“สหายที่คุณพูดถึงมันก็แค่สมาชิกคนอื่นๆ จากทีมของจัดศพไม่ใช่เหรอ? ผมจะบอกให้นะ มาหนึ่งคนผมจะฆ่าหนึ่งคน มาสองคน ผมก็จะทั้งสองคน!”
“แก แกรู้จักทีมจัดศพของเราได้ยังไง?”
สีหน้าของทังหยูหลงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
สำหรับลี่ชุ่ยฮวาคงไม่ถึงพูดถึง
ในขณะที่เย่เทียนพูดถึงสมาชิกที่เหลืออีกสามคนของทีมจัดศพ เธอก็ได้ถอยกลับเข้าไปในถ้ำอย่างเงียบๆ
หันหลัง?
เธอยังไม่กล้าทำเช่นนั้น! เพราะฝีมือของเธอยังเทียบไม่ได้กับทังหยูหลงเลย แต่เย่เทียนกลับล้มทังหยูหลงได้ง่ายๆ แบบนี้ แล้วถ้าเธอยังกล้าหันหลังให้กับเย่เทียนอีก นั่นจะไม่หมายถึงเธอรนหาที่ตายงั้นหรือ?
หนีไป?
เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ หลังจากที่เย่เทียนข่มขู่เธอ เธอจึงรู้ดีว่าเย่เทียนไม่มีวันปล่อยเธอหนีไปอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ สิ่งเดียวที่เธอสามารถพึ่งพาได้ในตอนนี้ก็คือแมงมุมร้อยพิษเจ็ดสีที่อยู่ในถ้ำ!
“จริงด้วยสิ ผู้บัญชาโจ๋ เมื่อกี้คุณบอกว่าทังหยูหลงคืออาชญากรที่หลบหนีเมื่อแปดปีก่อน ดังนั้นเขาน่าจะมีค่าหัวด้วยสินะ?”
เย่เทียนไม่ได้ตอบคำถามของทังหยูหลง แต่กลับถามคำถามแปลกประหลาดกับโจ๋หย่วนหัน
ซึ่งขาของยุงแม้จะเล็กแค่ไหน แต่มันก็ยังเป็นเนื้ออยู่ดี แล้วเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ที่อยู่ตรงหน้า เย่เทียนจะปล่อยมันไปได้อย่างไร!
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา เหลยซวี่กับซือเฮ่าเจียที่ไม่เคยรู้จักเย่เทียนมาก่อนก็ถึงกับเบิกตากว้างทันที
ด้วยระดับฝีมือของเย่เทียน ถ้าเขาคิดจะหาเงินจริงๆ เงินเป็นสิบล้านมันก็แค่เรื่องในไม่กี่นาทีไม่ใช่หรือ แล้วเขาจำเป็นต้องเคี้ยวกับเนื้อชิ้นนี้หรือ?
โจ๋หย่วนหันที่ได้ยินเช่นนี้ก็ดึงสติกลับมาจากเรื่องราวของกลุ่มจัดศพ จากนั้นยิ้มพูดอย่างขมขื่นว่า “คุณชายเย่ ในเมื่อเขาเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนี มันต้องมีค่าหัวอย่างแน่นอนครับ”
“แต่ว่า ค่าหัวของเขาอยู่ที่ห้าแสนเท่านั้นครับ”
“ใช่เหรอ?”
เย่เทียนแสดงสีหน้าแปลกประหลาดและพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แต่ลี่ชุ่ยฮวามีความผิดแค่สามกระทงเองนะ ค่าหัวตั้งล้านหนึ่ง”
“ส่วนทังหยูหลงคนนี้ แค่คดีอาชญากรรมส่วนตัวอย่างน้อย 48 ชีวิตแล้ว นี่ยังไม่ได้รวมถึงคดีร่วมเลยนะ ผมว่าอย่างน้อยมือเขาต้องเปื้อนเลือดมาร้อยกว่าศพแน่ แล้วทำไมให้ค่าหัวแค่นี้ล่ะ?”
“คุณชายเย่ครับ เพราะมันเป็นคดีเมื่อแปดปีก่อนแล้วครับ อีกอย่างค่าเงินในสมัยนั้นแข็งกว่าสมัยนี้ คุณก็น่าจะทราบเรื่องนี้ดีครับ ผมว่าห้าแสนก็ไม่น้อยแล้วนะครับ”
“นอกจากนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ทังหยูหลงปกปิดตัวตนมาตลอด ต่อให้เขาก่อเหตุฆาตกรรมร่วมกับผู้อื่นอีก แต่เราไม่มีหลักฐาน ฉะนั้นค่าหัวของเขาก็จะไม่เพิ่มขึ้นครับ”
“สำหรับคุณยายกระดาษไหว้เจ้าคนนี้ ความผิดของเธอคือการฆาตกรรมต่อเนื่อง และการตายของเหยื่อก็น่ากลัวเกินไป ทำให้เกิดกระแสที่รุนแรงต่อสังคม ผู้ใหญ่จึงอยากให้คดีของเธอจบให้ไวที่สุด ดังนั้นจึงได้ตั้งค่าหัวให้สูงลิ่วขนาดนี้ครับ”
โจ๋หย่วนหันลูบจมูกเบาๆ ด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ไอ้สารเลว สรุปแล้ว……”
พูดถึงค่าหัวต่อหน้าเจ้าตัว แล้วจะไม่ให้ทังหยูหลงโกรธได้อย่างไร?
“หุบปาก! คุณมีสิทธิ์พูดแทรกตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เย่เทียนขมวดคิ้ว จากนั้นสะบัดข้อมือโดยไม่ลังเลใดๆ และพลังชี่ทิพย์อันเฉียบคมและรุนแรงก็พุ่งเข้าหาทังหยูหลงทันที
สวบ!
ด้วยเสียงที่คมชัด ศีรษะก้อนโตของทังหยูหลงก็ลอยออกไป สองตาของเขายังคงเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ ดูเหมือนว่าเขายังไม่เชื่อว่าเย่เทียนจะฆ่าเขาจริงๆ
เมื่อมองไปที่วิธีการอันน่าเขย่าขวัญของเย่เทียน เหลยซวี่ ซือเฮ่าเจีย และโจ๋หย่วนหัน ทั้งสามที่มากประสบการณ์ต่างก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ ในทันที
ส่วนตำรวจติดอาวุธทุกคนก็กลัวหน้าซีด ดวงตาที่มองเย่เทียนเต็มไปด้วยความกลัวและความสยองขวัญ
โดยเฉพาะตำรวจตัวเล็กที่เป็นคนนำทาง เขากลัวจนก้มหัวอาเจียนออกมาและขาสั่นอย่างไม่หยุด คาดว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เขาจะไม่มีทางได้หลับสบายอย่างแน่นอน
เย่เทียนเป็นคนที่โหดเหี้ยมและเด็ดขาดเกินกว่าที่คิด เพียงแค่พูดจาไม่เข้าหู เขาก็ตัดหัวอย่างไม่สนใจอะไร ซึ่งฉากนี้มันเลือดเย็นเกินกว่าทุกคนจะรับได้จริงๆ
“ผมก็แค่ตบเขาไม่ใช่เหรอ พวกคุณจำเป็นต้องตกใจขนาดนี้เลยเหรอ?”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่แปลกประหลาดของทุกคน เย่เทียนก็แสยะยิ้มถามขึ้น
“คุณ คุณชายเย่ คุณดูเองจะดีกว่านะครับ”
โจ๋หย่วนหันฝืนทนกับท้องไส้ที่ปั่นป่วน และชี้นิ้วออกไปที่ทังหยูหลงด้วยใบหน้าอันซีดเซียว
“เอ๊ะ?!” เย่เทียนมองไปที่ใบหน้าอันไม่เต็มใจของทังหยูหลง และดวงตาก็กระตุกเบาๆ
เขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าทังหยูหลงจริงๆ!
เพราะทังหยูหลงพูดมากเกินไป เขาเพียงแค่จะตบให้ทังหยูหลงหุบปากไปก็เท่านั้น แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาดันตัดหัวของทังหยูหลงไปแล้ว!
ที่สำคัญ สำหรับคนชั่วร้ายอย่างทังหยูหลง ให้เขาตายแบบนี้มันจะสบายเกินไปไหม?
“ผู้บัญชาโจ๋ครับ ถ้าตายแบบนี้ยังมีค่าหัวอยู่ไหม?”
เพียงแต่ว่า ก่อนที่ทุกคนจะตั้งสติได้อีกครั้ง เสียงพูดอันน่าอึดอัดใจของเย่เทียนก็ดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง
และก่อนที่โจ๋หย่วนหันจะตอบสนอง ซือเฮ่าเจียก็แย่งพูดขึ้นอย่างแน่วแน่ก่อน “มีครับ!”
เย่เทียนที่ได้ยินเช่นนี้ก็หันมองไปที่ซือเฮ่าเจียอย่างน่าสนใจ แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขามากนัก
“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในถ้ำนี้ เพื่อความปลอดภัย ทุกคนรอผมที่นี่แล้วให้ผมเข้าไปคนเดียวจะดีกว่า!”
เมื่อพูดจบ เย่เทียนไม่ได้สนใจว่าทุกคนจะคิดอย่างไรด้วยซ้ำ ได้แต่เดินตรงเข้าไปในถ้ำอย่างสบายใจเฉิบและหายไปจากสายตาของทุกคนอย่างรวดเร็ว
“ผู้บัญชาโจ๋ ไอ้หมอ……คุณชายเย่คนนี้มาจากไหนกันแน่ครับ? ทำไมถึงโหดขนาดนี้?”
หลังจากที่เย่เทียนจากไป เหลยซวี่ก็ตั้งสติได้ทันที และเขาก็รีบเข้าไปถามโจ๋หย่วนหัน
เขารู้สึกหวาดกลัวต่อการกระทำของเย่เทียนอย่างสิ้นเชิง แล้วจะกล้าหาว่าเย่เทียนเป็นเด็กเมื่อวานซืออีกหรือ? ทำได้เพียงเรียกคุณชายเย่เหมือนกับโจ๋หย่วนหัน
“หัว หัวหน้าเหลย?!”
โจ๋หย่วนหันถึงกับตกตะลึงจนเดินถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัด เมื่อตั้งสติได้อีกครั้งเขาจึงตอบว่า “สำหรับตัวตนของคุณชายเย่นั้นผมไม่รู้ครับ แต่ว่า……”
หลังจากหยุดครู่หนึ่ง โจ๋หย่วนหันก็พูดอย่างขมขื่น “คุณน่าจะรู้จักหน่วยชางหลงในเจียงหนันของเรานะครับ? ที่ผมจะบอกก็คือ หัวหน้าหน่วยชางหลงอย่างเฉิงหลงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณชายเย่เลยนะครับ”
“นอกจากนี้ คุณชายเย่ยังปฏิเสธคำเชิญการเข้าร่วมหน่วยชางหลงจากเฉิงหลงอีกด้วยครับ”
“ตามคำตอบจากปากของคุณชายเย่แล้ว เขายังบอกว่า ต่อให้เหล่าเดอะคิงทั้งสามมาขอร้องเขา เขายังต้องพิจารณาก่อนเลยครับ”
เหลยซวี่ตกใจจนสีหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น
ไม่แปลกใจเลยที่เย่เทียนแข็งกร้าวขนาดนี้ ที่แท้หน่วยชางหลงซึ่งเป็นหนึ่งในแปดของกองกำลังพิเศษเขายังไม่สนใจเลย แม้กระทั่งการเข้าร่วมกับเหล่าเดอะคิงทั้งสามเขายังต้องพิจารณาก่อน!
ในขณะนี้ ไม่ใช่เหลยซวี่คนเดียวที่รู้สึกตกใจ แม้แต่ซือเฮ่าเจียและคนของเขายังต้องตกใจจนอ้าปากค้าง ทุกคนต่างก็ไม่คาดคิดเลยว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งขนาดนี้
แต่แน่นอน ถ้าหากได้ยินเรื่องนี้ในก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่เชื่อ และยังต้องดูถูกเย่เทียนอย่างแน่นอน
แต่ทุกคนได้เห็นฝีมือของเย่เทียนกับตาแล้ว แล้วพวกเขาจะสงสัยอะไรอีก อายุน้อยๆ แต่ทรงพลังขนาดนี้ ผิดตรงไหนที่เขาจะทำตัวเย่อหยิ่ง!
อย่างไรก็ตาม โดยไม่ต้องรอให้ทุกคนฟื้นจากอาการตกใจ ร่างของเย่เทียนก็โผล่ออกมาจากทางเข้าถ้ำอีกครั้ง
แต่มีสิ่งที่แตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้ นั่นก็คือสองร่างในมือของเย่เทียน
ซึ่งสองร่างที่ว่า นอกจากจี้เยียนหรันกับกงหย่วนแล้ว จะเป็นใครได้อีก?!