บทที่ 108 ถ้าเจ้าชอบใครสักคน (ปลาย)

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์

บทที่ 108 ถ้าเจ้าชอบใครสักคน (ปลาย)

สตรีผมยาวหันไปรอบ ๆ ดวงตาของนางกวาดมองไปยังรูปปั้นไม้แกะสลักเหล่านั้น มีคลื่นอารมณ์ สะท้อนอยู่ในดวงตา ดูเหมือนว่านางกำลังหวนคิดถึงอดีต หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวก็ค่อย ๆ สัมผัสรูปปั้นไม้แกะสลักอันหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง

“อันที่จริงข้ารู้ดีว่าเขาน่าจะหลงลืมข้าไปตั้งนานแล้ว มิอย่างนั้นด้วยความแข็งแกร่งที่เขามีอยู่ เพียงใช้ เวลาไม่ถึงสองชั่วยามก็มาถึงที่นี่แล้ว… แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ข้าจะจดจำเขาไว้…”

เมื่อพูดจบนางก็ยื่นฝ่ามือข้างขวาออกมา จากนั้นกระบี่ที่ลอยอยู่เหนือที่พำนักพลันกลายเป็นแสงสีดำ และบินเข้ามาในห้องโถง ก่อนจะค่อย ๆ ลอยลงในมือของสตรีผมยาวที่รอรับอยู่อย่างพอดิบพอดี

สตรีผมยาวหันไปมองเยี่ยฉวน

“กระบี่เล่มนี้มีนามว่าหลิงโย่ว แต่เพราะว่าข้าไม่ได้ดูแลรักษาให้ดี สุดท้ายมันจึงเสื่อมถอยจากกระบี่ที่ แท้จริงไปเป็นกระบี่จิตวิญญาณแทน หลิงโย่วกับหลิงเซี่ยว แต่เดิมเป็นกระบี่ที่ใช้คู่กัน มันทั้งสองสามารถรวมกันเป็นหนึ่งหรือจะใช้แยกกันก็ได้ หากรวมกันเป็นกระบี่เล่มเดียว มันจะสามารถเลื่อนระดับได้ตามพละกำลัง ความแข็งแกร่งของผู้ใช้งาน ขีดจำกัดของการผสานกันคือกระบี่สวรรค์ซึ่งเป็นขั้นสูงกว่ากระบี่แท้จริง อาวุธที่ข้ามอบให้เจ้านั้นจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างดี ตัวเจ้าและกระบี่ทั้งสองควรจะได้รับการปรับปรุงดูแลอย่างต่อ เนื่อง ทีนี้ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่ากระบี่ทั้งสองนี้จะสามารถพัฒนาขึ้นไปถึงระดับไหนได้”

หลังจากนั้นนางก็ส่งกระบี่หลิงโยว่และกระบี่หลิงเซี่ยวให้เยี่ยฉวนกับมือ

เยี่ยฉวนลังเลเล็กน้อยแล้วจึงค่อย ๆ หยิบกระบี่ทั้งสองเล่มขึ้นมา เขารู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างมัน ทั้งสองได้ทันที

สตรีผมยาวระบายยิ้มอ่อน “เจ้าไปได้แล้วล่ะ”

เยี่ยฉวนมองนาง “แล้วท่านไม่ไปด้วยกันกับข้าหรือ ?”

สตรีผมยาวส่ายศีรษะ “นี่คือที่ที่ข้าได้พบกับเขา ฉะนั้นมันจึงจะเป็นสถานที่ที่ทุกอย่างจบลง”

ว่าแล้วนางจึงสัมผัสที่ศีรษะของเยี่ยฉวนเบา ๆ “หากในวันหนึ่งที่เจ้ามีคนที่เจ้ารัก เจ้าจะต้องจดจำทุกคำพูดของตัวเองไว้ให้มั่น แล้วอย่าผิดสัญญานะ…”

เยี่ยฉวนไม่ได้พยายามโน้มน้าวนาง เพียงแค่โค้งคำนับอย่างจริงใจ ก่อนที่เขาจะหมุนตัวกลับหลังหัน เพื่อเดินออกมาจากห้องโถง

ภายในห้องโถงนั้น สตรีผมยาวหันกลับไปมองรูปปั้นไม้แกะสลักที่อยู่ตรงหน้า นางโอบกอดมันไว้แล้ว ค่อย ๆ เอนศีรษะลงบนส่วนของหัวไหล่อย่างแผ่วเบา เปลือกตาของสตรีผมขาวปิดลงอย่างช้า ๆ จนนิ่งสนิท เหมือนกับว่าจะไม่มีทางเปิดขึ้นมาอีกแล้ว

ที่ข้างนอก เยี่ยฉวนหันไปมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกซับซ้อน

แต่เดี๋ยวก่อน !

เขาไม่รู้ว่าสตรีผมยาวในห้องโถงรอคอยจ้าวแห่งกระบี่มานานแค่ไหนแล้ว แต่ก็มั่นใจได้ว่านางคงต้อง รอเขามานานแล้วแน่ มิรู้ว่าเป็นเพราะจ้าวแห่งกระบี่ถูกทำให้ล่าช้าเพราะติดพันธุระอย่างอื่น หรือว่าเขาหลงลืมนางไปแล้วจริงกัน ๆ?

ช่างเถอะ เขาก็ไม่ได้อยากจะครุ่นคิดไปมากกว่านี้หรอกนะ !

ตอนนั้นเองที่มีเสียงการต่อสู้ดังมาจากด้านหลังห้องโถง เยี่ยฉวนตกใจ เขารีบเก็บกระบี่ทั้งสองเล่มและวิ่งไปดูสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ขณะนี้มีคนจำนวนมากไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่นแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเสียงต่อสู้ที่ดึงดูดคนมาจากที่อื่น !

เยี่ยฉวนมองไปรอบ ๆ ทันใดนั้นก็มีร่างของสตรีผู้หนึ่งตกลงมาตรงหน้าเขา คนคนนั้นคือองค์หญิงเก้า !

เยี่ยฉวนอยากจะอ้าปากถาม แต่ชายหนุ่มกลับถูกองค์หญิงเก้าคว้าแขนไว้และกระตุกให้ออกวิ่งไปด้วยกัน

“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้ นางขโมยม้วนคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีไป !”

มีเสียงจากบางคนตะโกนไล่หลังมา จากนั้นเยี่ยฉวนก็รู้สึกได้ว่ายังมีอีกหลายชีวิตที่ด้านหลังกำลังวิ่ง ตามมาทางพวกเขาอย่างสุดฝีเท้า แต่ในขณะเดียวกัน ชายหญิงคู่หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นขวางหน้าพวกเยี่ยฉวนเอาไว้โดยไม่มีสัญญาณเตือน !

ทั้งสองคน ต่างก็เป็นคนที่ชายหนุ่มเคยเห็นมาแล้วก่อนหน้านี้

ชายคนนั้นมองไปที่องค์หญิงเก้าอย่างไร้ความปราณี “ทิ้งคัมภีร์เสีย !”

องค์หญิงเก้ายิ้มเยาะ “ก็มาเอาไปสิ !”

ชายคนนั้นเพียงเขย่งเท้าข้างขวาเบา ๆ บนพื้น

เปรี๊ยะ !

พื้นดินแยกออกพร้อมกับฝ่ายตรงข้ามที่กลายเป็นเงาลวงตาจำนวนมาก ว่าแล้วเงาเหล่านั้นก็พลันพุ่ง ตรงไปทางองค์หญิงเก้า

องค์หญิงเก้ายกยิ้มที่มุมปากเป็นรอยโค้งอย่างชั่วร้าย นางถือดาบโค้งสีทองไว้ในมือขวาจากนั้นก็ตวัด มันออกไปข้างหน้าทันที

ขวับ !

แสงสีทองของกระบี่สว่างวาบไปทั่วทั้งลานกว้าง

ตู้ม !

เมื่อเสียงระเบิดดังขึ้น ทั้งองค์หญิงเก้าและเยี่ยฉวนต่างกระโดดถอยออกมาอย่างต่อเนื่อง

แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง คนอีกกลุ่มที่วิ่งมาที่นี่ก็พลันเข้าล้อมตัวเยี่ยฉวนและองค์หญิงเก้าเอาไว้แล้ว

พอเห็นฉากนี้องค์หญิงเก้าก็จึงก้มหน้า

คัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพี !

มูลค่าของมันนั้นมากมายเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ ต้องรู้ก่อนว่าทั่วทั้งแคว้นเจียงนั้นมีคัมภีร์ยุทธ์ชั้น ยอดขั้นปฐพีอยู่ไม่ถึงสิบม้วน แม้แต่คนในราชวงศ์เจียงเองก็ใช่ว่าจะมีไว้ในครอบครอง มีเพียงสำนักที่อยู่มานานกว่าพันปีอย่างสำนักอัปสรเมรัยและสำนักศึกษาฉางมู่เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ถามถึง !

ด้วยคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีในมือม้วนนี้ องค์หญิงเก้าไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ แน่นอน !

ฝั่งตรงข้ามยังคงจับจ้องมาที่เยี่ยฉวนและองค์หญิงเก้า “ทิ้งม้วนคัมภีร์ไว้ที่นี่เสีย แล้วพวกเจ้าก็ไปได้ !”

รอบ ๆ นั้น อีกฝ่ายยังทำแค่จด ๆ จ้อง ๆ เพื่อดูเชิงอยู่ พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวเนื่องจากกริ่งเกรงฝีมือที่แข็งแกร่งขององค์หญิงเก้า

องค์หญิงเก้ามองเยี่ยฉวนที่ยืนอยู่ข้างๆ “เจ้าคิดว่าไง ?”

“ตัวข้าคิดยังไงน่ะหรือ ?”

เยี่ยฉวนกระซิบถาม “ไอ้เจ้าคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพีนี่มันจะขายได้เงินสักเท่าใดกัน ?”

องค์หญิงเก้าคิดคำนวณก่อนตอบ “อย่างน้อย ๆ ก็ห้าสิบล้านเหรียญทอง แต่นี่มันไม่ได้มีไว้ขายนะ !”

“ตั้งห้าสิบล้านเหรียญทองเชียวหรือ !”

เยี่ยฉวนกะพริบตาปริบ ๆ และหันไปมององค์หญิงเก้า “แล้วอย่างนี้ข้าจะคิดอะไรได้อีกเล่า ? แน่นอนว่า เราควรจะสู้เพื่อมัน และต้องสู้สุดชีวิตเสียด้วย !”

เมื่อลดเสียงลงเขาก็กำหมัดแน่น ก่อนที่กระแสลมปราณอันน่ากลัวที่มีอยู่ภายในร่างของชายหนุ่มจะ พากันไหลเวียนอย่างรุนแรง โดยไม่ทันบอกกล่าว เยี่ยฉวนพลันพุ่งทะยานไปยังชายคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ อย่าง รวดเร็วราวกับถูกฉีดยากระตุ้น

องค์หญิงเก้าได้แต่สิ้นคำพูดกับภาพที่เกิดขึ้น “…”