ตอนที่ 350 กลับมาแล้ว

ตอนที่ 350 กลับมาแล้ว

จ้าวเหวินเทาและคนอื่น ๆ ออกไปข้างนอก แต่คนในบ้านกลับทรมานยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก การออกเดินทางในครั้งนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน จึงทำให้พวกเขาเป็นกังวลใจอย่างมาก

  

ช่วงแรก ๆ พี่สะใภ้สี่จ้าวไม่ได้รู้สึกอะไร แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ก็เริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมา ทั้งยังวิ่งมาหาเย่ฉูฉู่เพื่อฟังข่าวคราวทุกวัน

จ้าวเหวินเทาไม่สามารถโทรศัพท์มาหาได้ทุกวัน วันไหนได้รับสายและได้รู้ว่าอีกฝ่ายสบายดีก็ยังดีหน่อย พี่สะใภ้สี่จ้าวกลับถึงบ้านก็พอได้หลับสบาย แต่วันไหนที่ไม่ได้รับสายของจ้าวเหวินเทา เช้าวันรุ่งขึ้นพี่สะใภ้สี่จ้าวก็จะมาอีกครั้งด้วยสภาพขอบตาหมองคล้ำ แม้แต่การทำเต้าหู้เพื่อหาเงินหล่อนก็ทำไม่ไหวแล้ว

“พี่สี่ของเธอไม่เคยออกจากบ้านนานขนาดนี้มาก่อนเลย” ริมฝีปากของพี่สะใภ้สี่จ้าวมีแผลแตกขึ้นมาแล้ว “ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันคงไม่ให้เขาไปหรอก เธอคิดดูสิ ถ้าเกิดอะไรกับเขาขึ้นมา ฉันจะมีลูกชายได้ยังไงล่ะ!”

เย่ฉูฉู่ฟังไปพลางปลอบใจพี่สะใภ้สี่จ้าวไปพลาง แต่สุดท้ายเมื่อได้ยินว่าหลอ่นโยงมาถึงเรื่องลูกชายอีกครั้งก็หมดอารมณ์ในทันที พี่สะใภ้สี่จ้าวไม่ได้เป็นห่วงพี่สี่จ้าวหรอก แต่เป็นห่วงว่าจะไม่มีปัญญามีลูกชายต่างหากล่ะ

“พี่สะใภ้สี่ อีกสองวันพวกเขาก็กลับมากันแล้ว พี่อย่าร้อนใจไปเลย กลับไปรอให้สบายใจเถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

พี่สะใภ้สี่จ้าวเห็นเย่ฉูฉู่อยู่ในท่าทางสบาย ๆ ก็แอบรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมแทนน้องหก “น้องสะใภ้หก ฉันเห็นเธอไม่ร้อนใจเลยนะ? น้องหกก็ดีกับเธอจะตายไป หรือว่าเธอไม่เป็นห่วงเขาสักนิดเลย?”

“อยู่ด้วยกันตั้งเยอะแยะขนาดนั้น ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” เย่ฉูฉู่ตอบ

  

พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าว “แต่ก็ต้องเป็นห่วงอยู่ดีนั่นแหละ นั่นเป็นคนที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเธอตลอดทั้งชีวิตเลยนะ! ตอนนี้ฉันก็พอจะมองออกแล้วแหละ ในบ้านไม่มีผู้ชายไม่ได้หรอก! ตอนที่พี่สี่ของเธออยู่บ้านก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แถมยังรังเกียจเขาด้วย ทะเลาะกันเขาก็ยังไม่คิดจะสนใจเลย ตอนนี้เป็นไงล่ะ เฮ้อ ใจโหวงเหวงชะมัดเลย”

เย่ฉูฉู่นำคำพูดเหล่านี้ไปเล่าให้คุณแม่จ้าวฟัง คุณแม่จ้าวก็ถึงกับหัวเราะเยาะเย้ยทันที “สามวันดีสี่วันไข้!”

นอกจากพี่สะใภ้สี่จ้าวที่แวะมาบ่นแล้ว ก็ยังมีพ่อของชุยต้าที่แวะมาบ่นเช่นกัน

“วันนี้เหวินเทาโทรศัพท์มาหาอีกหรือเปล่า?”

“เหล่าต้าของฉันเป็นยังไงบ้าง?”

“กินข้าวกันแล้วใช่ไหม?”

“ได้ดื่มน้ำกันรึเปล่า?”

“ได้นอนพักผ่อนกันไหม?”

“อย่าให้ลูกชายของฉันเหนื่อยเกินไปล่ะ!”

คุณแม่จ้าวโกรธถึงกับดุอีกฝ่ายไปว่า “ตอนที่อยู่บ้านก็ไม่เห็นเธอจะดูดำดูดีลูกชาย มีอะไรก็เอาไปประเคนให้น้องชายหมด ตอนนี้รู้จักทำดีกับลูกชายแล้วเหรอ!”

พ่อของชุยต้ากลับให้เหตุผลอย่างชอบธรรมว่า “ไม่มีลูกชายแล้วใครจะเลี้ยงฉันตอนแก่ล่ะ!”

  

เย่ฉูฉู่ถึงกับหมดคำพูด ที่เป็นห่วงลูกชายที่แท้ก็เป็นเพราะอยากมีคนเลี้ยงดูตอนแก่นี่เอง

แน่นอนว่าแม่ของเมิ่งต้าก็มาถามถึงลูกชายบ่อย ๆ เช่นกัน นางมีลูกชายแค่คนเดียว ตั้งแต่ลูกชายเดินทางออกจากหมู่บ้านนางก็นอนหลับไม่เต็มตื่นเลยสักครั้ง

 

ในที่สุดวันนี้จ้าวเหวินเทาและคนอื่น ๆ ก็เดินทางกลับมา คุณแม่จ้าวและเย่ฉูฉู่ก็จะได้โล่งหูกันสักที ความกังวลใจก็ถูกปล่อยวางลงเช่นเดียวกัน

  

“พวกเรากลับมาแล้ว!” จ้าวเหวินเทาขับรถเข้ามาในลานพร้อมกับตะโกนเสียงดัง

 

คุณแม่จ้าวอุ้มเสี่ยวไป๋หยางเดินออกมาต้อนรับพร้อมกับเย่ฉูฉู่ ขอบตาของคุณแม่จ้าวพลันแดงก่ำ

“เจ้าหก เจ้าสี่ พวกแกกลับมากันแล้ว!”

เย่ฉูฉู่ตบคุณแม่จ้าวเบา ๆ “คุณแม่ พวกเขากลับมากันแล้วไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลแล้วนะคะ!”

ตอนนี้โดยปกติแล้วคนในหมู่บ้านจะไม่ออกเดินทางไกล อย่างมากที่สุดก็ไปบ้านญาติสองสามวัน ไม่ได้เดินทางออกไปค้าขายไกลและใช้เวลานานขนาดนี้ จะไม่ให้เป็นห่วงได้อย่างไรกัน

  

“ใช่แล้ว กลับมากันแล้วก็ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลแล้ว!” คุณแม่จ้าวเช็ดดวงตา ยกเสี่ยวไป๋หยางขึ้นสูง ๆ “เสี่ยวไป๋หยาง ดูสิลูก ยังจำได้ไหม นั่นใครเอ่ย?”

 

จ้าวเหวินเทาเดินเข้ามาพร้อมกับอ้าแขนกว้าง “เสี่ยวไป๋หยาง คนนี้ใครเอ่ย?”

 

เสี่ยวไป๋หยางกางแขนออกและถลาเข้าไปหา “พ่อ!”

“สวรรค์ เด็กคนนี้ยังจำได้จริง ๆ ด้วย!” คุณแม่จ้าวตกตะลึง “นี่ขนาดไม่เจอหน้ากันตั้งนานแล้วนะ!”

เย่ฉูฉู่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ไม่เพียงแต่จำได้ แต่ยังเรียกได้ด้วย

 

จ้าวเหวินเทายิ่งไม่ต้องพูดถึง แค่ได้ยินคำว่า ‘พ่อ’ หัวใจของเขาก็แทบจะละลายแล้ว เขาอุ้มลูกชายพร้อมกับยกตัวขึ้นสูง ๆ “เจ้าลูกชายเก่งจริง ๆ รู้จักพ่อด้วย!”

 

เสี่ยวไป๋หยางหัวเราะอย่างมีความสุข มือทั้งสองข้างจับเส้นผมกระเซิงของจ้าวเหวินเทา ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจแม้แต่น้อย

 

“ลูกชายคนนี้เป็นลูกแท้ ๆ แน่นอน!” พี่สี่จ้าวพูดเคล้ารอยยิ้ม

 

คุณแม่จ้าวกล่าว “รีบเข้าบ้านเถอะ กินข้าวแล้วค่อยกลับบ้านนะ!”

เมิ่งต้าและชุยต้ารีบกล่าวปฏิเสธ พวกเขาต้องกลับไปดูสักหน่อย ออกไปข้างนอกนานขนาดนี้ พวกเขาเองก็คิดถึงคนที่บ้านเช่นกัน

จ้าวเหวินเทากล่าว “กลับไปเถอะ เอาข้าวสารของพวกนายกลับไปทำอาหารอร่อย ๆ สักมื้อด้วยนะ!”

ทั้งสองคนแบกข้าวสารห้าสิบชั่งที่เหลือไว้ให้ตนเองขึ้นหลังและเดินกลับบ้านอย่างมีความสุข

 

พี่สี่จ้าวกล่าว “ผมเองก็กลับเลยดีกว่า แม่จะไปด้วยกันไหมครับ?”

คุณแม่จ้าวกล่าว “แม่ได้เห็นหน้าเธอแล้ว แม่ก็ไม่ไปแล้วล่ะ ตอนบ่ายแม่จะกลับฟาร์มกระต่ายแล้ว แม่ยายเธอก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ รีบกลับไปเถอะ”

 

พี่สี่จ้าวได้ยินว่าแม่ยายอยู่ที่นี่จึงกล่าวว่า “เจ้าหก ข้าวสารกระสอบนั้นฉันขอวางไว้ที่นี่ก่อนแล้วกันนะ อีกสองวันฉันค่อยมาเอา” พูดจบก็กลับบ้านไป

คุณแม่จ้าวเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจ นางย่อมเข้าใจว่าลูกชายหมายความว่าอย่างไร ข้าวสารกระสอบนี้หากนำกลับไปด้วยก็คงไม่เหลือแม้แต่เม็ดเดียว!

 

เย่ฉูฉู่แสร้งทำเป็นไม่เห็น หันมาพูดกับสามีด้วยรอยยิ้มว่า “ส่งลูกมาให้ฉันเถอะ คุณรีบไปอาบน้ำอาบท่าก่อน ดูสิสภาพดูไม่จืดเลย!”

 

คุณแม่จ้าวกล่าว “เอาเสี่ยวไป๋หยางมาให้แม่ ฉูฉู่ เธอไปทำกับข้าวเถอะ เหวินเทายังไม่ได้กินอะไรมาใช่ไหม?”

 

“ยังเลยแม่ เป็นเพราะรีบกลับมาบ้านนี่แหละ” จ้าวเหวินเทายื่นเสี่ยวไป๋หยางให้คุณแม่จ้าว

 

เสี่ยวไป๋หยางกลับไม่ยอมและหันหน้าไปหาพ่อของเขา

 

“พ่อไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะ สกปรกเกินไปแล้ว เดี๋ยวพ่ออาบน้ำเสร็จจะมาอุ้มใหม่นะ” จ้าวเหวินเทาหอมแก้มของลูกชาย

สายตาของเสี่ยวไป๋หยางยังคงมองตามจ้าวเหวินเทา

“เด็กคนนี้โตขึ้นแล้วนะ รู้จักเรียกหาพ่อแล้ว!” คุณแม่จ้าวส่ายหน้ารัว ๆ “คำโบราณพูดไว้ไม่ผิดเลย อยากได้ลูกชายก็ต้องเลี้ยงเอง!”

จ้าวเหวินเทาแบกข้าวสารที่เหลือไว้ให้บ้านของตนเองหนึ่งร้อยชั่งกระสอบนั้นลงมา ก่อนจะยกเข้ามาในบ้าน “ภรรยา พวกเราหุงข้าวสวยกินกันสักมื้อนะ!”

 

“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะผัดกับข้าวสักสองสามอย่าง!” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ภรรยา ผมคิดถึงคุณจังเลย!” จ้าวเหวินเทาหอมแก้มเย่ฉูฉู่ฟอดหนึ่ง

 

เย่ฉูฉู่รีบมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดวังด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ไปล้างหน้าล้างตาเถอะค่ะ!”

 

จ้าวเหวินเทาหัวเราะคิกคักและเดินออกไป

 

ยี่สิบกว่าวันนี้เขายังไม่เคยได้ล้างมือให้สะอาดสักครั้งเลย เดิมทีคิดไว้ว่าจะแวะอาบน้ำอาบท่าให้สะอาดภายในเมือง แต่ทุกคนต่างก็อยากกลับบ้าน และเสียดายที่ต้องจ่ายเงินส่วนนั้น จ้าวเหวินเทาก็ไม่คิดจะขัดศรัทธาพวกเขา หลังจากคิดบัญชีและแบ่งเงินกันเสร็จแล้วก็กลับบ้านทันที

  

เย่ฉูฉู่คุ้นชินกับน้ำอุ่นในหม้อทุกวัน แบบนี้จะใช้น้ำร้อนก็สะดวกสบาย เมื่อเห็นจ้าวเหวินเทาเนื้อตัวมอมแมมขนาดนั้น ก็เป็นกังวลว่าน้ำหม้อเดียวอาจไม่พอ จึงต้มน้ำร้อนเพิ่มอีกหนึ่งหม้อ และเรียกให้จ้าวเหวินเทาไปอาบน้ำอาบท่าให้สะอาด

“เปลี่ยนเสื้อผ้าวางไว้ตรงนี้นะ คุณถอดเสื้อผ้าแล้วแช่ลงไปในกะละมังได้เลย ฉันใส่ผงซักฟอกลงไปแล้ว อย่าลืมเอาของออกจากกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยนะ” เย่ฉูฉู่กล่าว

“ไม่ลืมหรอก อีกเดี๋ยวผมจะหยิบออกมาเลย” จ้าวเหวินเทากล่าว

“กางเกงผ้าฝ้ายกับแจ็คเก็ตบุนวมก็เปลี่ยนด้วยเลยนะ อีกเดี๋ยวเอาออกไปตากให้เรียบร้อย ถึงเวลานั้นฉันจะได้ถอดออกมาซัก” เย่ฉูฉู่กำชับอีกครั้ง

 

ออกไปอยู่ด้านนอกมานานขนาดนี้ กางเกงผ้าฝ้ายและแจ็คเก็ตบุนวมคงสกปรกแย่เลย เย่ฉูฉู่ทำใจยอมรับไม่ได้ถ้าไม่นำไปซัก

 

คุณแม่จ้าวได้ยินบทสนทนาของสองสามีภรรยาก็ถึงกับส่ายหน้า แอบรำพึงในใจว่าลูกสะใภ้คนนี้สะอาดเกินไปแล้ว คิดจะถอดคิดจะซักกางเกงผ้าฝ้ายก็ทำทันที ไม่กลัวความยุ่งยากเอาเสียเลย!

จ้าวเหวินเทาอาบน้ำที่ห้องตะวันตกด้านหลังบ้าน ส่วนเย่ฉูฉู่ก็เริ่มลงมือทำอาหารแล้ว

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

กลับมามีสภาพเป็นแบบไหนกันเนี่ย คงมอมแมมน่าดูเลย

แม่ยายของพี่สี่มาเยี่ยมเหรอ? บรรลัยล่ะทีนี้

ไหหม่า(海馬)