ผู้ดูแลยังคงมีสีหน้าจริงจัง “เพราะพระชายาโยวอ๋องเป็นผู้ชนะการแข่งขัน อีกทั้งพระชายายังต้องการสมุนไพรทั้งหมด หลังจากนี้พระชายาคือลูกค้าคนสำคัญของหุบเขาเทพโอสถขอรับ”
แน่นอนว่าคำพูดประโยคสุดท้าย ผู้ดูแลพูดออกมาตามความคิดของตน จะเป็นลูกค้าคนสำคัญของหุบเขาเทพโอสถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าหุบเขา
อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตท่าทีของเจ้าหุบเขาที่มีต่อพระชายาโยวอ๋อง คาดว่าใกล้เคียงกับคำว่าลูกค้าคนสำคัญมาก
ทั้งเขายังไม่ค่อยถูกชะตากับแม่นางหนานกงหว่านเอ๋อร์ผู้นี้นัก นางเป็นคนที่ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา
ช่างน่าโมโหนัก!
น่ารังเกียจ!
“กระไรนะ? เจ้าพูดว่านางพบสมุนไพรด้วยอย่างนั้นหรือ? ”
หนานกงหว่านเอ๋อร์แสดงท่าทีประหลาดใจ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นดูถูกเหยียดหยาม นางชำเลืองซูจิ่นซีด้วยหางตา “เป็นไปได้อย่างไร? นางน่ะหรือ? เจ้าหุบเขาอู๋ ท่านคงไม่ได้ช่วยนางโกงจริงๆ ใช่หรือไม่? เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษควรกระทำ! ท่านทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้ได้อย่างไร? ”
จอมวายร้ายไป๋เฉ่าคร้านตอบโต้กับหนานกงหว่านเอ๋อร์ จึงไม่พูดอันใด
ผู้ดูแลรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย “แม่นางหนานกง ท่านพูดเช่นนี้ได้อย่างไร แม้ท่านจะเป็นคนของสำนักแพทย์เทียนอีเหมิน ทว่าเป็นเพียงศิษย์ในสำนักเท่านั้น เหตุใดถึงกล้าไร้มารยาทกับเจ้าหุบเขาของพวกเราเช่นนี้? ”
“หึ… ” หนานกงหว่านเอ๋อร์กระชากเสียงในลำคอ เจ้าหุบเขาทำเรื่องอยุติธรรมเช่นนี้ แล้วยังจะพูดได้หรือ? นางโบกมืออย่างหมดคำพูด “พอเถิด ข้าไม่ต้องการเถียงกับพวกเจ้า ในเมื่อให้เจ้าหุบเขาอู๋กับพี่เขยของข้าเป็นผู้ตัดสิน เรื่องนี้ก็ไม่ใช่กงการของผู้ดูแลอย่างเจ้า หุบปากและออกไปยืนด้านข้างเถิด เจ้าหุบเขา ท่านตัดสินมาเถิด สมุนไพรของข้ากับซูจิ่นซี ผู้ใดถูกต้อง? พี่เขยท่านก็ตัดสินอย่างยุติธรรมเล่า ผู้ใดเป็นผู้ชนะกันแน่? แม้ซูจิ่นซีจะเป็นพระชายาของท่าน ทว่าอย่างไร พี่สาวของข้าก็เป็นพระชายาเอกของท่าน! ”
หนานกงหว่านเอ๋อร์พูดเช่นนี้เพื่อเตือนเยี่ยโยวเหยา เขากับหนานกงลั่วอวิ๋นยังมีสัญญาสมรส ทั้งยังเป็นคำสั่งของบิดามารดา
‘เพล้ง! ’
เยี่ยโยวเหยาที่ไม่พูดอันใดตั้งแต่ต้น ทันใดนั้นก็บีบจอกชาในมือจนแตกละเอียด
หนานกงหว่านเอ๋อร์ตกใจ ใบหน้าซีดเผือด นางส่งสายตาราวกับผู้บริสุทธิ์และพูดว่า “พี่… พี่เขย… ท่าน… ท่านทำอันใด? ”
“ไสหัวเจ้ากลับไปยังสำนักแพทย์เทียนอีเหมินเดี๋ยวนี้! หากข้าเห็นเจ้าอีกครั้ง ชีวิตของเจ้าจะเป็นดั่งจอกชาใบนี้”
แท้จริงแล้ว หนานกงหว่านเอ๋อ์หวาดกลัวเยี่ยโยวเหยาเช่นกัน ทว่าเพราะเยี่ยโยวเหยากับพี่สาวของนางมีสัญญาสมรสระหว่างกัน นางจึงกำเริบเสิบสานมากกว่าผู้อื่น
ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทางดุดันเย็นชาของเยี่ยโยวเหยา นางจึงตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เกือบร่ำไห้ออกมา
หนานกงหว่านเอ๋อร์ถอยหลังไปสองก้าวด้วยใบหน้าขุ่นเคือง พลางหันไปจ้องหน้าซูจิ่นซีด้วยสายตาดุดัน นางพูดกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่าว่า “ท่านรีบตัดสินเถิด จากนั้นก็ห่อสมุนไพรเชียนเหนียนเจี้ยน สือชีจ่งและหลิวจี้หนู ทั้งสามชนิดนี้ให้ข้าทั้งหมด อย่าให้เหลือแม้แต่ต้นเดียว”
ดวงตาภายใต้หน้ากากเย็นชาของจอมวายร้ายไป๋เฉ่าแย้มยิ้มอย่างชั่วร้าย “คุณหนูหนานกง หากเจ้าต้องการเชียนเหนียนเจี้ยน สือชีจ่ง และหลิวจี้หนู สมุนไพรทั้งสามชนิดในหุบเขาเทพโอสถของข้าทั้งหมด เกรงว่าเจ้าคงไม่มีความสามารถนั้น เนื่องจากพระชายาโยวอ๋องหาสมุนไพรได้ครบก่อนเจ้าเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยาม อีกทั้ง… นางได้บอกว่าต้องการสมุนไพรทั้งหมดนี้แล้ว”
“ว่าอย่างไรนะ? ”
กระทั่งจอมวายร้ายไป๋เฉ่ายังพูดเช่นนี้ อย่างไรเสียหนานกงหว่านเอ๋อร์ก็ต้องเชื่อ นางเบิกตากว้างมองไปทางจงจิงเฉินด้วยความตกตะลึง
จงจิงเฉินแสดงสีหน้าอึดอัด เมื่อครู่ที่หนานกงหว่านเอ๋อร์แสดงท่าทีเย่อหยิ่งอวดดี เขาเองก็อับอายจนแทบเอาหน้ามุดดิน ในเวลานี้ยิ่งรู้สึกถึงความอัปยศ ทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับกับหนานกงหว่านเอ๋อร์อย่างเสียไม่ได้
“ไม่… เป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้กระมัง? ซูจิ่นซี เดิมทีนางเป็นคนปัญญาทึบ ไม่รู้เรื่องสมุนไพร ไม่รู้วรยุทธ์ นางหาสมุนไพรพบได้อย่างไร? ทั้งยังรวดเร็วกว่าข้าถึงครึ่งชั่วยาม เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้! ”
“คุณหนูหนานกง สมุนไพรทั้งสามชนิดที่เจ้าหามานั้น ไม่ใช่เชียนเหนียนเจี้ยน สือชีจ่ง และหลิวจี้หนูแต่อย่างใด มีสองชนิด แม้จะมีรูปร่างคล้ายเชียนเหนียนเจี้ยนและสือชีจ่ง แต่สมุนไพรทั้งสองคือผอซัวจื่อกับเป้ยเทียนกัวเท่านั้น ยังมีสมุนไพรตัวนี้… คือเหี่ยเฮี๊ยะ สามารถพบเห็นได้ทั่วไป! แม้แต่เหี่ยเฮี๊ยะกับหลิวจี้หนู เจ้ายังแยกแยะไม่ออก ยังกล้าพูดคำว่าชนะอีกหรือ? ”
“เป็นไปไม่ได้! ”
หนานกงหว่านเอ๋อร์ยังคงแสดงท่าทีมั่นใจ พูดกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่าด้วยน้ำเสียงดุดัน “เจ้าหุบเขาอู๋ ข้าเคารพท่านจึงเรียกท่านว่าเจ้าหุบเขา ท่านคงไม่ได้สมรู้ร่วมคิดกับซูจิ่นซีกระมัง? หรือเพื่อปกป้องซูจิ่นซี ท่านจึงทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้”
“หึ! คุณหนูหนานกง เจ้าสงสัยในตัวเจ้าหุบเขา แม้แต่จงจิงเฉิน ศิษย์พี่ของเจ้าเอง เจ้าก็ยังสงสัยอีกหรือ? เขาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ต้นจนจบ”
“ศิษย์น้องหว่านเอ๋อร์ พวกเราแพ้แล้วจริงๆ เจ้าอย่าสร้างความอัปยศไปมากกว่านี้เลย พวกเรากลับกันเถิด! ” จงจิงเฉินเดินมาดึงตัวหนานกงหว่านเอ๋อร์
หนานกงหว่านเอ๋อร์เดือดดาลจนแทบจะร้องไห้ นางสะบัดมือจงจิงเฉินออก ก่อนจะพูดเสียดสีจงจิงเฉินว่า “ข้าสร้างความอัปยศเช่นไร? ศิษย์พี่ ดูสภาพของข้าในเวลานี้สิ ท่านยังกล่าวหาว่าข้าสร้างความอัปยศอีกหรือ? ครั้งนี้อาจารย์มอบภารกิจแก่พวกเราทั้งสอง และให้พวกเราทำให้สำเร็จ ศิษย์พี่พูดออกมาสิ ท่านทำอันใดบ้าง? ข้าขึ้นไปบนเขาเพื่อเสาะหาตัวยาสมุนไพร แล้วท่านทำอันใด? ”
ไม่เพียงจงจิงเฉินเท่านั้น แท้จริงทุกคนต่างเห็นสภาพของหนานกงหว่านเอ๋อร์นานแล้ว
ตอนที่นางมาถึง เสื้อคลุมยาวเป็นระเบียบของสำนักแพทย์เทียนอีเหมินที่นางสวมใส่ แม้คุณภาพของเนื้อผ้าจะไม่ดีเท่าของจิ่วหรง ทว่ายังดูงดงามสะดุดตา เรียบง่ายแต่โดดเด่น ทรงผมจัดแต่งตามแบบฉบับศิษย์หญิงของสำนักแพทย์เทียนอีเหมินคือเกล้ามวยผมสูง ปักปิ่นบนยอดมวยผมดูเรียบง่าย ใบหน้าสะอาดสะอ้าน นางนับว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง
ทว่าหลังกลับมาจากการเสาะหาสมุนไพร ชุดเสื้อคลุมยาวกลับถูกกิ่งไม้แหลมคมแทงทะลุจนหลุดลุ่ยไม่มีชิ้นดี บนผ้ายังมีดอกหญ้าติดอยู่มากมาย แขนเสื้อเมื่อดึงมาถึงข้อมือกลับไม่มีความพลิ้วไหวโดดเด่นหลงเหลืออยู่เลย บางจุดมีรอยเปื้อนฝุ่นโคลน อีกทั้งใบหน้าและแขนยังมีรอยเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด
หนานกงหว่านเอ๋อร์มองจงจิงเฉินด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ศิษย์พี่พูดมาสิ! พูดออกมาสิ! ท่านรังเกียจที่ข้าสร้างความอัปยศ แล้วท่านเองทำอันใดบ้าง? ”
จงจิงเฉินไม่ได้ทำอันใดจริงๆ เขามองหนานกงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ ภายในใจพลันรู้สึกเจ็บปวด “พอเถิด ศิษย์น้องหว่านเอ๋อร์ ศิษย์พี่ผิดเอง ทว่าพวกเราแพ้แล้วจริงๆ หลังจากพวกเรากลับไปที่สำนัก ศิษย์พี่จะไปยอมรับผิดต่ออาจารย์ด้วยตนเอง ถึงเวลานั้นศิษย์พี่จะยอมรับผิดทั้งหมด จะไม่ให้ศิษย์น้องต้องพลอยถูกลงโทษไปด้วย ดีหรือไม่? ”
“ไม่ได้! ” หนานกงหว่านเอ๋อร์ผลักจงจิงเฉินด้วยท่าทีดุดัน ก่อนจะหันกลับไปชักสีหน้าใส่ซูจิ่นซี “ซูจิ่นซี สมุนไพรเหล่านี้ ข้าต้องการทั้งหมด! เจ้าอย่าคิดเอามันไปเชียว ยังมีท่านอีกคน! ” หนานกงหว่านเอ๋อร์หันไปพูดกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่า “ท่านทั้งเจ้าเล่ห์และลำเอียง! กล่าวกันว่าหุบเขาเทพโอสถมีคุณธรรมทางการแพทย์สูงส่ง มีจิตใจเมตตา ช่วยเหลือผู้ตกยาก โกหกทั้งเพ บัดซบ ทุเรศสิ้นดี บัดซบที่สุด… ”
‘เพียะ! ’ หนานกงหว่านเอ๋อร์สบถด่าออกมาสามคำติดต่อกัน จากนั้นก็เห็นเพียงเงาดำเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าผู้ดูแลมาถึงด้านหน้าของหนานกงหว่านเอ๋อร์ตั้งแต่เมื่อใด เขาตบใบหน้านางไปหนึ่งฉาด
“เจ้าหุบเขาของพวกเราไม่เคยลงมือกับสตรีมาก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าตาเฒ่าอย่างข้าจะไม่ทำ ใครก็ได้ ลากทั้งสองคนนี้โยนออกไปนอกหุบเขา! ”
หลังสิ้นเสียงคำพูดของผู้ดูแล ทันใดนั้น องครักษ์ชุดดำสวมหมวกฟางจำนวนสี่คนก็เหาะเหินลงมา พวกเขาสวมหน้ากากเช่นเดียวกับจอมวายร้ายไป๋เฉ่า ก่อนจะเข้ามาอุ้มตัวหนานกงหว่านเอ๋อร์กับจงจิงเฉิน พาเหาะออกไปจากหุบเขาเทพโอสถทันที
“สตรีที่พูดจาแดกดันชวนทะเลาะไม่เลือกนั้น ข้าเกลียดที่สุด เขียนจดหมายถึงสำนักแพทย์เทียนอีเหมิน ใบสั่งสมุนไพรจากสำนักแพทย์เทียนอีเหมินยังรับตามปกติ แต่หากยังส่งสองคนนี้มาอีก ต่อไปจะปฏิเสธความร่วมมือ”
“ขอรับ! ” ผู้ดูแลรับคำสั่ง