บทที่ 280 ค้นพบโอกาส

The king of War

“ช่างเถอะ!”

เป็นเวลานาน หยางเฉินถอนหายใจกะทันหัน พูดพึมพำกับตัวเอง: “จะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย เพียงแค่คุณยอมรามือฆ่าพ่อ สิ่งที่คุณทำฉันก็จะทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

ถึงแม้ว่าไม่มีหลักฐาน แต่ว่าเขาเป็นที่แน่นอนเสียส่วนใหญ่แล้วว่า เรื่องฉินต้าหย่งเกิดเรื่องนั้น โจวยู่ชุ่ยเป็นคนทำ

เพียงแค่เขายินยอม ใช้วิธีการที่แข็งกร้าว จะต้องบังคับให้เธอพูดความจริงออกมาได้อย่างแน่นอน

แต่ว่าสมมติว่าความจริงถูกเปิดเผยออกมา ฉินซีและฉินยี ทั้งหมดคงจะต้องเผชิญกับความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก

“ฉันสาบาน นี่จะเป็นโอกาสสุดท้าย!”

หยางเฉินเอ่ยปากพูดออกมาอย่างรวดเร็ว ในสายตานั้นเต็มไปด้วยความหนาวเย็น

มีเพียงตัวของหยางเฉินเองที่เข้าใจ การตัดสินครั้งนี้ สำหรับเขาแล้ว เป็นความยากลำบากมากมาย

ต่อจากนั้น เขาก็โทรศัพท์ พูดกำชับ: “ตรวจสอบเรื่องหนึ่งให้ฉันหน่อย บริษัทในเมืองเอกที่ร่วมทุนความร่วมมือกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ทำไมอยู่ดีๆถึงยกเลิกสัญญากะทันหัน?”

ความจริงแล้ว ภายในใจของเขาพอจะมีเบาะแสอยู่บ้างแล้ว เพียงแต่จำเป็นจะต้องยืนยันให้แน่นอน

เมืองเอก ตระกูลเมิ่ง ณ คฤหาสน์หรูหราแห่งหนึ่ง

วัยรุ่นอายุประมาณสามสิบหนึ่งคน กำลังนั่งอยู่บนโซฟาไม้จันทน์แดงคุณภาพสูง เงยหน้านั่งไขว่ห้าง

“คุณชายเมิ่ง จัดการเรื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว ความร่วมมือทางด้านธุรกิจของเมืองเอกทั้งหมดของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ทั้งหมดยกเลิกสัญญา ความเสียหายของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเองก็มหาศาลเป็นอย่างมาก”

เงาชายวัยกลางคน กำลังยืนอยู่ที่เบื้องหน้าของวัยรุ่น พูดด้วยท่าทางเคารพเป็นอย่างมาก

วัยรุ่นคนนี้นั้นเป็นลูกไฮโซคนหนึ่งในตระกูลเมิ่งเมืองเอก เป็นลูกหลานสายตรงรุ่นที่สามที่ยอดเยี่ยมที่สุด เมิ่งฮุย

มุมปากของเมิ่งฮุยยกขึ้นเล็กน้อย: “ทำได้ดีมาก แต่ว่านี่ยังไม่เพียงพอ ฉันจะให้คุณได้มากที่สุดอีกหนึ่งอาทิตย์ จะต้องทำให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ป ที่สาขาเจียงโจว พินาศย่อยยับไม่มีชิ้นดีทั้งหมด!”

“คุณชายเมิ่ง นี่เกรงว่าจะมีความยากสักหน่อย!” คนวัยกลางคนพูดออกไปอย่างลำบากใจ

“ฉันให้คุณได้แค่เพียงเจ็ดวัน ถ้าหากทำไม่สำเร็จ ผลลัพธ์คงจะร้ายแรงมาก!” เมิ่งฮุยพูดด้วยใบหน้าคุกคาม

คนวัยกลางคนเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก รีบพูดอย่างรีบร้อน: “ครับ คุณชายเมิ่ง!”

“ไปเถอะ!”

หลังจากคนวัยกลางคนจากไป ภายในแววตาของเมิ่งฮุยเผยให้เห็นถึงความจริงจังหนักแน่น พูดพึมพำกับตัวเอง : “หยูเหวินหวูให้เวลาฉันเพียงหนึ่งเดือน ทำให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจวพินาศย่อยยับ ตอนนี้ก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว ฉันจำเป็นต้องเร่งให้เร็วขึ้น!”

เขาให้เวลาคนวัยกลางคนอีกเจ็ดวัน ถ้าหากว่ายังทำไม่สำเร็จ หนึ่งอาทิตย์สุดท้าย เขายังมีโอกาสลงสนามด้วยตัวเอง

เขาถือโอกาสหยิบเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะไม้จันทน์แดงขึ้นมา เปิดออกมาดู

เอกสารฉบับนี้ ทั้งหมดเป็นข้อมูลเฉพาะบุคคลของหยางเฉิน

“คิดไม่ถึง! คุณชายใหญ่ตระกูลอวี๋เหวินผู้สง่างาม ไม่ต้องพูดถึงการเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านภรรยา คาดไม่ถึงว่าจะถูกแม่ยายดูถูกได้ขนาดนี้”

“โจวยู่ชุ่ย ผู้หญิงคนนี้ บางทียังมีค่าพอที่จะใช้ประโยชน์ได้บ้าง!”

เมิ่งฮุยพูดโดยยิ้มตาหยี

เมืองเจียงโจว โรงพยาบาลประชาชน ภายในห้องผู้ป่วยของฉินต้าหย่ง

“พ่อ คุณยังจำได้อยู่ไหม? วันนั้นที่ฉันสอบเข้ามัธยม บนถนนรถติด อยู่ห่างจากสนามสอบเจ็ดแปดกิโลเมตร กระวนกระวายใจจนร้องไห้โฮออกมา”

“ในเวลานั้นเอง คุณขี่จักรยานมาตามหาฉัน ทางคดเคี้ยวขึ้นเนิน คุณขี่อย่างสุดชีวิต พาฉันไปส่งที่สนามสอบได้ทันเวลา”

“สุดท้ายวันที่สอง ถึงขนาดที่เดินบนถนนไม่ไหว”

ตั้งแต่ฉินซีมาถึงโรงพยาบาล ก็นั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยของฉินต้าหย่งตลอดเวลา พูดไม่หยุดเรื่องเหตุการณ์ในวัยเด็ก และก็ไม่กี่วันมานี้ เรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัท

ภายในจิตใจของโจวยู่ชุ่ยร้อนรนหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

มีเพียงเวลาที่เธออยู่กับฉินต้าหย่งเท่านั้น เธอจึงจะสามารถดูทีวี เล่นโทรศัพท์ หรือว่านอนหลับได้

พอฉินซีมา อะไรเธอก็ไม่กล้าทำไปหมด ทำได้เพียงนั่งอยู่ข้างๆ

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เธอหาโอกาสลงมือกับฉินต้าหย่งไม่ได้

“เสี่ยวซี คุณทำแบบนี้ต่อไปอีก พ่อคุณก็ยังไม่ทันตื่นขึ้นมา ตัวคุณเองก็คงจะเหนื่อยหมดแรงไปแล้วนะ”

โจวยู่ชุ่ยทนไม่ไหวจะเอ่ยปากพูด: “ฟังคำแม่นะ กลับบ้านไปพักผ่อนซะ โรงพยาบาลมีฉันอยู่ ก็เพียงพอแล้ว”

ฉินซีส่ายศีรษะเล็กน้อย: “แม่ ฉันไม่เป็นไร แต่กลับเป็นคุณต่างหาก เหนื่อยมาหลายวันแล้ว คืนนี้ฉันจะอยู่ที่โรงพยาบาลเฝ้าเอง คุณกลับบ้านไปเถอะ นอนพักผ่อนให้สบาย”

“ไม่ได้!ไม่ได้!”

โจวยู่ชุ่ยรีบร้อนส่ายศีรษะ พูดด้วยท่าทางหนักแน่นเป็นอย่างมาก: “ตอนนี้บ้านนี้ พวกคุณยุ่งกันหมด ฉันเป็นคนที่ว่างงาน พวกคุณทั้งหมดมาเฝ้าพ่อ ฉันจะสามารถกลับไปได้อย่างไร?”

คำพูดของเธอ กลับทำให้ฉินซีรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก

“แม่ ลำบากคุณแล้ว!”

ฉินซีพูดด้วยตาแดงก่ำ: “รอพ่อหายดีแล้ว ฉันจะโน้มน้าวเขา ถึงตอนนั้นจะให้พวกคุณย้ายกลับมายอดเมฆา อยู่ด้วยกันกับพวกเรา!”

“เสี่ยวซี คุณพูดจริงหรือเปล่า?”โจวยู่ชุ่ยดีใจขึ้นมาทันทีทันใด

“จริงอย่างแน่นอน!”

ฉินซีพยักหน้า พูดต่อไป: “แม่ ความจริงแล้ว หยางเฉินเป็นคนดีมากจริงๆ จากนี้ไป คุณอย่าไปเพ่งเล็งที่เขาอีกเลยได้หรือเปล่า? ถึงอย่างไรยอดเมฆาก็เป็นของเขา ”

“คุณวางใจได้ แม่เองหลายวันนี้ก็ลองคิดทบทวนมากมาย ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจเขาสารพัด แต่ว่าเพื่อคุณ ฉันจะอดทน! หลังจากนี้จะไม่โต้เถียงกับเขา!” โจวยู่ชุ่ยรีบร้อนพูดขึ้น

สาเหตุเป็นเพราะว่าเธออยากจะจัดการทำให้ฉินต้าหย่งตาย และก็เพื่อที่จะกลับไปที่ยอดเมฆา

ตอนนี้เป็นฉินซีเองที่เป็นคนริเริ่มเสนอ ขอเพียงแค่ฉินต้าหย่งตาย เธอก็จะสามารถกลับไปที่คฤหาสน์ได้อย่างราบรื่น

“แม่ ขอบคุณมาก!” ฉินซีพูดอย่างซาบซึ้ง

เวลาแบบนี้ เธอแค่เพียงอยากให้ครอบครัวอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าอย่างมีความสุข

โจวยู่ชุ่ยรู้ดีว่า เวลาที่ฉินซีอยู่นั้น อยากจะลงมือกับฉินต้าหย่งนั้น แท้จริงแล้วไม่มีโอกาสเลย ตอนนี้ทำได้เพียงรอจนถึงตอนเย็น หาวิธีพูดเกลี้ยกล่อมให้ฉินซีจากไป เธอถึงจะมีโอกาสลงมือ

แต่เรื่องที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เธอก็ยังไม่เอ่ยปาก ฉินซียังพูดกับเธออีกว่า: “แม่ คืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าที่นี่เอง คุณกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ!”

“จะทำแบบนี้ได้ยังไงกัน?”

โจวยู่ชุ่ยรีบร้อนปฏิเสธ แสดงท่าทีโศกเศร้าเสียใจ: “พ่อคุณนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันโดนคนเดียวในบ้าน ก็นอนไม่หลับเหมือนกัน?”

“หรือไม่ คืนนี้ คุณกลับยอดเมฆา” หลังจากฉินซีมีความลังเลเล็กน้อย ก็เอ่ยปากพูด

ถ้าเป็นเมื่อก่อน โจวยู่ชุ่ยแทบอยากจะเชิญฉินซีกลับบ้านเดี่ยว แต่ว่าตอนนี้จะไปได้อย่างไรกัน?

“เสี่ยวซี คุณฟังแม่นะ คุณกลับไปนอนที่บ้าน ฉันจะอยู่ที่นี่เฝ้าพ่อคุณก็พอแล้ว”

โจวยู่ชุ่ยพูดด้วยท่าทางโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมด้วยความปรารถนาดี: “นี่เป็นห้องผู้ป่วยระดับพรีเมียมVIP เหมือนที่บ้าน ฉันนั้นอยู่จนชินแล้ว ตอนเช้าคุณเองก็ยังต้องไปทำงาน และยังต้องดูแลเสี้ยวเสี้ยว”

ไม่ว่าโจวยู่ชุ่ยจะโน้มน้าวอย่างไร ฉินซีก็ยังคงยืนหยัดจะอยู่ที่โรงพยาบาล

ตอนที่หมดหนทาง โจวยู่ชุ่ยทำได้เพียงประนีประนอม แต่ว่าเธอเองก็ยืนหยัดที่จะอยู่เช่นเดียวกัน

เป็นแบบนี้ ทั้งสองคนเลยอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งหมด

ฉินซีก็คุยกับฉินต้าหย่งตลอด จนถึงก่อนรุ่งสาง โจวยู่ชุ่ถึงทนไม่ไหวเอ่ยปากโน้มน้าว: “เสี่ยวซี ตอนนี้ก็ตีหนึ่งแล้ว คุณรีบนอนเถอะ! ถึงคุณจะไม่ง่วง พ่อคุณก็ต้องพักผ่อนนะ!”

ฟังคำพูดของโจวยู่ชุ่ ฉินซีถึงจะตระหนักได้ ว่านี่ดึกป่านี้แล้ว

ภายในห้องผู้ป่วยนอกจากเตียงเสริมแล้ว ยังมีโซฟาอีกหนึ่งตัว

จากการที่โจวยู่ชุ่ขอร้องอย่างรุนแรง ฉินซีเลยนอนบนเตียงเสริม ส่วนตัวเธอเองนั้น นอนที่บนโซฟา

ฉินซีเองก็เหนื่อยมากจริงๆเช่นกัน ไม่นาน บนเตียงเสริมก็เปลี่ยนมาเป็นเสียงหายใจสม่ำเสมอกันอย่างฉับพลัน หลับไปแล้วอย่างเห็นได้ชัด

โจวยู่ชุ่เดิมทีนอนหลับอยู่บนโซฟา เปิดตาทั้งคู่ขึ้นมากะทันหัน ลุกขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

เธอรอมาหนึ่งวันเต็มๆ สุดท้ายก็รอจนมีโอกาสแล้ว