บทที่ 105 การปล้นชิงคือวิธีร่ำรวยที่เร็วที่สุด ! (ต้น)
ก่อนที่เยี่ยฉวนจะทันเคลื่อนไหวใด ๆ ชายผมยาวที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ได้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับชักกระบี่ฟัน ไปที่เยี่ยฉวน
ชายคนนี้สามารถใช้กระบี่ของตัวเองได้ราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน การโจมตีด้วยกระบี่ของเขาครั้งนี้ รุนแรงมาก !
ทว่าเยี่ยฉวนกลับดูสงบนิ่ง คราวนี้เขาไม่ได้ออมแรง เคล็ดวิชาเริ่มไหลบ่าเข้าไปที่แขนขวาที่กำแน่น
ตู้ม !
ในขณะที่เขากำลังชูกำปั้น หมัดทลายภูผาที่ไม่อาจมองเห็นได้พลันแกว่งไปมา ก่อนตรงเข้าไปสกัดกั้นพลังที่แผ่ออกมาจากตัวของชายผมยาวในทันที !
ชายผมยาวหรี่ตาลงเล็กน้อย ในแววตาฉายแววร่องรอยของความกังวล
….เป็นในตอนนี้เองที่เยี่ยฉวนกระทืบเท้าข้างขวาอย่างดุเดือด
ปัง !
พื้นระเบิดออก เศษเล็กเศษน้อยแตกกระจาย !
เยี่ยฉวนพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนู !
ขวับ !
ทันใดนั้นเสียงร้องแหลมพลันดังขึ้นในสนาม ชั่วพริบตา ทั้งเยี่ยฉวนและชายผมยาวต่างผลัดกันล่าถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนคนไม่รู้จักเข็ดจักจำ ทว่าในไม่ช้าเยี่ยฉวนกลับหยุดลง ส่วนอีกฝ่ายก็ได้แทงกระบี่ลงในดิน พร้อมกันทั้งสองมือ หมายจะใช้ความยาวของกระบี่เป็นตัวยึดเหนี่ยว ต้านทานแรงกดดันจากพลังของฝั่งตรงข้าม จนในที่สุดชายผมยาวก็หยุดยืนได้นิ่งเกือบจะพร้อม ๆ กันกับชายหนุ่ม
เยี่ยฉวนทำท่าจะอาละวาดละเลงฝีไม้ลายมือต่อ ทว่าชายผมยาวที่อยู่ห่างออกไปกลับพูดบางอย่างขึ้น “พวกเจ้าเข้าไปข้างในได้แล้ว !”
เห็นได้ชัดว่าทั้งเยี่ยฉวนและองค์หญิงเก้าต่างเป็นคนที่ยากจะต่อกร ด้วยรับมือไม่ได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดดึงเชิงยืดเยื้อให้เสียเวลาต่อไป !
เยี่ยฉวนสะดุ้งเมื่อได้ยินคำบอกผ่านของชายผมยาว เขาหันหน้าไปหาองค์หญิงเก้า แต่ทว่านางกลับไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว !
เยี่ยฉวนรีบหันกลับไปมองชายผมยาว ปรากฏว่าตอนนี้องค์หญิงเก้ากำลังยืนประจันหน้าอยู่กับอีกฝ่าย
ขวับ ! ขวับ ! ขวับ !
นางตวัดดาบโค้งทองคำของตัวเองสามครั้ง !
เสียงดาบอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้น มันทั้งเกรี้ยวกราดและดุดัน !
เมื่อนางออกท่าฟันได้ครบสามครั้ง เสียงข้างในก็พลันเงียบลงทันใด
ดาบทองคำถูกเก็บเข้าในฝัก องค์หญิงเก้าหันมามองเยี่ยฉวน “เจ้าคนน่ารังเกียจเช่นนี้ไม่สมควรมีชีวิต อยู่หรอก !”
จากนั้นนางก็หมุนตัว กลับหลังหันเดินเข้าไปใกล้ ๆ ปากประตูทางเข้า
เยี่ยฉวนเหลือบมองชายผมยาวคนนั้น จากนั้นก็นิ่ง อึ้ง ทึ่งไปชั่วเสี้ยววินาที ด้วยสภาพศพของชายคนนั้นแยกขาดออกจากกัน ชิ้นส่วนอวัยวะภายในทั้งห้าผสมปนเปกันมั่วซั่วไปหมดจนแทบทนดูไม่ได้ เลือดสด ๆ ทิ้ง คราบสาดกระเซ็น ไหลนองทั่วพื้น…
เยี่ยฉวนได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ “พี่ชาย ขอให้ชาติหน้าเจ้าเกิดมามีรูปโฉมงดงามก็แล้วกันนะ”
หลังกล่าวคำไว้อาลัยจบ เยี่ยฉวนจึงช่วยทำความสะอาดร่างกายของชายคนนั้นและรีบร้อนตามหลัง องค์หญิงเก้าไป
ผลตอบแทนครั้งนี้ได้มาไม่เลว
ตอนนี้เขามีหินวิญญาณระดับสูงสุดอยู่ในมือ 50 ก้อนและเงินอีก 400 เหรียญทอง ! เห็นได้ชัดว่าชาย ผมยาวปล้นฆ่ามาเยอะจริง ๆ!
เมื่อมองไปยังถุงเงินซึ่งปูดโปนรอบเอวของตัวเอง เยี่ยฉวนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “วิธีรวยเร็วที่สุด ยังไงก็คงหนีไม่พ้นการปล้นชิง” ไม่ต้องสงสัย ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มพบว่าตัวเองเหมือนจะชอบความรู้สึกสะใจใน การปล้นขึ้นมาหน่อย ๆ แล้ว
ทั้งสองคนเดินผ่านประตูทางเข้ามา ภายในถ้ำยังมีซอกเล็กซอกน้อยอยู่อีกจำนวนมากกระจายไปทั่ว
เมื่อเห็นฉากนี้ เรียวคิ้วสีเข้มขององค์หญิงเก้าพลันขมวดมุ่นเล็กน้อย
ตอนนั้นเองที่สีหน้าของเยี่ยฉวนเปลี่ยนไปมาก เนื่องจากเขาพบว่ากระบี่หลิงเซี่ยวข้างในตัวเริ่มสั่นไหว ขึ้นมาอีกครั้ง
องค์หญิงเก้าหยุดเดินและหันไปถามเยี่ยฉวน “เป็นอะไรไปหรือ ?”
เยี่ยฉวนนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่ทันใดนั้นเขาจะหันมองทางเดินหนึ่งและรีบบอก “ไปจากที่นี่เถอะ !”
วัดจากความรู้สึกของเขาเองนี่แหละ !
ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่ากระบี่หลิงเซี่ยวข้างในร่างกายต้องการจะสั่งให้เขาทำอะไรบางอย่าง
องค์หญิงเก้าจ้องมองเยี่ยฉวนอยู่นานก่อนจะถาม “เจ้าแน่ใจนะ ?”
เยี่ยฉวนพยักหน้า
องค์หญิงเก้าพยักหน้าตอบ “เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ !”
เป็นเพราะว่าอันหลานซิ่ว เยี่ยฉวนถึงได้เชื่อใจนาง ในขณะที่ด้วยเหตุผลเดียวกันนั้น นางจึงได้ไว้วางใจในตัวเยี่ยฉวนด้วยเช่นกัน และยิ่งความจริงที่ว่าเยี่ยฉวนสามารถสกัดกั้นกองทัพจากแคว้นถังได้ด้วยตัวคนเดียว
…โดยไม่มีใครช่วยเหลือนั่นอีก !
ด้วยประเภทบุคลิกลักษณะของคนที่อันหลานซิ่วชื่นชอบนั้นย่อมจะไม่สร้างปัญหาอย่างแน่นอน !
พวกเขาเดินไปตามเส้นทางหนึ่ง แต่เมื่อเข้ามาลึกขึ้นเรื่อย ๆ เยี่ยฉวนกลับยิ่งมีอาการแย่ลง
นั่นเพราะระหว่างทางชายหนุ่มเจอมาแล้วหลายศพ !
พวกคนทั้งหมดนั้นต่างก็เสียชีวิตอย่างน่าอนาถ !
อย่างที่องค์หญิงเก้าเคยว่าไว้ โชคลาภย่อมไม่วิ่งเข้ามา แต่เป็นเราที่ต้องไขว่คว้าแสวงหาเอาเอง !
ทั้งสองคนเดินลงไปตามทาง หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม เยี่ยฉวนก็พบว่าพวกตนได้อยู่ที่ด้านล่างของภูเขาเรียบร้อยแล้ว
“เจ้าแน่ใจนะว่าเราลงมาถูกทาง ?” องค์หญิงเก้าถามขึ้นอย่างกะทันหัน
เยี่ยฉวนพยักพเยิด “ท่านลง ๆ ไปเถอะน่า !”
กระบี่หลิงเซี่ยวข้างในร่างกายเยี่ยฉวนทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่าตนมาถูก และขอเพียงเดินลงไปอีก ก็จะ ถึงจุดหมายแล้ว !
องค์หญิงเก้าเพียงแค่พยักหน้ารับและไม่พูดอะไร นางยังคงติดตามเยี่ยฉวนเพื่อเดินลงไปข้างล่าง จากนั้นประมาณครึ่งชั่วยามถัดมา ทั้งสองจึงได้หยุดยืนอยู่ด้านหน้าภูเขา
ไม่มีทางให้ไปต่อแล้ว !
องค์หญิงเก้ามองเยี่ยฉวนที่เดินขึ้นไปบนเนินและชกไปข้างหน้าในอากาศ
ตู้ม !
หลังเยี่ยฉวนสร้างหลุมขนาดใหญ่บนเนินนั่น จู่ ๆ ภายนอกรูโหว่ที่ถูกฝ่ามือทะลวงออกไปแล้วพลันมี ฉากที่น่าทึ่งปรากฏขึ้น
องค์หญิงเก้าเดินถัดจากเยี่ยฉวน นางมองผ่านรูด้วยความสนใจ ด้านนอกหลุมนั่นแทบจะมองไม่เห็น จะมีก็แต่เงาราง ๆ ของตำหนักที่ด้านบนมีกระบี่สีดำแขวนไว้อยู่
องค์หญิงเก้าหันหน้าไปมองเยี่ยฉวน “นี่เจ้ารู้ตำแหน่งที่แท้จริงของตำหนักจ้าวกระบี่ได้อย่างไร ?”
เยี่ยฉวนยิ้มอย่างขมขื่น เขาหยิบกระบี่หลิงเซี่ยวออกมา “มันบอกข้าอย่างนั้น !”
องค์หญิงเก้าเหลือบมองกระบี่หลิงเซี่ยวแล้วมองกลับไปที่เยี่ยฉวน “เจ้าสติดีหรือเปล่า ? ข้าก็แค่ ถามดู แล้วเจ้าจำเป็นต้องบอกความลับของตัวเองด้วยอย่างนั้นรึไง ?”
ว่าแล้วนางจึงตบไหล่ของเยี่ยฉวนเบา ๆ “ยังถือว่าอ่อนประสบการณ์นัก วันข้างหน้าเจ้าควรคิดให้มาก กว่านี้หน่อย !”
เมื่อพูดจบนางก็ตั้งหน้าเดินไปยังที่พำนักที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ
เยี่ยฉวนพูดไม่ออก แน่นอนเขารู้ว่าควรระวังตัวไว้ แต่องค์หญิงเก้าเป็นสหายที่ดีที่สุดของอันหลานซิ่ว นอกจากนั้นช่วงหลายวันผ่านมาที่ได้ลองคลุกคลีสนิทสนมด้วย มันก็ทำให้ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่านางเป็นคนที่ น่าคบหาน่าผูกมิตรไว้ด้วยคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงสามารถบอกความลับของตัวเองกับนางได้โดยไม่จำเป็นต้อง เกริ่นอะไรเลย
ด้วยนี่ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรสหายหนักแน่นขึ้น !
เยี่ยฉวนจริงใจต่อมิตรสหายและพรรคพวกของตัวเองเสมอ ไม่อย่างนั้นแล้ว เขาไม่ขอผูกมิตรกับใครเสียตั้งแต่แรกเลยจะดีกว่า ….ด้วยมันเป็นหลักการดำเนินชีวิตของเขา !!