นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 505 เจอกันโดยบังเอิญ
หลังจากทำการรักษาพักฟื้นร่างกายดีแล้ว ตอนนี้อาการของหลิวเสี่ยวหนิงก็ดีมากขึ้นไม่น้อย ชีวิตการทำงานก็กลับมาปกติแล้ว
“อืม ไม่เป็นไรแล้ว”หลิวเสี่ยวหนิงคุยโทรศัพท์พูดตอบปลายสายเสียงเบา
“โอเค จะต้องพักผ่อนนะ มีเรื่องอะไรก็ติดต่อโทรหาฉันได้”เสียงของจินจิ่นหรานที่ดังมาตามสาย
“หลายวันมานี้ต้องขอบคุณนายนะ ที่คอยอยู่เป็นเพื่อนฉัน “พอพูดมาถึงตอนนี้หลิวเสี่ยวหนิงก็นึกขึ้นมาได้ว่าจินจิ่นหรานได้ช่วยเหลือตัวเองเยอะมาก
ทั้งสองคุยกันไปเรื่อย ทางฝั่งของจินจิ่นหรานมีคนไข้ทำให้ต้องวางสาย
“คุณหมอจินอีกแล้วหรอ”ผู้จัดการเอ่ยถาม
“เอ่อ ใช่แล้ว หลายวันมานี้เขาช่วยเหลือฉันตั้งเยอะ ฉันก็ต้องขอบคุณเขา”หลิวเสี่ยวหนิงตอบเสียงเบา
“ฉันคิดว่าหมอจินคนนี้มีอะไรพิเศษนะ “ผู้จัดการยิ้มกระหยิ่มเริ่มเม้ามอย
“หมอจินเป็นอะไรหรอ “หลิวเหสี่ยวหนิงรีบก้มดูข้อความที่ซูฉิงส่งมา ไม่ได้ฟังผู้จัดการพูดชัดเจน
พอลงจากรถ ผู้จัดการก็ยิ้มส่ายหน้า:”ไม่มีอะไร ถึงบริษัทแล้ว”
“แปลกจัง”หลิวเสี่ยวหนิงพึมพำกับตัวเองพร้อมกับเดินลงจากรถตู้
ข้างนอกแสงแดดแรงมากจนทำให้หลิวเสี่ยวหนิงลืมตาไม่ขึ้น เธอเลยยกมือขึ้นมาบังแดด แล้วรู้สึกแปลกขึ้นมา
“อย่าคิดมากหลิวเสี่ยวหนิง ตั้งใจทำงานเถอะ”หลังจากตั้งสติได้แล้ว หลิวเสี่ยวหนิงตบหน้าตัวเองเบาๆ แล้วเดินเข้าไปในบริษัท
แต่วินาทีต่อมา หลิวเสี่ยวหนิงที่กำลังตั้งใจทำงานก็เริ่มคิดมาก
ไม่ใช่เพราะอะไรเลย เพียงเพราะว่าตอนที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดก็มีมือของใครเข้ามาขวางไว้
และก็เห็นเป็นเฉินจุนเหยียนที่เดินเข้ามา หลิวเสี่ยวหนิงถึงกับอึ้ง
“ขอโทษด้วยนะ “เฉินจุนเหยียนยิ้มให้แล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับหลิวเสี่ยวหนิง ยิ้มให้เธอพร้อมกับพูด”บังเอิญจังเลยนะ”
“ห๊า รุ่นพี่เฉิน……….บังเอิญจัง”
หลิวเสี่ยวหนิงพยักหน้า คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับเฉินจุนเหยียนที่ลิฟต์ และนึกถึงตัวเองที่วันนี้แต่งตัวไม่ค่อยเหมาะสม เหมือนรีบออกมาจากบ้าน หน้าก็ไม่ได้แต่งเลย
“หลายวันมานี้ไม่เห็นเธอที่บริษัทเลย ผู้จัดการของเธอบอกว่าเธอหยุดพักผ่อนหรอ”เฉินจุนเหยียนหันไปมองหลิวเสี่ยวหนิงแล้วเอ่ยถาม
นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หลิวเสี่ยวหนิงก็เหลือบตาลง :”เอ่อ…….มีธุระนิดหน่อย…..เลยหยุดพักไปหลายวันค่ะ”
ถ้าหากเฉินจุนเหยียนรู้เรื่องนั้นขึ้นมาจะคิดยังไงนะ
ภายในลิฟต์ก็เกิดความเงียบขึ้นมา หลิวเสี่ยวหนิงมองลิฟต์ที่เลื่อยขึ้นไปทีละชั้น ในใจก็มีความลังเลว่าจะพูดอะไรลิฟต์ก็หยุดเสียก่อน
ทันใดนั้นพนักงานก็เข้ามาในลิฟต์ แม้แต่อุปกรณ์ถ่ายต่างๆ ก็เอาเข้ามาด้วยทำให้ลิฟต์แน่น
จนทำให้หลิวเสี่ยวหนิงขยับตัวเข้าไปติดกับเฉินจุนเหยียน
ทั้งสองที่อยู่ในระยะประชิด ตัวของหลิวเสี่ยวหนิงแข็งทื่อแม้แต่หายใจออกมาก็ยังหายใจออกมาเบาๆ
เธอกัดริมฝีปากเบาๆ แล้วก็ก้มมองเท้าตัวเอง
ความคิดเพ้อฝันเกิดขึ้นมาในหัว หลิวเสี่ยวหนิงอยากจะให้เวลาหยุดอยู่ตรงหนี้จริงๆ
เหมือนว่าจะมีแค่อย่างนี้เธอถึงจะได้ใกล้ชิดกับเฉินจุนเหยียน
พอคิดได้อย่างนี้หลิวเสี่ยวหนิงก็ค่อยๆ หันไปมองหน้าของเฉินจุนเหยียน
เหมือนว่าสัมผัสได้ถึงสายตาของหลิวเสี่ยวหนิงที่มองไป เฉินจุนเหยียนเลยหันมามองเธอ
ทันใดนั้น หน้าของหลิวเสี่ยวหนิงก็แดงระเรื่อขึ้นมา ร้อนตัวจนหันไปอีกทาง แล้วแอบก่นด่าตัวเองไม่มีเสียง
น่าเสียดายที่ตอนที่หลิวเสี่ยวหนิงกำลังคิดอะไรอยู่นั้น ลิฟต์ก็มาถึงชั้นพอดี หลิวเสี่ยวหนิงถอนหายใจโล่ง แต่ในใจยังรู้สึกเสียดาย
จากนั้นก็จัดการเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย หลิวเสี่ยวหนิงกำลังจะเดินออกไปจากลิฟต์ ก็รู้สึกเหมือนปวดหัว แล้วดึงเธอกลับมา หลิวเสี่ยวหนิงที่รู้สึกเจ็บจนทนไม่ไหวจนร้องออกมาเบาๆ
เธอหันไปมอง ก็เห็นว่าผมที่เธอตั้งใจทำมานั้นติดกับเสื้อของเฉินจุนเหยียน จนยุ่งเหยิง ตัวเองหลิวเสี่ยงหนิงก็แข็งทื่อทันที
“ระวังหน่อย มาฉันช่วย”เฉินจุนเฟยียนค่อยๆ กดที่ไหล่ของหลิวเสี่ยวหนิงเบาๆ ให้เธอไม่ต้องขยับ
ทันใดนั้นหลิวเสี่ยวหนิงก็สงบลงเหมือนกับไก่ จนอยากจะเอามือปิดหน้าดูความเขินอาย
“เป็นอย่างนี้ได้ยังไงนะ “หลิวเสี่ยวหนิงบ่นกับตัวเองเบาๆ โค้งตัวเล็กเล็กน้อยก็รู้สึกเจ็บ
แต่ว่าเฉินจุนเหยียนทำได้อย่างเร็ว สองสามครั้งก็ทำให้ผมของหลิวเสี่ยวหนิงหลุดออกได้แล้ว
“โอเคได้แล้ว “เฉินจุนเหยียนยิ้มพูดเบาๆ แล้วก็ยื่นมือไปสางผมให้กับหลิวเสี่ยวหนิง
หลิวเสี่ยวหนิงที่สติหลุดลอยไปแล้ว เธอรีบเอาผมมาเหน็บหู แล้วก็ยิ้มให้กับเฉินจุนเหยียน:”ขอบคุณค่ะ”
“อ้อ บนละครเรื่องใหม่เธอดูรึยัง”เฉินจุนเหยียนเอ่ยถาม
“บทละครเรื่องใหม่หรอ……..”พอได้ยินอย่างนี้หลิวเสี่ยวหนิงก็งุนงงเล็กน้อย
“หืม?”พอหลิวเสี่ยวหนิงไม่ตอบ เฉินจุนเหยียนก็เอียงหน้ามาแล้วถามเสียงนิ่ง ทำให้หลิวเสี่ยวหนิงสายตาสั่นระริก
“อืม……ก็ดูบ้างแล้ว เพียงแต่ว่ายังมีบทบางตอนที่ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ ยังหาความรู้สึกไม่ได้ แต่ว่าก่อนจะเปิดกล้องทำความเข้าใจก็น่าจะไม่มีปัญหา “หลิวเสี่ยวหนิงตอบเสียงเบา
พอได้ยินอย่างนั้นเฉินจุนเหยียรมองดูนาฬิกาข้อมือ :”วันนี้เธอมีสัมภาษณ์”
“อีกประเดี๋ยวจะมีสัมภาษณ์ ตอนบ่ายก็ไม่มีอะไรแล้ว”หลิวเสี่ยวหนิงทำหน้าครุ่นคิด แต่ในใจก็เต้นราวกับคลื่น
“งั้นเอาอย่างนี้ ตอนบ่ายเธอมาหาฉันที่ห้องทำงาน จะได้ดูเรื่องบทละคร ลองซ้อมบทดู อย่างนี้พอถึงวันเริ่มถ่ายจะได้ถ่ายทำอย่างราบรื่น “เฉินจุนเหยียนพูดออกมา
“หา?”หลิวเสี่ยวหนิงก็สงสัยหูตัวเองว่าฟังผิดรึเปล่า แล้วก็หันกลับไปมองเฉินจุนเหยียน
ตนไม่ได้ฟังผิดไปใช่มั้ย
เหมือนคิดไม่ถึงว่าหลิวเสี่ยวหนิงจะมีปฏิกิริยาตอบกลับอย่างนี้ เฉินจุนเหยียนเลยตกใจเล็กน้อย”มีอะไรหรอ”
“ไม่เป็นอะไรไม่เป็นอะไร”
หลิวเสี่ยวหนิงรีบโบกมือปฏิเสธ ยกยิ้มกว้างออกมา”งั้นเจอกันตอนบ่าย?”
“อืม เจอกันตอนบ่าย”เฉินจุนเหยียนพยักหน้า
หลิวเสี่ยวหนิงที่เดินไปพร้อมกับยิ้มไป วินาทีต่อมาก็ปิดปากหัวเราะอารมณ์ดีออกมา
ถ้าได้อยู่ใกล้ชิดกับเฉินจุนเหยียนละก็ หลิวเสี่ยวหนิงก็กัดริมฝีปาก ไม่ทันได้สังเกตคนที่เดินมาหลังมา
“เธอยืนทำอะไรอยู่” ผู้จัดการตบไหล่ของหลิวเสี่ยวหนิงเบาๆ แล้วมองเธออย่างสงสัย
เมื่อกี้เธอมองดูสักหน่อยก็เห็นอารมณ์ของหลิวเสี่ยวหนิง นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก
“ไม่มีอะไรๆ “หลิวเสี่ยวหนิงที่ตกใจโบกมือให้ แต่เมื่ออาการออกอย่างนี้ก็เปิดเผยเกินไป
“ไม่มีอะไรจริงหรอ”ผู้จัดการมองหลิวเสี่ยวหนิงอย่างพิจารณา
“ไม่ใช่มีสัมภาษณ์หรอ พวกเรารีบไปกันเถอะ “หลิวเสี่ยวหนิงที่ร้อนตัวรีบผลักไหล่ผู้จัดการ เพื่อหยุดความสงสัยของเธอ
เพราะมัวแต่คิดถึงคำพูดของเฉินจุนเหยียน นี่ถือเป็นครั้งแรกที่หลิวเสี่ยวหนิงอยากจะล้มเลิกงานสัมภาษณ์
แต่ว่ามีคนคนชอบก็มีคนเกลียด ผู้จัดการที่คอยดูอาการของหลิวเสี่ยวหนิงอยู่ข้างๆ ตลอด เพราะหลิวเสี่ยวหนิงพึ่งกลับมาทำงาน
และตอนนี้พอดูแล้วหลิวเสี่ยวหนิงมาอาการยังไม่คงที่ ผู้จัดการรู้สึกเป็นห่วงมาก เลยแจ้งนักข่าวให้สัมภาษณ์สั้นๆ
นี่เป็นความต้องการของหลิวเสี่ยวหนิง พยายามกดไว้เพื่อจะได้ยิ้มออกมา
“เอาละๆ ตอนบ่ายไม่มีงานสัมภาษณ์แล้ว ฉันจะไปส่งเธอกลับไปพักผ่อน ” ผู้จัดการเห็นหลิวที่ผ่อนคลายแล้วเลยแน่ใจในการเดาของตัวเอง
“ยังไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันจะต้องไปซ้อมบทกับเฉินจุนเหยียน เพราะใกล้จะเปิดกล้องแล้ว “หลิวเสี่ยวหนิงกะพริบตา ในใจคิดว่าจะต้องบอกเฉินจุนเหยียนดีมั้ยว่าตนสัมภาษณ์เสร็จแล้ว