ตอนที่ 476 เล่นละคร
“เพียงแต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากขอให้พระชายาช่วยแสดงละคร” มู่จวินฮานยกยิ้ม จู่ ๆ อันหลิงเกอก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ สีหน้าที่แสดงออกมาเช่นนี้หรือว่าเขาอยากสะสางบัญชีกับนาง ?
“ในเมื่อท่านอ๋องขอร้อง เช่นนั้นข้าจะปฏิเสธได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? ”
อันหลิงเกอคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนและในเวลาเดียวกันทุกอย่างก็เป็นไปตามที่คาดไว้
เมื่อสองวันก่อน มู่จวินฮานอยู่กับนักขับร้องสาวแล้วถูกนางจับได้คาหนังคาเขาจนรู้กันไปทั่ว เขาจึงคิดหาข้ออ้างว่าต้องการจัดการองค์ชายเจ็ด
“ภายในจวนแห่งนี้ยังมีคนคิดทำร้ายข้าอยู่มิน้อยเจ้าค่ะ” อันหลิงเกอมองไปยังแผ่นหลังของมู่จวินฮานพลางกล่าวออกไปอย่างคิดดีแล้ว
เป็นอย่างที่คาดไว้จริงเพราะทั้งสองยังมิทันได้ทานข้าว หลิงอวี่หนิงก็มาถึงเรือนแล้ว
“เชี่ยเซินได้ยินเรื่องที่พระชายาออกไปเที่ยวเล่นนอกจวนจึงรู้สึกละอายแก่ใจต่อจวนอ๋องของเราเสียจริง วันข้างหน้าหวังว่าพระชายาจะเป็นตัวอย่างที่ดีเจ้าค่ะ ! ” กว่าที่หลิงอวี่หนิงจะหาโอกาสสร้างผลงานได้มิใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้ามู่จวินฮานก็ต้องทำให้เขาประทับใจมากที่สุด
“อวี่หนิง เจ้าอย่าพูดมากความ รีบไปกันเถิด” อวี๋หมิงหลันรีบตามเข้ามาแล้วดึงแขนเสื้อของหลิงอวี่หนิง นางชำเลืองตามองไปยังสีหน้าของอันหลิงเกอที่เคร่งขรึมราวกับจะฆ่าคน
“ในเมื่อพระชายากล้าทำแล้วมีอันใดที่กล่าวมิได้” หลิงอวี่หนิงมิได้ใส่ใจ
ดวงตาของอันหลิงเกอฉายแววโกรธเคืองออกมาและมิได้มีความละอายใจปรากฏบนใบหน้าสักนิด นางกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ข้าทำอันใดมิต้องให้เช่อเฟยมาวิจารณ์ ! ”
หลิงอวี่หนิงจึงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “พระชายาช่างไร้มารยาทเสียจริง ท่านอ๋องนั้นแสนดี แต่การเลือกคู่ครองช่างแย่เหลือเกิน”
“ข้าอันหลิงเกอเป็นภรรยาเยี่ยงไร เกี่ยวอันใดกับเจ้า ? ” อันหลิงเกอเชิดปลายคางขึ้นแล้วกล่าวอย่างจริงจัง “เจ้าเป็นเพียงชายารองก็คงมิต่างอันใดกับนักขับร้องสาวที่เข้ามายั่วยวนเขา ! ”
“ที่แท้ข้าก็ต้อยต่ำที่สุดในหัวใจของเกอเอ๋อ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง อันหลิงเกอจึงแกล้งทำเป็นตื่นตกใจ จากนั้นก็หันไปมองแล้วพบว่าเป็นมู่จวินฮานที่กำลังแสร้งทำสีหน้าเสียใจอยู่
แม้เขายืนตัวตรงแต่ดูอ้างว้างเดียวดาย ถูกต้องแล้ว การโดนพระชายาดูหมิ่นต่อหน้าทุกคนย่อมมิมีผู้ใดรับได้
ทันทีที่เขาแสดงกิริยาเยี่ยงนี้ออกมา ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็มองไปทางอันหลิงเกอด้วยสายตาตำหนิ ทำให้อันหลิงเกอที่มิเชื่อมั่นในตนเองอยู่แล้วยิ่งหงุดหงิดใจกว่าเดิม
มู่จวินฮานแสดงละครเยี่ยงนี้กลับทำให้นางกลายเป็นคนเลวทันที
ดูท่าแล้วนางต้องสร้างสีสันให้มู่จวินฮานสักหน่อย แสดงละครด้วยกันมิดีหรือ ?
ต่อหน้าทุกคน เรื่องที่ทำให้น่าเวทนาที่สุดก็คือการแสดงความทุกข์
ดังนั้นใบหน้าที่งดงามของอันหลิงเกอจึงเปลี่ยนสีทันควัน น้ำตาที่นางบีบเค้นเอ่อล้นออกมา จากนั้นก็หันไปมองมู่จวินฮานด้วยดวงตาแดงก่ำและกล่าวว่า “ข้าพูดผิดตรงไหนหรือเจ้าคะ ? ท่านกับนักขับร้องสาว…”
“ท่านทำเรื่องอันใดไว้ ตัวท่านเองยังมิรู้อีกหรือเจ้าคะ ! ”
“หากข้ามิไปเห็นบนถนนด้วยตาแล้วจะสร้างเรื่องใส่ร้ายท่านปากเปล่าด้วยเหตุใดเจ้าคะ หากมิใช่เพราะท่านสร้างความผิดบาปด้วยตนเอง ข้าจักร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าทุกคนมิได้หรือเจ้าคะ ? ”
ทุกคนพากันตกตะลึงไปชั่วขณะ อันหลิงเกอผู้นี้เปลี่ยนหน้าเก่งเสียจริง บอกให้เปลี่ยนก็เปลี่ยน เมื่อครู่ยังอารมณ์ฉุนเฉียวฟ้าคะนอง บัดนี้เปลี่ยนเป็นฝนตกต่อเนื่อง ร้องไห้เสียใจมิหยุดแล้ว
อันหลิงเกอปาดน้ำตาแล้วลอบมองทุกคนที่อยู่ในเรือนอย่างพิจารณาด้วยความรู้สึกดีใจเพราะคาดมิถึงว่าความน่าเวทนานี้ก็ใช้ได้ผล
พรุ่งนี้นางต้องไปร้องห่มร้องไห้ต่อหน้ามู่เหล่าหวางเฟยเสียหน่อย มิแน่ว่าอีกฝ่ายอาจช่วยนางสั่งสอนมู่จวินฮานก็ได้
อันหลิงเกอยิ่งคิดยิ่งชอบใจ นางจึงแสดงความภูมิใจออกมาทางแววตาโดยมิปิดบังซึ่งการกระทำทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของมู่จวินฮาน นัยน์ตาของเขาจึงฉายแววร้ายกาจออกมา และความอ่อนโยนทางสีหน้าก็เหมือนหายไปแล้ว
เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วเข้าไปโอบไหล่ของอันหลิงเกออย่างลึกซึ้ง
อันหลิงเกอตัวแข็งทื่อทันใดเพราะสัญชาตญาณในตัวของสตรีทำให้นางรู้สึกว่ากำลังมีบางอย่างผิดปกติ
“ที่แท้เจ้าก็ตำหนิข้ามาโดยตลอด” มู่จวินฮานแสดงสีหน้าตำหนิตนเอง จากนั้นก็พึมพำความรู้สึกจริงออกมาต่อหน้าทุกคน มีเพียงหลิงอวี่หนิงกับอวี๋หมิงหลันที่ได้แต่ยืนกัดฟันอยู่ด้านข้าง
“นี่เรื่องอันใดกันแน่เจ้าคะ ? ” หลิงอวี่หนิงยังมิเชื่อ “ท่านอ๋องมิต้องปกป้องนางหรอกเจ้าค่ะ พระชายาทำผิดก็ควรได้รับการลงโทษเจ้าค่ะ”
มู่จวินฮานกวาดสายตาคมกริบมอง “ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องในครอบครัว มิควรพูดต่อหน้าทุกคน”
“ท่านคิดมากอันใดอีกเจ้าคะ ? ” อันหลิงเกอถลึงตาใส่เขาอย่างโหดร้าย
มู่จวินฮานโค้งกายเล็กน้อย จากนั้นก็กระซิบข้างหูของนางว่า “พระชายามิพอใจข้าเพราะช่วงนี้ข้ามิได้เอาอกเอาใจเจ้าใช่หรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอหน้าแดงเรื่อทันใด จากนั้นก็กระทืบเท้าของมู่จวินฮานเต็มแรง เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน นางก็ด่าเขาและวิ่งหนีไป
ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่มิเข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้นก็สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจน พระชายามิได้โกรธเคืองท่านอ๋องจริง ดูท่าแล้วแค่น้อยใจเท่านั้น
มิรู้ว่าเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไปข้างนอกได้เยี่ยงไร มิรู้ว่าเรื่องที่ ‘ขาดการเอาอกเอาใจ’ ของสองสามีภรรยาหลุดออกจากปากบ่าวคนไหน ทุกคนจึงทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
อีกด้าน อันหลิงเกออยู่ในสวนพร้อมทำลายดอกไม้ที่น่าสงสารจนพังยับพลางก่นด่าออกไป “มู่จวินฮาน คนสารเลว ! แสดงละครได้เก่งนักใช่หรือไม่ ? มิใช่ข้าหรือที่เสียเปรียบ ! ”
อันหลิงเกอระบายโทสะอยู่ในนี้ ส่วนคนที่โดนสาปแช่งก็ยืนมองทางด้านหลังเงียบ ๆ เมื่อเห็นสวนดอกไม้โดนทำลายมิเหลือชิ้นดี มู่จวินฮานจึงเอ่ยออกไป
“เมื่อครู่พระชายารังเกียจข้าหรือ ? ”
น้ำเสียงหาเรื่องเช่นนี้ทำให้อันหลิงเกอเข้าสู่การทำสงครามขั้นหนึ่งอีกครั้ง นางหันไปตำหนิมู่จวินฮานอย่างโหดร้าย “ท่านทำให้ข้ากลายเป็นคนโง่ต่อหน้าทุกคน วันข้างหน้าท่านได้เจอดีแน่ ! ”
เขาหัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็มองไปทางอันหลิงเกอด้วยสายตาลึกซึ้ง “ข้าเต็มใจ”
อันหลิงเกอมิอยากคุยกับเขาจึงเตรียมเดินจากไป
ทั้งสองชอบทะเลาะวิวาทกัน ท่าทางโวยวายเยี่ยงนี้มองแล้วก็เหมาะสมกันอยู่มิน้อย
“วันนี้ดูเหมือนเกอเอ๋อว่างงาน” คนที่อยู่ด้านหลังมิยอมปล่อยนางไป ราวกับว่าพักมิได้ถ้ามิทำให้นางโกรธเสียก่อน “ในห้องหนังสือของข้ายังมีงานบางส่วนที่ต้องการเกอเอ๋อไปช่วย”
อันหลิงเกอจึงหยุดเดินทันที จากนั้นก็หันไปมองด้วยตาแดงก่ำพร้อมตวาดออกไป “มิทำเจ้าค่ะ ! ”
“เจ้ากำลังตรวจสอบโรงเกลืออยู่มิใช่หรือ ? ” มู่จวินฮานเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา
อันหลิงเกอพูดกับเขาโดยมิหันไปมอง “สมเป็นท่านอ๋อง ท่านคาดเดาไว้แล้วสินะเจ้าคะ”
มู่จวินฮานเม้มปากและกล่าวว่า “ต่อให้เจ้าอัดอั้นตันใจ แต่ข้าก็ยังคิดว่าเจ้ามิควรเข้ามายุ่งเกี่ยวดีกว่า เรื่ององค์ชายเจ็ด ข้าต้อง…”
“เรื่องนี้ข้ารับมือเขาเองเจ้าค่ะ ! ” นางยืนยันหนักแน่น
มู่จวินฮานจึงรีบเข้าไปดึงตัวอันหลิงเกอแล้วเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้เนื่องจากเมื่อครู่ต้องเล่นละคร นางจึงร้องไห้ได้น่าเวทนาจริง ๆ เขาเช็ดหน้าจนอันหลิงเกอตวาดไปว่า “ท่านอ๋อง ! แป้งทาหน้าของข้าหลุดหมดแล้ว ท่านมิต้องเช็ดให้เจ้าค่ะ”
นางสะบัดมือของมู่จวินฮานออกแล้วปิดหน้าพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงทักท้วงว่า “เหตุใดท่านอ๋องชอบรังแกข้าอยู่เรื่อยเจ้าคะ ? ”