ตอนที่ 231

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 231: ทำลายตันเถียน

 

วังไป๋เหลียนนั้นทรงอำนาจมาก เป็นธรรมดาที่จะถูกเชิญ อวี่ชีเชียนก็เป็นหนึ่งในตัวแทน ส่วนใหญ่แล้วที่เห็นจะมีตัวประมุขมาด้วย อาณาจักรใต้พิภพเป็นคนเชิญ กระทั่งตัวตนระดับประมุขยังไม่กล้าเมิน

 

อาณาจักรใต้พิภพเป็นอาณาจักรใหญ่ที่มีจักรพรรดิเป็นผู้ปกครอง พวกเขาจำเป็นต้องให้ประมุขมาด้วยตัวเอง นอกเสียจากว่าจะไม่มีประมุข อย่างนั้นคงต้องเป็นตัวแทนคนอื่น ดังนั้น เมื่ออี้เทียนหยุนกวาดตามองรอบๆ เขาก็พบกับผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหญ่ แต่ละคนล้วนแต่อยู่ในระดับก่อแกนวิญญาณทั้งนั้น

 

ส่วนระดับหลอมรวมมีนับไม่ถ้วน ถ้าเกิดว่านี้เป็นขุมกำลังของสำนักใดสำนักหนึ่งล่ะก็ มันจะต้องเป็นสำนักที่ร้ายกาจที่สุดบนทวีปเทียนจิ่งนี้อย่างแน่นอน!(ขอเปลี่ยนจากอาณาจักรเป็นทวีปนะครับ มันจะไปซ้ำกับระดับของสำนักเอา)

 

ยังไงก็ตาม มันก็มีสำนักที่มีระดับนี้อยู่เหมือนกัน นั่นก็คืออาณาจักร ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณในอาณาจักรนั้นมีมาก เหนือกว่าสิบขึ้นไป ส่วนระดับหลอมรวมยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกเรียกว่าอาณาจักรหรอก

 

อาณาจักรสามารถกวาดล้าง หรือควบคุมทั่วทั้งทวีปเทียนจิ่งนี้ได้ นี่ก็คือความแข็งแกร่งของพวกเขา

 

“อี้เข่อชิง(แขกผู้ทรงเกียรติ) เจ้าก็มาด้วย?” น้ำเสียงที่คุ้นหูดังมาจากด้านข้าง

 

อี้เทียนหยุนหันไปมอง แล้วก็พบว่าเป็นผู้อาวุโสหยุนที่กำลังเดินมาหาเขาด้วยสีหน้าตกใจ เขาพึ่งจะพูดไปว่าการที่อี้เทียนหยุนไม่มาเป็นเรื่องน่าเสียดายนัก เพราะที่นี่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มาก ถ้าสามารถรู้จักเพิ่มคนหนึ่ง มันจะต้องเป็นประโยชน์ต่อตัวอี้เทียนหยุนไม่ใช่น้อยๆ อย่างแน่นอน

 

แต่ไม่คิดว่าอี้เทียนหยุนจะมาด้วย ทั้งยังมาพร้อมขุมอำนาจอื่น

 

“ผู้อาวุโสหยุน ท่านก็มาด้วย” อี้เทียนหยุนยิ้ม กับตำหนักซิงเฉินนี้ เขารู้สึกละอายอย่างมาก ถึงยังไงเขาก็เป็นคนทำให้สระเทียนหลิงยี่ของผู้อื่นเหือดแห้ง จนไม่เหลือไว้แม้สักหยด

 

“ใช่ พวกเราเพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง เจ้าตำหนักหลี่เพิ่งจะพูดอยู่เลยว่าเจ้าไม่มา ยังรู้สึกเสียดายแทนเจ้าไม่หาย” ผู้อาวุโสหยุนมองไปทางพวกผู้อาวุโสใหญ่อย่างมีความหมาย “ไม่คิดว่าเจ้าจะมาด้วยกันกับวังเทียนจี๋ หรือว่าอี้เข่อชิงจะเข้าร่วมวังเทียนจี๋แล้ว?”

 

“ใช่ ข้าเข้าร่วมวังเทียนจี๋แล้ว อยากจะขอให้ผู้อาวุโสหยุนช่วยดูแลพวกเราด้วย” อี้เทียนหยุนไม่ปกปิด ในเมือตอนนี้เขาเลือกที่จะยืนข้างวังเทียนจี๋ แน่นอนว่าต้องเป็นคนของวังเทียนจี๋

 

“ยินดีกับอี้เข่อชิงด้วย” ปากของผู้อาวุโสหยุนพูดแสดงความยินดี แต่สายตาที่อ่อนโยนกลับมีแววของความผิดหวังวาบผ่าน คิดว่าระดับอย่างอี้เทียนหยุนนั้น การเข้าร่วมกับวังเทียนจี๋ช่างเป็นการเสียเปล่านัก

 

วังเทียนจี๋ยิ่งมายิ่งตกต่ำ กระทั่งทรัพยากรที่หาได้ก็ไม่เท่าไหร่ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผู้อาวุโสหยุนผิดหวังได้ยังไง? ยังไงก็ตาม เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากชักจูงอะไร ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้คุ้นเคยกับอี้เทียนหยุนอยู่แล้ว

 

และในตอนนี้เอง ก็ได้มีร่างที่คุ้นเคยปรากฏขึ้น ทำให้อี้เทียนหยุนรู้สึกประหลาดใจ ผู้มาใหม่นี้ไม่ใช่บุคคลยิ่งใหญ่อะไร แต่เป็นจางปิน คนที่ถูกเขาโจมตีไปเมื่อก่อนหน้านั่นเอง! นี่เป็นเพียงแค่ตัวประกอบเล็กๆ เป็นแค่ตัวตนสามัญ แต่ไม่คิดว่าจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ จึงทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ

 

“คารวะผู้อาวุโสใหญ่….” จางปินเดินเข้ามา พร้อมกับทักทายผู้อาวุโสใหญ่ ท่าทางของเขาไม่ได้มีความสุภาพแม้แต่น้อย ทั้งยังเต็มไปด้วยความอวดดีด้วยซ้ำ และเมื่อมองมาที่อี้เทียนหยุน สายตาของเขาก็กลายเป็นดูถูก “เอ๋ ไม่คิดว่าเจ้าจะเข้ามาร่วมสนุกด้วย ดูเหมือนว่าวังเทียนจี๋จะให้ความสำคัญกับเจ้าจริงๆ นะ”

 

จางปินนั้นแน่นอนว่าไม่รู้ว่าอี้เทียนหยุนเป็นประมุข ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้ประกาศสู่ภายนอก คนส่วนใหญ่จึงไม่รู้ว่าเขาคือประมุขที่แท้จริง มีเพียงผู้จัดการที่เชื่อถือได้เท่านั้น ถึงจะรู้ว่าอี้เทียนหยุนเป็นประมุข

 

ตอนแรกเหล่าผู้จัดการต่างพากันไม่เชื่อ แต่หลังจากทำความเข้าใจแล้วก็พากันตกใจ แม้ว่าชื่อเสียงอาจจะไม่เพียงพอ แต่อย่างน้อยระดับพลังก็เกินพอแล้ว

 

“หืม? ข้าจำได้ว่าเจ้าชื่อจางปิน เป็นคนของตำหนักเทียนเหวิน ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่?” ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้ว ศิษย์ตำหนักเทียนเหวินมีใครบ้างเขาย่อมรู้ดี กระทั่งว่ายังจำชื่อได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะจางปินที่มีตำแหน่งสูงมาก ดังนั้นเขาจึงรู้จักเป็นธรรมดา

 

“แล้วทำไมข้าจะมาที่นี่ไม่ได้…..” จางปินพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอวดดี “นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะเรียกท่านว่าผู้อาวุโสใหญ่ จากนี้ไป ข้าเป็นคนของวังเสินเหวิน และก็ขอแสดงความเสียใจด้วย พวกเขาหลายคนได้เข้าร่วมวังเสินเหวินแล้ว ไม่ใช่คนของวังเทียนจี๋อีกต่อไป”

 

“อะไรนะ?” สีหน้าผู้อาวุโสใหญ่ดำคล้ำอย่างน่ากลัว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการทรยศสำนักจะต้องเจอกับบทลงโทษอะไรบ้าง!”

 

“ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว การทรยศสำนัก ต้องถูกทำลายพื้นฐานฝึกตนใช่ไหมล่ะ….” จางปินพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างวังเทียนจี๋มีอะไรให้เสียด้วย? ก็แค่ค่ายกลขยะ วิชายุทธ์ขยะ ฝึกไปก็ไม่ได้รู้สึกก้าวหน้าอะไร วังเสินเหวินยังดีกว่าตั้งเยอะ…. วังเทียนจี๋น่ะ เน่าเปื่อยเต็มทีแล้ว”

 

“เจ้า!” ผู้อาวุโสใหญ่ถลึงตา ทำท่าจะโจมตี

 

แต่จางปินไม่กลัว “ข้ามีวังเสินเหวินหนุนหลังอยู่ จากนี้ไปข้าเป็นคนของหวังเสินเหวิน ท่านโจมตีข้าก็เท่ากับตบหน้าวังเสินเหวิน ท่านต้องคิดให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ของสองสำนัก…..”

 

“เพี๊ยะ!”

 

ฝ่ามือถูกตบออกไป ตบเข้าที่หน้าของจางปินอย่างแรงจนกระเด็นไป เสียงตบนี้เรียกความสนใจของคนรอบๆ ได้ทันที พวกเขาต่างพากันมองมาที่นี่ ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าลงมือในงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย?

 

และคนที่ลงมือก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นอี้เทียนหยุน!

 

“สวะ ขนาดขยะยังดีกว่าเจ้าเลย” อี้เทียนหยุนสะบัดมือ สายตาเย็นชาจนน่ากลัว

 

จางปินที่ถูกตบ ทำให้ฟันร่วงหลุดจากปากไปไม่รู้กี่ซี่ เลือดท่วมปาก ดูแล้วน่าสยองยิ่งนัก

 

“เจ้า เจ้ากล้าทำร้ายข้า!” จางปินลุกขึ้นมา แน่นอนว่าเป็นเพราะอี้เทียนหยุนออมมือไว้ จึงทำให้เขาลุกขึ้นมาได้

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ในตอนนี้เอง ได้มีชายหนุ่มเดินเข้ามา บนชุดของเขาปักไว้ด้วยอักษร “วังเสินเหวิน” สามตัวอักษร เห็นได้ชัดว่าเป็นคนของวังเสินเหวิน

 

“ผะ ผู้จัดการเซี่ยง….. มัน มันทำร้ายข้า คนของวังเทียนจี๋ทำร้ายข้า!” เมื่อจางปินเห็นผู้จัดการมา ก็ราวกับคว้าฟางข้าวเอาไว้ได้ พร้อมกับชี้มายังอี้เทียนหยุนแล้วพูดอย่างเย็นชา

 

ผู้จัดการเซี่ยงมองมา เมื่อรู้ว่าเป็นวังเทียนจี๋ สีหน้าก็พลันจมลงในทันที เขาเดินเข้ามา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “วังเทียนจี๋ ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะกล้าลงมือกับคนของพวกเราจริงๆ!”

 

อี้เทียนหยุนตกใจ หรือว่าคนพวกนี้จะไม่รู้เรื่องที่เขาฆ่าคนของวังเสินเหวิน? พวกเขาคงจะแยกกันมาเป็นกลุ่ม และเห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนี้ คือพวกที่พาจางปินกับพวกมาเปิดหูเปิดตา ส่วนพวกหลินเฟิงนั้น ไม่รู้ว่ามาเพราะเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า

 

“ข้าโจมตีคนของวังเทียนจี๋ของข้า แล้วมันมีปัญหาอะไรอย่างงั้นเหรอ?” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

 

“เขาในตอนนี้เป็นคนของวังเสินเหวินของพวกเราแล้ว วังเสินเหวินน่ะรู้จักหรือเปล่า!” ผู้จัดการเน้นคำว่า “วังเสินเหวิน” เป็นพิเศษ ทั้งใบหน้ายังเต็มไปด้วยความดูถูก พร้อมกับพูดขึ้นว่า “พรสวรรค์ของเขาถือว่าดี อยู่กับวังเทียนจี๋ก็เสียของเปล่าๆ…. ตั้งแต่วันนี้ไป พวกเขาเป็นคนของพวกเราแล้ว ถ้าเจ้าเก่งจริงก็ลงมือกับเขาอีกสิ ลงมือกับเขา เท่ากับลงมือต่อพวกเราวังเสินเหวิน!”

 

จางปินวางท่าอวดดีอยู่ข้างหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความยั่วยุ มีผู้หนุนหลังอย่างนี้ ยิ่งทำให้เขาได้ใจ

 

“ใช่แล้ว ข้าเป็นคนของวังเสินเหวิน ไม่เกี่ยวอะไรกับวังเทียนจี๋ของพวกเจ้า! เจ้าต้องขอโทษกับการกระทำก่อนหน้านี้ อย่างน้อยก็ต้องให้ข้าตบคืนสองครั้ง ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ไม่จบแน่…..”

 

“เปรี้ยง!”

 

คราวนี้เป็นลูกเตะ พวกเขาไม่ทันตอบสนอง จางปินก็ถูกถีบกระเด็นไปแล้ว ราวกับเป็นการเหยียบหน้าผู้จัดการอย่างเขา

 

“ทุกสำนักล้วนมีกฎ ในเมื่อเจ้าอยากได้เจ้าขยะนี้นัก ย่อมได้! ตอนนี้พามันไปได้เลย” อี้เทียนหยุนโบกมือเป็นการเชื้อเชิญ

 

“ตันเถียน ตันเถียนของข้า พลังฝึกตนของข้า…..” จางปินลุกขึ้นมา สีหน้าราวกับคนตาย เมื่อพบว่าพลังฝึกตนของตนถูกทำลาย ตอนนี้เขากลายเป็นขยะไปแล้ว!