ตอนที่ 351 ก็เพื่อกินนี่แหละ

ตอนที่ 351 ก็เพื่อกินนี่แหละ

ข้าวสารและข้าวฟ่างมีความแตกต่างกัน ข้าวฟ่างแค่เปิดไฟตั้งกระทะข้าวก็ไหม้ได้แล้ว ส่วนระยะเวลาหุงข้าวสารจะนานกว่าเล็กน้อย เย่ฉูฉู่หุงข้าวไปพลางอีกด้านหนึ่งก็จัดการทำกับข้าวไปพลาง เมื่อพิจารณาว่าจ้าวเหวินเทาออกไปด้านนอกคงกินอาหารไม่ครบทุกมื้อ อาหารที่นางทำจึงเน้นอาหารรสเบาเป็นหลัก มีทั้งหมดหกอย่าง

 

ตอนที่จ้าวเหวินเทาอาบน้ำ เจ้าลิงน้อยก็วิ่งเข้ามา เมื่อครู่มีคนเยอะเกินไปมันจึงไม่กล้าเข้าใกล้จ้าวเหวินเทา ทว่าตอนนี้มันสามารถเข้าใกล้อย่างสนิทสนมได้แล้ว

แต่น่าเสียดายที่การใกล้ชิดเช่นนี้ถือเป็นหายนะของมัน

“ไอ้ลิงบ้า! อย่าทำให้น้ำกระเซ็นสิ!” จ้าวเหวินเทาตะโกนเสียงดัง

“เจี๊ยก ๆๆๆ!”

คนและลิงกำลังทำอะไรอยู่ด้านในไม่มีใครรู้ แต่เมื่อได้ยินเสียงตกใจจนสะดุ้งโหยงก็รู้สึกได้ว่าครึกครื้นอย่างมาก

“คุณเองก็อาบน้ำให้มันด้วยเลยสิคะ ฉันจะต้มน้ำเพิ่มให้อีกหม้อหนึ่ง” เย่ฉูฉู่กล่าว “เจ้าลิงก็สกปรกจนดูไม่จืดเหมือนกัน!”

“ก็ได้!” จ้าวเหวินเทาตะโกนตอบ “ไอ้ลิงบ้าจะหนีไปไหน!”

 

“เจี๊ยก ๆ!”

 

“แกไม่อยากอาบน้ำสินะ? ไม่อยากอาบก็ต้องอาบ!”

“เจี๊ยก ๆ!”

“ขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์!”

“ไฉไฉอาบน้ำ ไม่อาบน้ำก็ไม่ต้องกินข้าวนะ!” เย่ฉูฉู่ตะโกน

คุณแม่จ้าวได้ยินก็รู้สึกหมดคำพูดอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงสูงว่า “เหวินเทา ระวังหน่อยนะ อย่าให้มันข่วนล่ะ!”

 

“ถ้ามันข่วนผม ผมจะจับมันตุ๋นแล้วกินซะเลย!” จ้าวเหวินเทาตอบ “ผมอยากกินหัวลิงอยู่พอดี!”

“เจี๊ยก ๆๆ!” ลูกลิงส่งเสียงร้องยกใหญ่

“พอแล้ว ๆ ฉันไม่กินแกแล้ว แกก็ยอมให้ฉันอาบน้ำให้ซะดี ๆ!”

 

เสี่ยวไป๋หยางได้ยินก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา อยากจะเข้าไปร่วมด้วย คุณแม่จ้าวจึงรีบโน้มน้าวใจเขา “เสี่ยวไป๋หยาง พวกเราไม่ต้องไปสนใจพวกเขา เราไปดูรูปภาพในห้องกันดีกว่านะ”

“ไฉ…ไฉ!” เสี่ยวไป๋หยางพูดทีละพยางค์

“พอแล้ว เดี๋ยวไฉไฉอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแล้ว เสี่ยวไป๋หยางอย่าดื้อนะลูก”

 

“พ่อ!”

  

“พ่อก็อาบน้ำอยู่! อีกเดี๋ยวก็ออกมาอุ้มเสี่ยวไป๋หยางแล้ว” คุณแม่จ้าวใช้คำพูดดี ๆ พูดคุยจึงทำให้เสี่ยวไป๋หยางสงบลงได้

จ้าวเหวินเทาอาบน้ำให้ลูกลิงเสร็จ จึงเช็ดตัวให้แห้งและใช้ไดร์เป่าผมเป่าขนของมันให้แห้ง

 

จะว่าไปไดร์เป่าผมอันนี้เป็นของที่โจวหมิ่นนำมาเป่าผม ก่อนกลับหล่อนยกของชิ้นนี้ให้เย่ฉูฉู่ เย่ฉฉู่ไม่ชอบใช้ไดร์เป่าผม ตอนนี้มันจึงกลายเป็นของเจ้าลิงน้อยไปแล้ว

  

“แกดูสิว่าแกโชคดีขนาดไหน อาบน้ำเสร็จก็ยังต้องเป่าตัวให้แห้งอีก ส่วนฉันไม่เห็นมีใครมาเป่าให้เลย!” จ้าวเหวินเทาเป่าขนให้ลูกลิงไปพลางพูดคุยไปพลาง “ฉันเองก็ไม่ได้ติดหนี้บุญคุณแกเมื่อชาติก่อนสักหน่อย ชาตินี้ดันต้องมาปรนนิบัติแก ไม่รู้ว่าถ้าฉันแก่ตัวไปแกจะมาปรนนิบัติให้ฉันแบบนี้ได้หรือเปล่า!”

“เจี๊ยก ๆๆ!” เจ้าลิงน้อยตอบรับกลับมา

เย่ฉูฉู่ที่อยู่ด้านนอกประตูได้ยินจ้าวเหวินเทาพูดเช่นนี้ จึงหัวเราะออกมา “ไม่ต้องห่วงหรอก ลูกชายลิงของคุณต้องเลี้ยงดูคุณตอนแก่แน่นอน ถึงเวลานั้นคงได้แบกคุณขึ้นไปบนเขา แขวนตัวกินผลไม้อยู่บนต้นไม้นู้นแหละ!”

 

จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นช่างเถอะ ผมยังอยากมีชีวิตให้มากขึ้นอีกหลาย ๆ ปี!”

  

หลังจากเป่าขนของลูกลิงจนแห้งแล้ว จ้าวเหวินเทาจึงตบไปที่ก้นของมัน “เสร็จแล้ว ออกไปได้!”

 

ราวกับในที่สุดก็ได้เป็นอิสระ เจ้าลิงน้อยจึงหนีออกไปทันที!

เย่ฉูฉู่ถึงกับหัวเราะ “ครั้งหน้าถ้าคุณกลับมาอีกครั้งมันคงไม่มาหาคุณแล้วล่ะ!”

  

“ไม่มาหายิ่งดีเลย” จ้าวเหวินเทาตอบ “เจ้านี่ แค่อาบน้ำให้มันทีทำอย่างกับน้ำท่วม!”

 

“คุณรีบไปอาบน้ำเถอะ อาบเสร็จแล้วจะได้รีบกินข้าว อีกเดี๋ยวฉันซักเสื้อผ้าให้”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมซักเสร็จแล้วค่อยไปกิน”

จ้าวเหวินเทาอาบน้ำอีกสองรอบ ครั้นแต่งตัวเสร็จ เสื้อผ้าที่แช่ผงซักฟองไว้ก็ซึมเข้าเนื้อผ้าพอดี เขาใช้กระดานซักผ้าขัด ๆ ถู ๆ หลังจากผ่านการล้างน้ำไปสองรอบ ก็ยกออกมาตากไว้ จากนั้นจึงเดินกลับมาทำความสะอาดน้ำสกปรกและพื้นให้สะอาด

  

ขาและมือของเขายาว เพียงไม่นานก็ทำเสร็จแล้ว เย่ฉูฉู่เห็นก็ถึงกับเอ่ยปากชมสามีว่าทำงานเก่งไม่หยุด

 

“ครั้งหน้าก็พยายามต่อไปอย่าลดละนะคะ” เย่ฉูฉู่ตบแก้มเขาเบา ๆ

 

จ้าวเหวินเทาโอบกอดเธอ “ได้สิ ภรรยา ต้องพยายามต่อไปไม่ลดละ แต่คุณก็ต้องพยายามต่อไปไม่ลดละเหมือนกันนะ!”

 

น้ำเสียงแสนอบอุ่น สายตาช่างดูอ่อนโยน

“รีบเข้าไปกินข้าวเถอะ! คุณแม่ก็ยังอยู่ที่นี่นะ!” เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่เขาพร้อมกับผลักเขาออกไป

จ้าวเหวินเทาปล่อยมืออย่างเสียดาย ยกอาหารเดินเข้ามาด้านในห้องพร้อมกับหยอกล้อลูกชาย “เสี่ยวไป๋หยาง คิดถึงพ่อไหมเอ่ย?”

อาหารถูกยกมาตั้งโต๊ะแล้ว คุณแม่จ้าวมองข้าวสวยสีขาว ก็ถึงกับพูดด้วยอารมณ์ความรู้สึกว่า “ไม่ได้เห็นข้าวสวยแบบนี้มาหลายปีแล้ว”

  

จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “แม่ พวกเราเคยกินข้าวสวยด้วยเหรอ? ทำไมผมจะไม่ได้?”

 

“เคยกินครั้งหนึ่ง แหคงลืมไปแล้ว มีอยู่ปีนึงเพื่อนคนหนึ่งของพ่อแกเอาข้าวสารมาให้เขา ตอนกลับมาก็เลยเอามาผสมกับข้าวฟ่าง พวกแกเอาแต่เลือกกินแต่เม็ดที่เป็นข้าวสวยทั้งนั้นเลย” คุณแม่จ้าวกล่าว

จ้าวเหวินเทานึกไม่ออกแล้ว “เลือกกินเม็ดข้าวสวย ได้ยินแล้วช่างน่าสงสารจริง ๆ!”

  

“ก็นั่นน่ะสิ ตอนนั้นสถานที่แบบนี้ของพวกเราจะไปเคยเห็นข้าวสารที่ไหนกันล่ะ แค่แป้งขาวก็มีให้เห็นน้อยมาก!”

เย่ฉูฉู่กล่าว “ถ้าคุณแม่ไม่พูดก็ไม่คิด แต่พอพูดขึ้นมาก็รู้สึกได้ว่าชีวิตตอนนี้ดีจริง ๆ ค่ะ!”

“ดีเหมือนตกลงมาอยู่ในรังแห่งพรเลยล่ะ!” คุณแม่จ้าวพูดพลางยกถ้วยขึ้นมา หลังจากกินข้าวสวยไปหนึ่งคำก็พยักหน้ากล่าวว่า “อืม ข้าวสวยนี้หอมจริง ๆ!”

“แม่ นี่คือข้าวที่เพิ่งเกี่ยวปีนี้เลย เหมือนกับข้าวฟ่างของพวกเรานั่นแหละ หอมกว่าข้าวเก่าอีก” จ้าวเหวินเทากล่าว “ผมเก็บไว้สองกระสอบ วันพรุ่งนี้เดี๋ยวผมเอากระสอบนั้นไปส่งให้แม่ที่นู้น แม่จะได้เอาไว้กินกับพ่อ”

“แพงจะตาย เธอเก็บไว้สองกระสอบนี่แหละ เอาไปขายก็คงจะดี!” คุณแม่จ้าวตอบ “พวกเรากินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ”

“แม่ ผมไปค้าขายข้าวสารหลัก ๆ ก็เพื่อกินนี่แหละ ส่วนหาเงินเป็นเรื่องรอง” จ้าวเหวินเทากล่าว “ในตลาดราคาแพงไม่พอ ยังหาข้าวใหม่ของจริงไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมเองก็ไม่รู้ว่าข้าวสารใหม่หรือเก่า ได้ยินมาว่าพวกเขารวมข้าวเก่ากับข้าวใหม่เข้าด้วยกันด้วยนะ แม่ว่าใครจะดูออกล่ะ? อีกอย่างนะ ไม่รู้ว่าข้าวนั้นเอาไปขัดสีซ้ำกี่รอบแล้ว ถึงจะดูเหมือนของใหม่ แต่กลับไม่มีโภชนาการสักนิดเลย! ตอนที่ผมไปซื้อข้าวที่เมืองผานจิ่น ผมได้ไปถามลุงที่ปลูกข้าวด้วย ลุงเขาบอกว่าข้าวสีละเอียดเกินไปไม่ได้ ต้องให้หยาบสักหน่อยจะได้ดีกับร่างกาย แต่รสสัมผัสอาจจะหยาบกระด้างไปสักหน่อย ข้างนอกที่ขายกันเป็นข้าวสีละเอียด บ้านพวกเขาไม่เคยกินเลย กินแต่ข้าวที่สีกันเอง”

 

“จริงเหรอ มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย?” เย่ฉูฉู่ถึงกับตกตะลึง

“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าผมไม่ถามก็คงไม่รู้ เรื่องพวกนี้มีแค่คนที่ปลูกข้าวมาทั้งชีวิตเท่านั้นแหละที่รู้ คนพวกนั้นที่ขายข้าวไม่รู้อะไรหรอก วัน ๆ รู้จักแต่เอาของมาย้อมแมวขาย!” จ้าวเหวินเทากล่าว “ดังนั้นถ้าอยากกินอะไรก็ต้องไปซื้อที่ที่ผลิตออกมาเอง เวลากินก็สบายใจด้วย!”

จ้าวเหวินเทาออกไปค้าขายข้างนอมานานขนาดนี้ ถึงจะไม่ถึงขั้นเคยเห็นมาทุกอย่างแล้วแต่ก็ใกล้เคียง มีคนซื้อขายบางคนที่ขาดศีลธรรม ถึงได้หลอกลวงทุกอย่าง!

คุณแม่จ้าวพูดอย่างจนปัญญา “เหวินเทา ถ้าเขารู้ว่าแกไปซื้อขายข้าวสารเพื่อกินเอง บางทีเขาอาจจะตำหนิแกนะ!”

จ้าวเหวินเทาพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่ ชีวิตคนเราก็อยู่เพื่อกินไม่ใช่เหรอ? ผมก็แค่อยากกินให้สบายใจสักหน่อย คนอื่นจะพูดอะไรก็ปล่อยเขาไป!”

  

“ที่แท้ข้าวสวยก็เหมือนข้าวฟ่างของพวกเรา ต้องให้หยาบสักหน่อยถึงจะดี” เย่ฉูฉู่กล่าว “ฉันนึกว่ายิ่งข้าวสวยละเอียดจะยิ่งดีเสียอีก”

 

“นั่นเป็นเพราะว่าตอนนี้กินอิ่มแล้ว ถึงได้พูดแบบนี้ได้” คุณแม่จ้าวตอบ “ตอนนั้นพวกเราไม่มีปัญญาแม้แต่จะกินน้ำตาลด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงข้าวขัดละเอียดเลย! อีกอย่าง ข้าวยิ่งขัดละเอียดก็ยิ่งเสียของ ให้หยาบสักหน่อยนี่แหละดี”

จ้าวเหวินเทา “ครั้งนี้เร่งทำเวลาไปหน่อย แถมยังเป็นครั้งแรก ก็เลยไม่มีประสบการณ์ ก่อนกลับผมก็เพิ่งรู้ว่ามีข้าวกล้องด้วย คนที่กินบอกว่าเป็นของดี ครั้งหน้าผมจะไปเอากลับมาสักหน่อย!”

………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เกิดเป็นไฉไฉนี่โชคดีจังเลยน้า ได้อาบน้ำเป่าขนด้วย

ข้าวยิ่งขัดสีเยอะคุณค่าทางโภชนาการก็ยิ่งเสียจริงๆ

ไหหม่า(海馬)