“คุณ คุณคือระดับดำตอนกลางงั้นเหรอ?”
ด้วยการช่วยพยุงจากลูกน้อง เหลยซวี่พยายามจะยืนตัวตรง แต่สีหน้าดูน่าเกลียดมาก
แม้เขาอยู่ในระดับดำตอนต้น แต่เขาไม่สามารถต้านทานกำปั้นของทังหยูหลงแม้แต่หมัดเดียวเลยด้วยซ้ำ
ซึ่งก็หมายความว่า ความแข็งแกร่งของทังหยูหลงนั้นอยู่เหนือกว่าเขามาก!
อย่างน้อย ตอนนี้เขาไม่สามารถต่อกรได้อย่างแน่นอน!
แต่กลุ่มคนที่มาด้วย เขาถือเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ถ้าเขายังไม่สามารถสู้กับทังหยูหลงได้ แล้วใครจะสู้ได้ล่ะ?
ในขณะนั้น สีหน้าของเหลยซวี่ก็กลายเป็นสีฝุ่น ในใจก็เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“ไอ้สารเลว! ไปตายซะ!”
ซึ่งลูกน้องตำรวจที่ติดอาวุธของเหลยซวี่นั้นมาด้วยสามคน ดังนั้นตำรวจอีกคนที่ไม่ได้รับเหลยซวี่ไว้ทันเวลาก็ตะโกนขึ้นมาอย่างเสียงดัง จากนั้นเขาชักปืนออกมาและลั่นไกออกไปสองนัดทันที
เพียงแต่ว่า ทังหยูหลงผู้ซึ่งอยู่ในฝีมือระดับดำ พลังภายในที่แข็งแกร่งของเขานั้นสามารถกลายเป็นโล่ทิพย์ภายในตั้งนานแล้ว แล้วกระสุนปืนจะทำอะไรเขาได้ล่ะ?
แต่แน่นอนว่า สำหรับกระสุนสองนัดนี้ที่สามารถคร่าชีวิตคนธรรมดาทั่วไปได้ มันกลับลอยตัวอย่างแปลกประหลาดในตำแหน่งที่ห่างออกไปไม่ถึงเมตรจากทังหยูหลง!
“เหอะ! คิดว่ากระสุนจะทำอะไรผมได้งั้นเหรอ?”
ทังหยูหลงฮึดฮัดไม่พอใจ จากนั้นเขาโบกฝ่ามืออันกว้างใหญ่ของเขา และกระสุนสองนัดที่ลอยอยู่ในอากาศก็ได้ยิงสวนกลับไปที่ตำรวจติดอาวุธคนนั้นโดยที่ไม่มีการเตือนล่วงหน้า
ปัง ปัง!
กระสุนสองนัดพุ่งเข้าใส่ร่างกายของตำรวจติดอาวุธพร้อมกับเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของเขาก็ดังขึ้น
ด้วยกระสุนสองนัดในร่างกายของเขา เขาทนไม่ไหวและทรุดตัวลงกับพื้น เลือดสองจุดบนร่างกายของเขาก็กระเซ็นออกไปราวกับดอกไม้ที่เบ่งบาน เขาได้แต่สลบคาพื้นซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะอยู่หรือจะตาย!
“เสี่ยวซวี่!” เหลยซวี่ตะโกนด้วยความตกใจ
ซือเฮ่าเจียก็ตกใจจนใบหน้าซีดเซียว ซึ่งในตำแหน่งของเขานั้น เขายังสามารถเข้าถึงเหล่านักบู๊ได้
ซึ่งนักบู๊ที่มีฝีมือที่สุดของเขาก็คือเหลยซวี่ แต่เหลยซวี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทังหยูหลงเลย แม้แต่กระสุนปืนยังทำอะไรทังหยูหลงไม่ได้ แล้วจะจับเขาได้อย่างไรล่ะ?
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เย่เทียนจะออกโรง โจ๋หย่วนหันยังคงมั่นใจในตัวของเย่เทียน แต่สีหน้าของเขาก็ซีดเซียวไม่ต่างอะไรกับซือเฮ่าเจียที่กำลังหวาดกลัวจนสุดขีด
เพราะโจ๋หย่วนหันเคยได้ข่าวว่าเย่เทียนนั้นเก่งกาจไม่เบา แต่ฝีมือของเย่เทียนนั้นเขายังไม่เคยเห็นกับตา แล้วใครจะไปรู้ว่าเย่เทียนจะสู้กับทังหยูหลงได้?
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมไม่ได้โหดเหี้ยมขนาดนั้นหรอก และเขาก็ยังไม่ตาย!”
ทังหยูหลงยิ้มด้วยรอยยิ้มที่โหดร้าย และจ้องเขม็งไปที่เหลยซวี่ “เพราะว่า คนที่ต้องตายก่อนก็คือคุณไงล่ะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ในใจของเหลยซวี่ก็เต็มไปด้วยความขมขื่น แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ต้องพยายามยืนหยัดอยู่ภายใต้การประคับประคองของตำรวจติดอาวุธสองคนนั้น
เรื่องมันก็มาถึงจุดนี้แล้ว เขาไม่มีหนทางให้ถอยหลังอีก ได้แต่จำใจสู้กับทังหยูหลงเพื่อยื้อเวลาให้คนอื่นๆ ได้หนีไป
“เฮ้อ! คุณอย่าเอาชีวิตไปทิ้งให้เสียเปล่าเลย ให้ผมจัดการแทนเถอะ!”
ขณะที่เหลยซวี่ตัดสินใจที่จะสู้จนลมหายใจสุดท้าย เสียงทอดถอนใจด้วยความเศร้าอาดูรก็ดังขึ้นจากด้านหลังเขา
ทุกคนตะลึงงันแล้วหันหัวมองไปรอบๆ ถ้านอกจากเย่เทียนแล้ว ใครจะกล้าพูดแบบนี้อีก?
เย่เทียนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ในปากของเขายังคาบหญ้าหางหมาจิ้งจอกที่ไม่รู้เด็ดมาเมื่อไหร่ และค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างสบายใจ
“คุณอยากตายขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เมื่อเห็นเย่เทียนเดินเข้ามา เหลยซวี่ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและตะโกนอย่างเสียงดัง
ในสายตาเขา เย่เทียนก็เหมือนลูกรักของผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตั้งใจจะมาสร้างผลงานที่นี่เท่านั้น ต่อให้มีฝืมืออยู่บ้าง แต่จะเป็นคู่ต่อสู้ของทังหยูหลงได้อย่างไร?
ขืนปล่อยไปก็ตายเปล่า!
แต่ซือเฮ่าเจียกลับแสดงสีหน้าซับซ้อนมากขึ้น อย่างน้อยเขาเคยเห็นฝีมือของเย่เทียนไปแล้ว ถ้าเย่เทียนสามารถปราบทังหยูหลงคนนี้ได้จริงๆ ล่ะ?
ส่วนโจ๋หย่วนหันคงไม่ต้องพูดถึง เพราะในขณะนี้ นอกจากให้ความหวังกับเย่เทียนแล้ว เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกเลย
เพราะคนที่ต้องเผชิญนั้นคือทังหยูหลง ผู้ซึ่งมีฝีมืออย่างน้อยระดับดำตอนกลางขึ้นไป!
ทังหยูหลงที่ตั้งใจจะฆ่าเหลยซวี่อยู่แล้ว แต่เย่เทียนก็ออกมาขัดจังหวะเขาก่อน แม้เขาจะไม่พอใจมาก แต่เขาไม่ได้คิดจะฆ่าเย่เทียนในทันที ได้แต่ขมวดคิ้วขึ้น “แล้วแกเป็นใครหน้าไหนอีก?”
ในฐานะฆาตกรที่ถูกหมายหัวแต่สามารถหลบหนีการจับกุมมาตลอดแปดปี นอกจากความแข็งแกร่งของเขาแล้ว เขายังมีการจัดการที่ละเอียดถี่ถ้วนอีกด้วย
ฉะนั้น แม้เย่เทียนจะดูเหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง แต่ลึกๆ ในใจของทังหยูหลงแล้ว มันก็เกิดความวิตกกังวลที่ไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งก็ทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวด้วยสัญชาตญาณของเขา
“อย่างคุณไม่มีสิทธิ์รู้จักชื่อของผมหรอก ผมขอแนะนำคุณให้ยอมแพ้ซะโดยดี ไม่อย่างนั้น ก็ตายสถานเดียว!”
เย่เทียนแสยะยิ้มราวกับว่าทังหยูหลงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นเหมือนมดน้อยที่เขาสามารถบีบให้ตายได้ภายในพริบตาเดียว!
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ปากเก่งจริงๆ เลยนะ ถ้าแกอยากตายจริงๆ ข้าจะสานฝันให้ก็แล้วกัน!”
“แต่แกไม่ต้องห่วงหรอกนะ เพราะข้าจะไม่ฆ่าแกตอนนี้หรอก!”
“ข้าจะค่อยๆ หักแขนขาของแกทั้งสี่ข้าง แล้วข้าจะเฝ้าดูเลือดของแกค่อยๆ ไหลออกมา แล้วแกจะค่อยๆ สัมผัสถึงความตายทีละน้อย!”
“แต่แน่นอน ถ้าแกทนไหว หลังจากที่ข้าฆ่าคนอื่นๆ ไปแล้ว ข้าจะกลับมาส่งแกไปหายมบาลเป็นคนสุดท้ายเอง!”
ทังหยูหลงดูเหมือนจะได้ยินเรื่องตลกจากเย่เทียน เขาไม่ได้โกรธแต่กลับหัวเราะอย่างเย้ยหยัน และตอบกลับด้วยคำพูดอันเหี้ยมโหด
“ความคิดดีนะ แต่ความจริงมันโหดร้ายกว่าที่คิด แค่กังฟูแมวสามขาของคุณ มันทำอย่างที่คุณพูดไม่ได้หรอก เชื่อผมสิ!”
เย่เทียนหรี่ตาลงและดวงตายังประกายจิตสังหารออกมา
“กังฟูแมวสามขา?”
ทังหยูหลงถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ และพูดต่อย่างได้ใจว่า “ไอ้หนู ข้าว่าแกยังไม่รู้ตัว ว่าแต่กำลังเผชิญหน้ากับใครอยู่นะ!”
“ข้าจะบอกความจริงให้ ข้าคือนักบู๊ที่อยู่ในขั้นสุดยอดของระดับดำตอนกลาง อีกก้าวเดียวข้าก็จะเข้าสู่ระดับดำตอนปลายแล้ว!”
“ที่สำคัญ ข้าอยู่ในระดับนี้มาอย่างน้อยสามปีแล้ว และข้าก็เชี่ยวชาญในระดับฝีมือนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ!”
“แล้วแกยังคิดว่าข้าเป็นแค่กังฟูแมวสามขางั้นเหรอ?!”
ทันทีที่เขาพูดคำนี้ เหลยซวี่ถึงกับใจหายใจคว่ำ และความตั้งใจก่อนหน้านี้ ที่เขาพยายามจะยื้อทังหยูหลงเพื่อให้คนอื่นได้หนีไปก็ได้หมดไปอย่างสิ้นเชิง
นักบู๊ในประเทศมีเป็นร้อยเป็นพัน ซึ่งระดับชั้นก็คือขั้นบันได พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องมีความพยายามเท่านั้น แต่ยังต้องใช้พรสวรรค์ที่เกี่ยวข้องถึงจะสามารถก้าวไปอีกขั้นได้
บางคนใช้เวลาทั้งชีวิต แต่ทำได้แค่วนเวียนอยู่ในระดับเหลือง!
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่า แม้นักบู๊ที่มีฝีมือแตกต่างกันแค่ระดับเดียว แต่มันก็เท่ากับแต่งต่างกันพันระดับ
ซึ่งเหลยซวี่ก็เพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับดำตอนต้นมาได้เพียงสองปีเท่านั้น สำหรับทังหยูหลงที่แตกต่างกับเขาอย่างน้อยหนึ่งระดับ หรือสองระดับขึ้นไป แล้วเขาจะต้านทานได้สักกี่น้ำ?
“ผู้บัญชาซือ ผู้บัญชาโจ๋ เกรงว่าพวกเราคงต้องจบที่นี่แล้วล่ะ”
เหลยซวี่รู้สึกสิ้นหวังมาก ถ้ารู้แต่แรกว่ามีคนอย่างทังหยูหลงรออยู่ แล้วเขาจะรีบเข้ามาที่นี่ทำไม?
จะให้หนีงั้นหรือ?
นั่นเป็นเพียงความฝันที่งี่เง่าที่สุด!
เมื่อไหร่ที่หันหลังให้กับระดับดำตอนกลางที่สามารถปล่อยพลังภายใน นั้นก็คือการเร่งเวลาที่จะไปดื่มชาบ่ายกับยมบาลให้เร็วขึ้น!
“นี่ นี่มัน……”
ซือเฮ่าเจียถึงกับตะลึงเมื่อเห็นหายนะที่ใกล้จะเกิดขึ้นกับเหลยซวี่ เขากลัวจนเสียงพูดสั่นเทาไปหมด
“หยูหลง ระวังด้วย ไอ้หมอนี้มันไม่ได้รับมือง่ายๆ นะ!”
และในขณะนี้ เสียงที่แหบแห้งก็ดังขึ้นมาจากถ้ำ
ทุกคนรีบหันมองไป เห็นเพียงหญิงชราคนหนึ่งที่มีผมสีขาวยืนพิงไม้ค้ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยฝ้าอันน่าเกลียด และเดินออกมาจากปากถ้ำด้วยท่าทางเคร่งขรึม
แล้วเธอคนนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากคุณยายกระดาษไหว้เจ้า!