นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 503 ฝันร้าย
ไม่ต้องถามเลยว่าพอข่าวนี้ออกไป ทำให้เชื่อของซูฉิงกับโจเซฟเป็นคำที่ค้นหามากที่สุดติดอันดับสิบ มีชาวเน็ตไม่น้อยเข้ามาคอมเมนท์ ให้ความรู้สึกเหมือนกับชอบนินทาเรื่องชาวบ้าน และยังมีเรื่องของแฟนคลับของฮ่อหยุนเฉิง รีบเข้ามาพูดเสียดสีซูฉิง แน่นอนว่าก็มีคนที่ชื่นชอบทั้งสองคนนี้เข้ามาให้การสนับสนุน เลยกลายเป็นสงครามคีย์บอร์ดขึ้นในทันที

“ซูฉิง ซูฉิง!”

ฮ่อหยุนเฉิงที่เข้าไปในจุดชมวิวแล้วก็ไม่มีอารมณ์มาสนใจว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น ลมฝนก็ตกลงมาไม่หยุด ฝนที่ตกหนักลงมาใส่ตัวเขา พวกบอดี้การ์ดก็แยกย้ายกันตามหาซูฉิงกับโจเซฟ

ระหว่างทางก็มีพวกดินโคลน ฮ่อหยุนเฉิงยิ่งเป็นห่วง เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับซูฉิง โดยเฉพาะที่อย่างนี้ สภาพแวดล้อมอย่างนี้

“ซูฉิงเธออยู่ที่ไหน ได้ยินฉันแล้วก็ส่งเสียงตอบฉันหน่อย!”เขาเดินเข้าไปต่อ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

หลังจากที่ซูฉิงกับโจเซฟกินขนมปังท้องสองห่อหมดแล้ว ความรู้สึกหิวก่อนหน้านี้ก็คลี่คลายลง โจเซฟพิงไปกับผนังถ้ำ เหลือบมองไปด้านบนอยู่นานถึงได้เอ่ยขึ้นว่า

“ซูฉิง เธอว่าพวกเราจะออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่”

“ฉันก็ไม่รู้……”ซูฉิงตอบด้วยเสียงที่อ่อนแรง เหนื่อยมาทั้งวัน เธอกว่าจะได้พัก ความง่วงก็ผุดขึ้นมาราวกับน้ำผุด แต่ก็พยายามฝืนไว้ เพราะอากาศข้างนอกหนาว นอนก็นอนไม่หลับ

เธอหาวอย่างขี้เกียจอยู่หลายครั้ง “อย่างช้าก็น่าจะเป็นพรุ่งนี้เช้า หลังจากที่เปิดจุดชมวิว ตอนนี้น่าจะปิดแล้ว น่าจะไม่มีใครมาตามหาพวกเรา…….นายก็ทนๆ หน่อย พรุ่งนี้ฉันจะพานายออกไป จากนั้นก็ขับรถพานายไปทำแผลที่โรงพยาบาล

………………

โดยรอบตัวเธอล้วนมีแต่ความมืด หลิวเสี่ยยวหนิงยืนอยู่กับที่ แล้วเธอเดินไปรอบๆ ความเงียบที่เข้ามารายล้อมเธอ

“มีคนมั้ย”

หลิวเสี่ยวหนิงตะโกนถาม แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครส่งเสียงตอบกลับมา

ทันใดนั้นเองเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลัง แต่พอหันกลับมามองก็ไม่มี ยิ่งทำให้หลิวเสียวหนิงรู้สึกหวาดกลัว เธอรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น แล้วก็ก้าวถอยไป

เหมือนจะได้ยินเสียงแว่วๆ หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เธอเหมือนจะรู้มองไปข้างหน้าแล้ววิ่งออกไป

“ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย!”

หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกว่ามีคนหรืออะไรตามมาจากข้างหลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เหมือนจะเข้ามาจับตัวเธอ หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกกลัวมา จนเสียงสั่น

จากนั้นก็เสียงตะโกน เสียงหัวเราะดังขึ้นข้างหูของเธอ หลิวเสี่ยวหนิงที่อยู่ในความมืดตะโกนเรียกกลับล้มลงที่พื้น

เธอขดตัวลงอย่างระมัดระวัง เหมือนความมืดจะกลืนกินตัวเอง ด้วยแววตาที่แดงก่ำ

หลิวเสี่ยวหนิงอยากจะลุกขึ้นมากลับพบว่าที่ขาของตนมีโซ่ใส่ไว้ ทำให้เธอเดินไปไหนไม่ได้ จากนั้นข้อมือ คอของเธอก็มีโซ่ด้วยเหมือนกัน เหมือนจะทำให้ให้เธอหายใจไม่ออก

และตอนที่หลิวเสี่ยวหนิงใกล้จะหมดความหวังแล้ว มีมือข้างหนึ่งยื่นมาตรงหน้าของเธอ ท่าทางเหมือนอยากจะฉุดเธอขึ้นมา

เหมือนจะมองเห็นความหวังครั้งสุดท้ายก็ไม่ปาน หลิวเสี่ยวหนิงเงยหน้าขึ้นมอง และใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว

ฉินชั่งเบี่ยงหน้าพร้อมกับยกยิ้มแปลกๆ ออกมา :”ไม่ต้องกลัว”

“อย่าเข้ามา……อย่าเข้ามา……..”

ผู้จัดการของหลิวเสี่ยวหนิงตกใจตื่นจากเสียงร้องของหลิวเสี่ยวหนิง เธอรีบเข้ามาหาเธอในห้อง ก็พบว่าเหมือนหลิวเสี่ยวหนิงกำลังฝันร้าย เหงื่อชุ่มไปทั้งหัว

“เสี่ยวหนิง เสี่ยวหนิง! ตื่นสิ!”

หลังจากที่ส่งหลิวเสี่ยวหนิงแล้ว ผู้จัดการเห็นสีหน้าเธอไม่สู้ดี เลยอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วยความเป็นห่วง และตอนนี้ก็เกิดปัญหาจนได้

เธอยื่นมือไปตบหลิวเสี่ยวหนิง ทำให้เธอตื่นจากฝันร้าย กลับพบว่าพอมือโดนหน้าของหลิวเสี่ยวหนิงที่ร้อน

“เสี่ยวหนิง!” ผู้จัดการอิงหน้าผากของหลิวเสี่ยวหนิง ก็พบว่าตัวร้อนมาก

ผู้จัดการคิ้วขมวดด้วยความเป็นห่วง มองดูท้องฟ้าข้างนอกที่เริ่มสว่าง เตรียมจะพาหลิวเสี่ยวหนิงไปส่งโรงพยาบาล แต่โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้น

เธอล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาดูก็เห็นว่าเป็นจินจิ่นหรานโทรมา พอนึกขึ้นมาได้ว่าหลิวเสี่ยวหนิงเคยพูดกับตนว่าจินจิ่นหรานเป็นหมอ ผู้จัดการเหมือนจะหาทางช่วยได้แล้วรีบดรับสาย

“อาการของเสี่ยวหนิงดีขึ้นมั้ย”

จินจิ่นหรานที่นอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเป็นห่วงหลิวเสี่ยวหนิง กลัวว่าถ้าโทรหาตอนกลัวคืนจะรับกวนการพักผ่อนของเธอ แต่ว่าตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว เลยต่อสายโทรหาผู้จัดการ

แต่ทว่าความจริงยืนยันแล้วว่าจินจิ่นหรานเป็นห่วงนั้นถูกแล้ว

“คุณหมอจิน รบกวนคุณมาที่นี่จะได้มั้ยคะ เสี่ยวหนิงเธอฝันร้าย และยังไข้ขึ้นตัวร้อน”ผู้จัดการที่ทั้งพูดทั้งเอาผ้าเย็นเช็ดหน้าให้กับหลิวเสี่ยวหนิง เพื่อให้อุณหภูมิลดลง

จินจิ่นหรานได้ยินอย่างนั้นเลยรีบไปที่พักของหลิวเสี่ยวหนิง

หลังจากเขาไปถึงแล้ว หลิวเสี่ยวหนิงไม่ละเมอฝันร้ายแล้ว แต่ว่าไข้ยังไม่ลด จินจิ่นหรานเห็นอย่างนั้นแววตาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกสงสาร แล้วรีบทำการรักษาหลิวเสี่ยวหนิง

ดีที่จินจิ่นหรานมาทันเวลาและรักษาอาการไข้ตัวร้อนของหลิวเสี่ยวหนิงทำให้ไข้ลดลง ผู้จัดการที่ทำหน้าตื่นตนกถึงได้ถอนหายใจโล่ง

“เมื่อวานเธอได้รับการตกกระเทือนจิตใจ เลยทำให้ไข้ขึ้นและฝันร้าย อยากจะติดอยู่ในจิตใจของเสี่ยวหนิง “จินจิ่นหรานหันไปมองหลิวเสี่ยวหนิง แล้วก็มองมาที่มือของตัวเองที่กำแน่น

“ต้องไปพบจิตแพทย์มั้ยคะ”ผู้จัดการถามอย่างเป็นกังวล

“ต้องดูอาการหลิวเสี่ยวหนิงหลังจากตื่นขึ้นมา แล้วค่อยว่ากันว่าจะรักษายังไง”

จินจิ่นหรานสูดลมหายใจเข้า พูดด้วยเสียงพร่า :”เป็นเพราะผม ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะผมพาเธอออกไป…..”

ผู้จัดการมองจินจิ่นหรานเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ สุดท้ายก็เอ่ยพูดเบาๆ:”คุณหมอจิน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้”

ริมฝีปากของจินจิ่นหรานสั่นเทา สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

และทันใดนั้นเอง หลิวเสี่ยวหนิงที่นอนอยู่บนเตียงก็เหมือนจะฟื้นแล้ว

เธอเหมือนจะรู้ตัวแล้วมองไปรอบๆ หลังจากพบว่าเป็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย ตัวที่เกร็งก็ค่อยๆผ่อนคลาย

“เสี่ยวหนิง เธอฟื้นแล้ว มีตรงไหนไม่สบายมั้ย”

จินจิ่นหรานที่คุกเข่าข้างเตียงของหลิวเสี่ยวหนิง แล้วก็เอ่ยถามอย่างช้าๆ

“นาย……นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”หลิวเสี่ยวหนิงกะพริบตา หลังจากแน่ใจแล้วว่าเป็นห้องนอนของตัวเองก็มองหน้าจินจิ่นหรานด้วยความแปลกใจ

“เธอไข้ขึ้นแล้วฝันร้าย เป็นคุณหมอจินมารักษาเธอ”ผู้จัดการเป็นคนตอบแทน

พอได้ยินว่าฝันร้าย หลิวเสี่ยวหนิงก็เกร็งหดตัวลง

“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัว”จินจิ่นหรานเห็นอย่างนั้นก็รีบพูดปลอบหลิวเสี่ยวหนิง

เสียงที่เบามากของเขากลับทำให้รู้สึกเหมือนมนต์ที่ทำให้สงบใจ