“อ๊าก!”
เมื่อข้อมือถูกหักอย่างกะทันหัน ทังหยูหลงก็ไม่สามารถกลั้นเสียงกรีดร้องของเขาได้
ร่างกายอันสูงส่งของเขาก็งอเอวลงอย่างทนไม่ได้ ในขณะนั้น เขาคุกเข่าต่อหน้าเย่เทียน ด้วยสีหน้าซีดเซียวและหยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ก็ไหลผ่านหน้าผากของเขา
“นี่ นี่มัน……”
เดิมทีเหลยซวี่หลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง และฉากที่เย่เทียนถูกระเบิดหัวด้วยหมัดเดียวของทังหยูหลงยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเขาอย่างไม่หยุด
แต่แล้ว หลังจากนั้นสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกรีดร้องของทังหยูหลง
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้เขาฟื้นคืนสติในพริบตา และเมื่อดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเพื่อมองดูการต่อสู้ เขาก็ถึงกับต้องตกตะลึง
เพราะเขาเห็นทังหยูหลงผู้น่าเกรงขามก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้กลับคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเย่เทียน
นอกจากนี้มือซ้ายของเขายังจับมือขวาไว้แน่นๆ และมือขวาที่ดูแล้วเป็นรูปทรงแปลกประหลาด ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าเขาถูกหักแขนไปแล้ว!
แม้กระทั่งใบหน้าที่ดุร้ายของทังหยูหลงกลับบูดเบี้ยวอย่างไม่เป็นท่า ซึ่งจินตนาการได้ไม่ยากว่าเขานั้นเจ็บปวดแค่ไหน!
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เมื่อกี้เหลยซวี่หลับตา จึงไม่ได้เห็นการเคลื่อนไหวของเย่เทียน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
กรึ๊บ!
โจ๋หย่วนหันที่ได้ยินเช่นนี้ก็ตั้งสติได้ทันที และจากนั้นกลืนน้ำลายแล้วพูดว่า “หัวหน้าเหลย เมื่อกี้คุณน่าจะไม่เห็น คุณชายเย่รับการโจมตีด้วยหมัดของทังหยูหลงได้ และยังหักแขนของทังหยูหลงได้อย่างง่ายดาย!”
“คุณชายเย่สุดยอดเลยครับ! คุณชายเย่แข็งแกร่งมาก!”
“อะ อะไรนะ? เป็นไปได้ไง!”
เหลยซวี่ที่ได้ยินเช่นนี้ ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือความไม่คาดคิด
เพราะเขาเคยต่อสู้กับทังหยูหลงด้วยมือของเขามาแล้ว และเขามั่นใจว่าฝีมือของทังหยูหลงต้องอยู่ในระดับดำตอนกลางอย่างแน่นอน แล้วเขาจะถูกเย่เทียนหักแขนง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไร?
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือฝีมือของชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะอายุ 20 ต้นๆ คนนั้นเหนือกว่าทังหยูหลงมาก!
วัยรุ่นอายุ 20 ต้นๆ ก็อยู่ในฝีมือระดับดำตอนปลายแล้วหรือ? แล้วเขาล่ะ อายุ 40 ฝีมือยังอยู่ที่ระดับดำตอนต้นเท่านั้น เทียบกันไม่ได้จริงๆ!
เหลยซวี่ไม่ยอมเชื่อสำหรับความจริงนี้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความจริงที่แท้จริงนี้ เขาทำได้แค่จำใจยอมรับ!
สำหรับซือเฮ่าเจียที่คอยหลบอยู่ด้านหลังเหลยซวี่มาตลอดก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ในใจของเขาแอบรู้สึกโชคดีมากที่เย่เทียนกับโจ๋หย่วนหันเป็นเพื่อนกัน ไม่อย่างนั้น ก่อนหน้าที่เขาสร้างความขุ่นเคืองกับเย่เทียน ชีวิตของเขาก็ถูกลิขิตให้จบไม่สวยแล้ว!
ช่วงเวลาหนึ่ง ซือเฮ่าเจียก็มองไปที่โจ๋หย่วนหันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ
ส่วนลี่ชุ่ยฮวาที่หลบอยู่หลังทังหยูหลงได้แต่แสดงสีหน้าตกใจ เพราะฝีมือของเธอนั้นแย่กว่าทังหยูหลงเลยด้วยซ้ำ ฉะนั้น แม้แต่ทังหยูหลงยังถูกเย่เทียนจัดการง่ายๆ แบบนี้ แล้วเธอจะรับมือกับเย่เทียนได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอจึงกลองตาอย่างไม่หยุด แต่ปฏิกิริยาแรกก็คือการหลบหนีจากที่นี่โดยไม่สนใจอะไรอีก
เย่เทียนจับการเคลื่อนไหวของเธอได้ แต่ยังคงพูดอย่างเย็นชาว่า “ลี่ชุ่ยฮวา คุณลองหนีดูก็ได้นะ แต่คุณน่าจะรู้ดีกว่าการที่หันหลังให้กับศัตรูแล้ว มันจะเป็นอย่างไร!”
ลี่ชุ่ยฮวาที่ได้ยินเช่นนี้ ความตั้งใจในการหลบหนีก็หายไปในทันที สองตาของเธอได้แต่เหลือบมองไปที่เย่เทียน และสองข้าก็ยืนนิ่งไม่กล้าขยับไปไหนอีก
“ถ้า ถ้าแกกล้าทำร้ายฉัน แกตายแน่! ไม่ใช่แค่แกคนเดียว แต่เพื่อนของแกทุกคนก็ต้องตาย!”
ในขณะนี้ กลับเป็นทังหยูหลงที่แข็งกร้าวมากกว่า ต่อให้มือขวาของเขาจะถูกเย่เทียนหักไปแล้ว แต่เขาไม่มีความคิดที่จะยอมแพ้ และแววตาที่มองเย่เทียนก็เต็มไปด้วยความโกรธ
ถ้าดวงตาสามารถฆ่าคนได้ เกรงว่าเย่เทียนคงถูกสังหารด้วยดาบนับพันเล่มของความโกรธแค้นจากนัยน์ตาของทังหยูหลงแล้ว
“ถึงขั้นนี้แล้วยังกล้าขู่ผมงั้นเหรอ?”
เย่เทียนเหลือบมองทังหยูหลง จากนั้นฝ่ามือของเขายกขึ้นและผลักไปด้านหน้าเบาๆ และพลังชี่ทิพย์ก้อนหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ทังหยูหลง
ทังหยูหลงไม่สามารถต้านทานได้เลย ร่างกายที่คุกเข่าอยู่แล้วก็หงายหลังกลับไปครึ่งตลบ และสุดท้ายก็ฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรงด้วยท่าหงายหลัง
เอื้อก!
ก่อนที่เขาจะดิ้นรนเพื่อลุกขึ้น ใบหน้าซีดเซียวของเขาก็กลายเป็นสีแดง และเขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการโจมตีของเย่เทียนในครั้งนี้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บช้ำในมากแค่ไหน!
เมื่อเหลยซวี่เห็นสิ่งนี้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับตาวัว และอุทานออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ “ปะ ปะ ปล่อยพลังภายใน? พ่อหนุ่มคนนี้เป็นผู้แข็งแกร่งในระดับดำจริงๆ!”
อายุแค่นี้แต่ฝีมืออยู่ในระดับดำแล้ว ถ้าหากให้เวลาเขา เชื่อว่าเขาอาจไปถึงระดับดิน ระดับฟ้า หรือแม้กระทั่งแดนปราชญ์ที่ร้อยปีก็หาไม่ได้แม้แต่คนเดียวก็ได้!
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงทัศนคติที่ดูถูกต่อเย่เทียนในก่อนหน้านี้ และความรู้สึกหวาดกลัวก็เกิดขึ้นในใจเขา
ถ้าเย่เทียนจะทำการคิดบัญชีกับขา เกรงว่าเขาต้องจบอย่างน่าอนาถแน่!
แต่ในความเป็นจริง เย่เทียนไม่ได้สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ และสายตาที่มองทังหยูหลงก็เหมือนกำลังมองดูมดน้อยตัวหนึ่งที่สามารถบีบให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้
“ว่าไง? รู้จักกลัวบ้างแล้วเหรอ? ไม่ปากดีแล้วเหรอ?”
“แก แกตายแน่! ข้าจะเตือนแกไว้ก่อนนะ ถ้าให้ดี แกรีบปล่อยพวกข้าไปซะ ไม่อย่างนั้น เพื่อนร่วมทีมของข้าจะมาล้างแค้นแกแน่! ถึงตอนนั้น ไม่เพียงแต่แกเท่านั้น แม้แต่คนข้างกายของแกก็จะซวยไปด้วยทุกคน!”
“เพื่อนร่วมทีม?” เย่เทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่สีหน้าเย้ยหยันกลับชัดเจนมากขึ้น
“ใช่!”
เมื่อเห็นสีหน้าของเย่เทียนดูเหมือนจะเริ่มกังวล ทังหยูหลงจึงรู้สึกใจกล้ามากขึ้น จากนั้นอดทนกับความเจ็บปวดของร่างกายแล้วพูดต่อ “ข้าจะบอกแกตรงๆ ก็แล้วกันนะ ข้ากับชุยฮวา เป็นสมาชิกของ ‘จัดศพ’ ไม่เชื่อก็ลองไปถามได้ และคนที่ตายในน้ำมือของพวกเรา มันอาจจะไม่ถึงพันคนก็จริง แต่อย่างน้อยก็หลายร้อยคนแล้ว ถ้าแกกล้าแตะต้องพวกข้า รับรองได้เลยว่าแกต้องฝังไปกับพวกข้าอย่างแน่นอน!”
“แต่ ถ้าตอนนี้แกยอมปล่อยพวกเขาไป ข้าอาจจะไปบอกเพื่อนร่วมทีมของข้าว่าให้ไว้ชีวิตเยี่ยงสุนัขของแกไว้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็……”
เขาไม่ได้พูดต่อ แต่สิ่งที่จะสื่อนั้นจัดเจนแล้ว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเหลยซวี่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ถึงอย่างไรเขาก็คือนักบู๊คนหนึ่ง ซึ่งโลกแห่งนักบู๊ทุกคนต้องรู้จักทีม ‘จัดศพ’ นี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะทีมนี้เป็นนักฆ่าที่เชี่ยวชาญในการล่าเหล่านักบู๊ และในโลกแห่งนักบู๊ ชื่อเสียงของพวกเขานั้นเหี้ยมโหดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!
อีกอย่างทีมจัดศพนี้ลึกลับมาก หลายปีที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามีสมาชิกกี่คน คงไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขามีสมาชิกคนใครบ้าง
และเมื่อต้องเจอกับสมาชิกสองคนนี้ เหลยซวี่จึงต้องตกตะลึงโดยธรรมชาติ
เย่เทียนส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอันเย้ยหยัน ไม่คิดเลยว่าตาแก่คนนี้จะเป็นผู้ประมาทจริงๆ ถึงขั้นนี้แล้วยังกล้าพูดจาอวดดี สงสัยไม่เคยตายมาก่อน?
“ทีมจัดศพงั้นเหรอ? แต่ผมว่าเป็นทีมห่วยแตกมากกว่านะ! พวกคุณคิดว่าตัวเองลึกลับขนาดนั้นเลยเหรอ รู้ไหมว่าผมรู้รายละเอียดของพวกคุณมาตั้งนานแล้ว”
“ลี่ชุ่ยฮวาก็คือคุณยายกระดาษไหว้เจ้า เว่ยเฉินหยู่คือคุณปู่ดนตรี ทังหยูหลงคือผู้ประมาทส่งโลงศพ ส่วนหยูเสี่ยวหรงก็คือสาวอ่อนร้องศพ และยังมีไอ้กระจอกอีกคนที่ชื่อลูกเด็กบรรจุศพ!”
“ในเมื่อผมกล้าฆ่าลี่ชุ่ยฮวา แสดงว่าผมไม่กลัวการล้างแค้นของทีม ‘จัดศพ’ อยู่แล้ว!”
“ยิ่งไปกว่านั้น คุณกับลี่ชุ่ยฮวาก็จะตายด้วยกัน แล้วทีมของพวกคุณจะเหลือแค่สามคน ส่วนพวกเขาจะหาทางล้างแค้นผมได้หรือไม่ มันยังต้องรอดูต่อไปนะ!”
เย่เทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย ซึ่งเขาได้ล้วงลึกเข้าไปถึงไส้ถึงพุงของทังหยูหลงไปอย่างเรียบร้อย….