ็บสั้นดีกว่าเจ็บนาน ถ้าให้โจวยู่ชุ่ยลงมือฆ่าฉินต้าหย่งจริงๆ นั่นถึงจะเป็นเวลาที่เศร้าโศกเสียใจที่สุดต่างหาก

เวลานี้เอง ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะอย่างไม่คาดคิด

“เข้ามา!”

เสียงพูดของหยางเฉินจบลง เงาร่างที่คุณเคยก็เข้ามาอย่างเชื่องช้า นั่นก็คือฉินยี

ตอนนี้ บนใบหน้าของฉินยียังคงมีความโมโหหลงเหลืออยู่บางส่วน

“เสี่ยวยี เป็นอะไรไป?”

หยางเฉินเอ่ยปากถามออกไป

ฉินยีกัดฟันพูดออกไป: “พอดีว่า หุ้นส่วนทางธุรกิจหลายที่ เสนอขึ้นมาอย่างกะทันหัน ว่าอยากจะยกเลิกสัญญาที่เซ็นไปแล้วกับพวกเรา”

หยางเฉินขมวดคิ้ว เขารู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมาทันที

เยี่ยนเฉินกรุ๊ปนั้นมีแนวโน้มในการพัฒนาเจริญก้าวหน้าที่ดีมาก ที่เจียงโจวในปัจจุบัน ถึงจะเป็นสี่พรรคสูงสุดแห่งเมืองเจียงโจวก็ตาม ก็ไม่กล้าที่จะเปรียบเทียบกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป

ตอนนี้กลับเกิดเรื่องกับหุ้นส่วนทางธุรกิจหลายที่กะทันหัน เรื่องเสนอยกเลิกสัญญาแบบนี้ด้วยกัน

“โครงการหลายโครงการก็เริ่มเรียบร้อยแล้ว พวกเราลงเงินทุนเข้าไปแล้วมากมาย สมมติว่าตอนนี้จะหยุดความร่วมมือ พวกเราคงจะขาดทุนเป็นจำนวนมาก”ฉินยียังคงพูดต่อไป

“เป็นแบบนี้นี่เอง อย่างนั้นก็ทำตามขั้นตอนทางกฎหมาย ตามข้อตกลงในสัญญา จ่ายค่าชดเชย!”หยางเฉินเอ่ยปากพูด

“เงินชดเชยโอนเข้าเรียบร้อยแล้ว!” สีหน้าของฉินยีค่อนข้างดูไม่ได้

เธอนั้นเดือดดาลขนาดนี้ เป็นเพราะว่าทางด้านฝั่งหุ้นส่วนนั้นเพิ่งจะเสนอเรื่องยกเลิกสัญญาแท้ๆ ก็รีบทำตามสัญญาโอนค่าชดเชยมาซะแล้ว

“ถึงแม้ว่าค่าชดเชยจะช่วยเหลือความเสียหายของพวกเราได้ แต่จุดสำคัญก็คือ ความร่วมมือพวกนี้ ทั้งหมดเป็นฝั่งทางเมืองเอก สมมติว่ายกเลิกความร่วมมือ จะส่งผลกระทบอย่างมากกับโครงสร้างในเมืองเอกของพวกเรา”ฉินยีพูดเสริม

“ยกเลิกหุ้นส่วนความร่วมมือ ทั้งหมดเป็นความร่วมมือทางฝั่งเมืองเอก?”หยางเฉินขมวดคิ้ว

ฉินยีพยักหน้า: “หลายที่ทางด้านความร่วมมือทางฝั่งเมืองเอกนั้น ทั้งหมดคงจะได้รับผลกระทบกับกิจการอย่างร้ายแรง พวกเขายินยอมจ่ายค่าชดเชย และต้องการยกเลิกสัญญากับพวกเราเหมือนกัน จะต้องถูกบังคับอย่างแน่นอน”

“เรื่องบุกเบิกตลาดในเมืองเอก วางมือไปก่อน รอทางพ่อคงที่แล้ว ฉันค่อยลงมาจัดการด้วยตนเอง”หยางเฉินออกปาก

เรื่องของบริษัทนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่จะพูดออกมาก็คือ ทางด้านของฉินต้าหย่งถึงจะเป็นเรื่องใหญ่

“แต่ว่า พวกเราได้ทุ่มเงินลงทุนไปแล้วเป็นจำนวนมากที่ตลาดในเมืองเอก ตอนนี้จะมาหยุดกะทันหัน จะส่งผลกระทบกับบริษัทเป็นอย่างมาก”

ฉินยีค่อนข้างร้อนรนขึ้นมาทันทีทันใด คนอื่นไม่เข้าใจชัดเจน แต่เธอนั้นเข้าใจชัดเจนเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะบุกเบิกตลาดในเมืองเอก บริษัทได้ลงทุนลงแรงทรัพยากรไปอย่างมหาศาล

“ถึงจะกระทบอย่างมาก แล้วอย่างไร? ก็แค่หาเงินได้น้อยหน่อยก็เท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับพ่อแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่มีค่าพอจะหยิบยกขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ!”

หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ

สำหรับเขาแล้ว เงินนั้นก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขก็เท่านั้น

เยี่ยนเฉินกรุ๊ป เป็นสิ่งที่มารดาหลงเหลือเอาไว้ให้เขาบนโลกใบนี้ เป็นที่ระลึกเพียงอย่างเดียว

ไม่อย่างนั้นเขาเองก็คงไม่สามารถตั้งใจได้ถึงขนาดนี้ พัฒนาเยี่ยนเฉินกรุ๊ปด้วยมือของตนเอง

แต่ว่าตอนนี้ ฉินต้าหย่งนั้นถึงจะเป็นสิ่งสำคัญในสิ่งสำคัญ ประมาทเพียงเล็กน้อย คงจะสามารถศูนย์เสียชีวิตได้

“พี่เขย ขอบคุณมาก!”

ภายในใจของฉินยีรู้สึกตื้นตันใจ พูดพร้อมกับตาแดงก่ำ

“อย่าคิดมาก มีฉันอยู่ เยี่ยนเฉินกรุ๊ปไม่ล้มหรอก” หยางเฉินยิ้มพร้อมกับพูดปลอบ

“เสี่ยวยี ถ้าหากมีสักวัน อยู่ดีๆคุณก็พบว่า พ่อเปลี่ยนไปเป็นแบบตอนนี้ เป็นเพราะว่าแม่เป็นคนทำ คุณจะทำอย่างไร?”

หยางเฉินลังเลอยู่ครึ่งหนึ่ง ก็เอ่ยปากถามอย่างกะทันหัน

“อะไร?”

“ตอนนี้พ่อนอนอยู่ที่โรงพยาบาล เป็นแม่ที่เป็นคนทำ?”

“จะเป็นไปได้ยังไง?”

ฉินยีใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก สีหน้าสับสน

หยางเฉินพูดอย่างร้อนรน: “คุณอย่าเพิ่งรีบร้อน ฉันเพียงแค่สมมติ ไม่ใช่เรื่องจริง”

ฉินยีถอนหายใจออกมาด้วยท่าทางผ่อนคลาย มองอย่างหวาดผวาพูดกับหยางเฉิน: “พี่เขย คุณจะมาสมมติแบบนี้ได้ยังไงกัน? เกือบจะทำให้ฉันตกใจจนป่วยเป็นโรคหัวใจ”

“บนโลกใบนี้ มีเรื่องมากมาย ก่อนที่จะเกิดเรื่อง ไม่มีใครยอมเชื่อ แต่ว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น”

หยางเฉินพูดหน้าตาเฉย ด้วยสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหนักแน่น

มองเขาที่มีท่าทางจริงจัง ฉินยีเกิดความสับสนวุ่นวายทันทีทันใด: “พี่เขย คุณรู้อะไรมาใช่หรือเปล่า?”

หยางเฉินยิ้มเบาๆ ส่ายศีรษะ: “ไม่มีอะไร คุณเองก็อย่าคิดมาก ฉันก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง คุณไปทำธุระเถอะ!”

ดูจากท่าทางโต้ตอบของฉินยีเมื่อกี้ หยางเฉินก็รู้คำตอบเรียบร้อยแล้ว

ฉินยีให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของโจวยู่ชุ่ยเป็นอย่างมาก ถึงจะนับว่ามาก พวกเธอก็เป็นแม่ลูกกันเช่นกัน

ถ้ามีวันหนึ่ง เกิดทันทีทันใด เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉินต้าหย่ง เป็นโจวยู่ชุ่ยที่ทำจริงๆ ฉินซีกับฉินยี คงจะรับไม่ได้แน่ๆ

ขณะที่ฉินยีเดินตรงไปไปถึงประตูห้องทำงาน ถึงจะหยุดก้าวเดิน: “ถ้าเป็นแม่ที่ทำจริงๆแล้วละก็ ฉันก็คงเสียใจเศร้าโศกเป็นอย่างมาก”

“แต่ว่า ฉันก็ยังเลือกเช่นเดิม ตามวิธีการทางกฎหมายตามปกติ ให้เธอถูกลงโทษทางกฎหมาย!”

“ฉันคิดว่า ถ้าหากเป็นพี่สาว เธอเองก็จะทำแบบนี้เหมือนกัน!”

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้หันกลับมา แต่กลับบอกหยางเฉิน เรื่องทางเลือกของเธอ

เพียงแต่ หยางเฉินไม่มีทางเห็น ฉินยีน้ำตาไหลอาบเต็มใบหน้าอย่างรวดเร็ว

เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมากคนหนึ่ง หยางเฉินถามเธอคำถามนี้ มีความหมายถึงอะไร เธอนั้นเข้าใจอย่างชัดเจนเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ฉินยีจากไป หยางเฉินยืนอยู่ที่หน้าต่างยาวด้านนอก สีหน้าเรียบเฉยเหม่อมองด้านนอก

มองเหมือนสงบนิ่ง แต่ภายในใจของเขานั้นไม่สงบนิ่งเลยแม้แต่นิดเดียว

ถึงแม้ว่าฉินยีจะพูดสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่หยางเฉินก็ยังรู้สึกได้ว่า ภายในใจของเธอโศกเศร้าและสิ้นหวัง

เป็นเพียงแค่เรื่องสมมติ เธอก็เป็นแบบนี้เรียบร้อยแล้ว แล้วถ้าเป็นวันนั้นที่ความจริงปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนล่ะ?

เธอจะเจ็บปวดทรมานมากมายหรือเปล่า?

ฉินซีนั้นยากที่จะรับได้มากมายขนาดไหน?