ตอนที่ 504 ซูฉิงมีอะไรดี

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 504 ซูฉิงมีอะไรดี
หลิวเสี่ยวหนิงพยายามพยุงตัวลุกขึ้น มองเห็นผู้จัดการของตัวเองที่วางสายแล้วแต่ก็ยังมีสายโทรเข้ามาอีกหลายสาย ก็อดที่จะพูดขอโทษไม่ได้:”พี่เฉิน ขอโทษด้วยนะคะ ต้องโทษฉันไม่ดีเอง ทำให้พี่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน ฉันจำได้ว่าเหมือนพี่จะยังไม่งานอยู่ไม่น้อย ฉันไม่เป็นไรแล้ว อยากทำให้ฉันต้องเป็นตัวถ่วงงานของพี่เลย”

“ไม่เป็นไร ฉันได้ขอลากับบริษัทแล้ว “ผู้จัดการยิ้มพูด แต่ว่าโทรศัพท์กับไม่ไว้หน้าเธอเลยดังขึ้นมาต่อหน้า

เห็นผู้จัดการที่จะกดวางสายแล้ว หลิวเสี่ยวหนิงก็รีบพูดห้าม:”ฉันไม่เป็นไรแล้ว พี่รีบไปทำงานเถอะ อย่าเสียเวลาเลย และจินจิ่นหรานก็อยู่ที่นี่ และเขาก็เป็นหมอ”

ดูท่าหลิวเสี่ยวหนิงกับจินจิ่นหรานจะมีความสัมพันธ์ที่ดี ผู้จัดการก็ไม่พูดอะไร กำชับหลิวเสี่ยวหนิงแล้วก็เดินออกไป

จินจิ่นหรานมองดูปลอดวัดไข้ที่วัดให้กับหลิวเสี่ยวหนิง พอแน่ใจแล้วว่าเธอไข้ลดแล้วถึงได้พับแขนเสื้อขึ้น:”เดี๋ยวฉันทำอะไรให้เธอกินสักหน่อย เธอจะได้มีแรง”

“ไม่ต้อง รบกวนเปล่าๆ “หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกเกรงใจ เลยพูดห้ามเขาไว้

“เธอเป็นคนป่วย ฉันดูแลเธอก็สมควรแล้ว อีกทั้งแม้ฉันจะไม่ใช่หมอ……..”จินจิ่นหรานหยุดพูดแล้วหันไปจ้องตาหลิวเสี่ยวหนิง พูดเสียงขรึมว่า

“ในฐานะที่เธอเป็นเพื่อน ก็เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ”

“ขอบคุณนายมากนะ”หลิวเสี่ยวหนิงยกยิ้ม เหมือนเธอจะจะอึ้ง ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่

หลังจากกินอาหารง่ายๆ แล้ว หลิวเสี่ยวหนิงก็รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว เธอพ่นลมหายใจออกมา แต่คิ้วก็ขมวดไม่คลาย

ที่จริงแล้วจินจิ่นหรานก็สังเกตหลิวเสี่ยหนิง ว่าเธอยังมีท่าทีตื่นกลัวอยู่

จินจิ่นหรานรู้อยู่แก่ใจดีว่าตอนนี้หลิวเสี่ยวหนิงยังตื่นกลัวอยู่ แต่เขาก็ไม่แสดงออกมา แต่คอยอยู่ข้างๆ เธอเงียบๆ

เพียงไม่นาน จินจิ่นหรานก็ได้ยินหลิวเสี่ยงหนิงบอกว่าจะไปพบหมอจิตแพทย์ เขาก็รีบพาหลินเสี่ยวหนิงไป

“เสี่ยวหนิง เธอไม่ต้องกังวลนะ ทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดเรื่องที่ไม่มีความสุข “จินจิ่นหรานที่ทั้งขับรถและทั้งไม่ลืมพูดปลอบหลิวเสี่ยวหนิง

“อืม” หลิวเสี่ยวหนิงคิดแล้วพยักหน้า

…………..

วิลล่าตระกูลสวี

“นายว่าอะไรนะ”

สวีหว่านเอ๋อร์มองคนที่อยู่ตรงหน้า คิ้วขมวด

คนพวกนี้หล่อนให้ไปจับตัวหลิวเสี่ยวหนิง ผลปรากฏว่าตอนนี้กลับหน้าช้ำดำเขียวมาหาเธอ

“คุณหนูสวี คนพวกเราจับตัวคนมาได้แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าจะมีคนพวกนั้นเข้ามา พวกลูกน้องของเราก็หนีแตกกระเจิง ไม่งั้นก็คงเอาชีวิตไม่รอด”

คนที่เป็นหัวหน้าหุ่นร่างบึกบึนที่พูดไม่ค่อยถนัด

เดิมทีนั้นคิดว่างานนี้ง่ายมาก

แต่ใครจะรู้ว่าจะเจอกับความยุ่งยากขนาดนี้

แต่ว่าเพราะเหตุนี้ พวกเขาถึงได้มีความกล้ากลับมาเอาเงินกับสวีหว่านเอ๋อร์มากกว่าเดิม

“คนพวกนั้น………”สวีหว่านเอ๋อร์พูดพึมพำคนเดียว แต่ในใจก็พอจะเดาออกแล้ว

สามารถตามหาหลิวเสี่ยวหนิงได้ทันเวลาอย่างนี้จะต้องเป็นฮ่อหยุนเฉิงแน่

มือของสวีหว่านเอ๋อร์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็กำหมัดแน่น เธอไม่รู้ว่าซูฉิงใส่อะไรเข้าไปให้ฮ่อหยุนเฉิงกิน ถึงได้หลงขนาดนี้ ทำให้เขายอมตามเพื่อจะช่วยเหลือเธอ!

“คุณหนูสวี……..”เห็นสวีหว่านเอ๋อร์ไม่พูด พวกนักเลงก็ผลักให้คนเป็นหัวหน้าเอ่ยพูด

“มีเรื่องอะไรอีก”สวีหว่านเอ๋อร์ที่ตอนนี้โมโหมาก เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“คุณหนูสวี พวกเราได้รับบาดเจ็บสาหัส เงินที่คุณให้เรามาก่อนหน้านี้ไม่พอที่จะให้พวกเราไปรักษา “คนเป็นหัวหน้าอ้ำๆ อึ้งๆ พูดขึ้นมา

“เงินงั้นหรอ”สวีหว่านเอ๋อร์หรี่ตาลง มองอย่างเบื่อหน่าย “รู้แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะให้นายอีกห้าล้าน พอมั้ย”

แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่สวีหว่านเอ๋อร์อยากจะไล่พวกมันออกไปเร็วๆ

แต่ถ้าทำอย่างนี้ เรื่องที่ตนหาคนไปจับตัวหลิวเสี่ยวหนิงอาจจะแพร่งพรายออกไป และสวีหว่านเอ๋อร์ก็ไม่อยากจะให้มันเป็นอย่างนั้น

“พอๆ ครับ”พวกนักเลงมองสบตากัน แล้วก็กลับมาด้วยความพอใจ

หลังจากที่รอให้พวกนั้นกลับไป สวีหว่านเอ๋อร์ก็แสดงท่าทางร้ายออกมา เธอตบเข้าไปที่โต๊ะอย่างแรง แล้วพูดกับตัวเอง:”พวกสวะไม่ได้เรื่อง! แค่ผู้หญิงคนเดียวยังทำอะไรไม่ได้”

สวีหว่านเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดูโทรศัพท์ที่ฉินชั่งโทรมาหลายสาย นึกถึงเรื่องที่เขาเจอ ก็ยกยิ้มเย็นชาออกมา

ไอ้ผู้ชายเจ้าชู้นี่ ก็ไม่ได้เรื่อง

แต่วินาทีต่อมา เหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบไปที่บริษัทพี่ชายของเธอสวีมู่หยาง

“เธอมาได้ยังไง”

สวีมู่หยางรู้สึกแปลกใจที่สวีหว่านเอ๋อร์มาถึงที่นี่ และเห็นสีหน้าของน้องสาวไม่ดี เลยถามอย่างเป็นห่วง”ใครทำให้เธอโมโหกัน”

สวีหว่านเอ๋อร์ที่อยากจะด่าทอซูฉิงออกมา แต่สุดท้ายก็อดทนไว้

เธอเข้ามานั่งที่โซฟาข้างๆ มองสวีมู่หยางแล้วเอ่ยถาม:”พี่คะ ซูฉิงทางนั้น พี่จัดการเป็นถึงไหนแล้ว”

พอได้ยินอย่างนั้นสวีมู่หยางก็อึ้ง จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ :”ทำไมหรอ”

“ทำไมอะไรกัน พี่รีบไปจีบเธอให้ติดเลยนะ!”สวีหว่านเอ๋อร์พูดเสียงสูงกว่าเดิม

ถ้าหากพี่ชายของเธอจีบซูฉิงติดจริงๆ ละก็ จะดูสิว่าตนจะจัดการยัยแพศยานี้ไม่ได้

แต่ทว่าสวีมู่หยางเวลานี้ไม่ได้สนใจสีหน้าของสวีหว่านเอ๋อร์ เขาเอนตัวไปด้านหลัง นึกถึงเรื่องที่เข้าไปใกล้ชิดกับซูฉิงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้เขาเชื่อคำพูดของสวีหว่านเอ๋อร์ นึกว่าซูฉิงเป็นผู้หญิงชอบโกหก แต่ทว่าเขาอยู่กับซูฉิงในทุก ๆ วัน สวีมู่หยางพบว่าซูฉิงนั้นพิเศษมาก

เธอมีนิสัยเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมาก จัดการเรื่องไหนก็ล้วนทำออกมาได้ดี อยู่กับเธอแล้วรู้สึกสบายใจ

สวีมู่หยางคิดว่าบางทีหลังจากนี้ผู้หญิงสวยมีความสามารถอย่างนี้ถึงจะเหมาะกับตน

“พี่คะ”สวีหว่านเอ๋อร์หันไปมองสวีมู่หยางที่ยังอ้ำอึ้งอยู่ อดที่จะสงสัยไม่ได้”สวีมู่หยาง!”

สวีมู่หยางก็ถึงได้ดึงสติกลับมา เขาหันไปมองสวีหว่านเอ๋อร์ ถึงได้เอ่ยถาม:”ถ้าหากว่าพี่จีบซูฉิงได้ เธอจะยอมให้ซูฉิงเป็นพี่สะใภ้เธอมั้ย”

“อะไรนะ”

สวีหว่านเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าพี่ชายของตนเองจะพูดอย่างนี้ออกมา เธอจ้องหน้าสวีมู่หยางเหมือนจะสัมผัสอะไรได้

“ซูฉิงนั้นเหมาะกับตำแหน่งคุณนายของตระกูลสวี”สวีมู่หยางลูบคางของตัวเองแล้วพูดกับตัวเอง

“พี่!”สวีหว่านเอ๋อร์ร้องเรียก แล้วลุกขึ้นยืน ทำให้สวีมู่หยางตกใจ

“เธอเป็นอะไร ตกใจหมดเลย วันนี้ใครทำให้เธอโกรธกันหึ “สวีมู่หยางเงยหน้าขึ้นมอง

สวีหว่านเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้า หลับตาสงบสติอารมณ์:”ไม่มีอะไร งั้นพี่ก็จีบซูฉิงให้ติดให้ฉันดูสิ”

พอพูดจบสวีหว่านเอ๋อร์ก็เหยียบรองเท้าส้นสูงเดินออกไปแต่แววตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น

เธอทำไมถึงคิดไม่ถึงนะว่าสวีมู่หยางจะชอบผู้หญิงแพศยาซูฉิงขึ้นมาจริงๆ

ซูฉิงมันมีอะไรดี คนตั้งเยอะถึงได้รุมล้อมเธอ!

สวีหว่านเอ๋อร์มองเงาตัวเองผ่านหน้าต่างกระจก กัดฟันสีเงินแทบหักแหลก