บทที่ 147 ชอบกินมะม่วง

รักหวานอมเปรี้ยว

ตั้งแต่ที่เธอถูกงูกัดในตอนกลางวัน หลังจากที่ตื่นขึ้นมา เขาไม่เพียงแต่ไม่สนใจเธอเท่านั้น ดูเหมือนจะไม่อยากแม้แต่ชายตามองเธอ

เธอจะไปทนได้อย่างไร

“เปล่าครับ” เปปเปอร์ตอบอย่างเฉยเมยและดื่มซุป

เมื่อได้ยินเสียงที่ค่อนข้างเย็นชา ส้มเปรี้ยวรู้สึกอึดอัดใจมากขึ้น

เธอกัดริมฝีปากล่างของตนเอง ตอนนี้เธอแทบยิ้มไม่ออก “ไม่ใช่ว่าอารมณ์ไม่ดีเหรอคะ ฉันเห็นคุณ……”

“เอาล่ะ กินข้าวกันเถอะ” เปปเปอร์ขัดจังหวะขึ้นด้วยน้ำเสียงดูไม่ค่อยอดทนเล็กน้อย

ดวงตาของส้มเปรี้ยวกลายเป็นสีแดงเรื่อในทันที

คนอื่นๆก็พากันหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นฉากนี้

ส้มเปรี้ยวรู้ว่าพวกเขากำลังหัวเราะเยาะเธอ จึงได้ทำหน้าตาบูดบึ้งแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ความรู้สึกแบบนี้มันช่างน่าอึดอัดใจจริงๆ

ในไม่ช้า เปปเปอร์ก็ทานอาหารเสร็จ เขาเช็ดปากด้วยท่าทางสง่างามก่อนจะลุกขึ้นและออกจากร้านอาหาร

ส้มเปรี้ยวที่เพิ่งกินไปได้ครึ่งหนึ่ง เมื่อเห็นเขาลุกออกไปโดยไม่รอตน จึงได้วางตะเกียบลงและวิ่งตามเขาไป

“เปปเปอร์คะ” ส้มเปรี้ยววิ่งทันเปปเปอร์ด้วยความเหนื่อยหอบ เธอคว้าแขนของเขาเอาไว้ “เปปเปอร์คะ คืนนี้คุณเป็นอะไร?”

เปปเปอร์เม้มปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ส้มเปรี้ยวมองมาที่เขาด้วยน้ำตาคลอ “เปปเปอร์คะ ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า ทำไมคุณถึงไม่สนใจฉันเลย? คุณบอกฉันได้ไหมคะว่าฉันทำอะไรผิด คุณเป็นแบบนี้ฉันกลัวนะคะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้เปปเปอร์ก็หันกลับมา “ส้มเปรี้ยว คุณบอกผมมาตามตรงนะว่าเมื่อตอนกลางวัน คุณเห็นงูตัวนั้นตั้งนานแล้วใช่ไหม และคุณตั้งใจจะทำให้งูตกใจพุ่งไปฉกมายมิ้นท์ใช่ไหม?”

ใบหน้าของส้มเปรี้ยวเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เปปเปอร์คะ ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้น?”

“ชาหวานเห็นว่าตอนที่งูพุ่งเข้าหามายมิ้นท์ ใบหน้าของคุณกำลังยิ้ม คุณไม่แปลกใจกับการที่เห็นงูเลย”เปปเปอร์จ้องมาทางเธอ

ส้มเปรี้ยวอ้าปากค้างไม่กล้ามองเขา เธอก้มหัวลงเล็กน้อยแล้วสะอื้นเบาๆ “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้จริงๆ”

“ไม่รู้?” เปปเปอร์ขมวดคิ้ว

ส้มเปรี้ยวพึมพำว่า “ฉันกำลังคุยกับคุณมายมิ้นท์ที่ข้างลำธาร จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าตาของฉันมืดลงแล้วก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย เมื่อตอนที่ตื่นขึ้นมาพบว่าถูกงูกัดฉันก็ตกใจมาก แต่ที่น่าตลกไปกว่านั้นก็คือ ฉันไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกกัดได้อย่างไร ฉันจำอะไรไม่ได้เลย”

“บุคลิกที่สองของคุณออกมาอย่างนั้นเหรอ?” ริมฝีปากบางของเปปเปอร์เม้มแน่น

ส้มเปรี้ยวส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ค่ะ แต่ที่คุณพูดว่าชาหวานเห็นตอนที่งูพุ่งฉกคุณมายมิ้นท์แล้วฉันยิ้มขึ้น แต่ฉันไม่รู้ตัวแล้ว น่าจะเป็นเพราะบุคลิกที่สองของฉันออกมาก็ได้”

เปปเปอร์ขมวดคิ้วขึ้น “ทำไมถึงปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้น?”

ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เวลาส้มเปรี้ยวเห็นมายมิ้นท์ก็ดูปกติดี

ทำไมบุคลิกที่สองจึงปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน?

“ฉันคิดว่าอาจเป็นเพราะบุคลิกที่สองของฉันได้ยินคำพูดของคุณมายมิ้นท์ เลยเป็นเหตุผลที่ปรากฏออกมา……” ส้มเปรี้ยวเม้มริมฝีปากของเธอ

เปปเปอร์หรี่ตา “คำพูดอะไร?”

ใบหน้าของส้มเปรี้ยวปรากฏรอยยิ้มอันขมขื่นขึ้น “คุณมายมิ้นท์บอกว่าฉันนิสัยไม่ดี น้องปีโป้เลยไม่ชอบเรา เขาจึงหันไปร่วมทีมกับพวกเขา แล้วบอกอีกว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วคุณคงไม่ต้องการฉันแล้ว……”

“มายมิ้นท์ไม่พูดแบบนี้แน่ๆ” เปปเปอร์โต้เถียงแทนมายมิ้นท์โดยไม่รู้ตัว

ใบหน้าของส้มเปรี้ยวดูไม่น่ามองนัก แต่เธอก็จัดการกับอารมณ์นั้นด้วยความรวดเร็ว เธอใช้สายตาอันโศกเศร้ามองเขาแล้วกล่าวว่า “เปปเปอร์คะ คุณคิดว่าฉันโกหกเหรอ?”

เปปเปอร์ก้มหน้ามองลงมา “เปล่าครับ แต่นิสัยของมายมิ้นท์นั้นเธอไม่……”

“ที่แท้ในใจของคุณ คุณเชื่อมายมิ้นท์มากกว่าที่จะเชื่อฉันเหรอคะ?” ส้มเปรี้ยวเบิกตากว้าง เป็นความหมายว่าเขาทำเกินไปแล้ว

เปปเปอร์รู้สึกเหนื่อยล้า แต่ก็ยังอดทนตอบไปว่า “ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อคุณ”

“แต่คุณก็ยังเชื่อว่าคุณมายมิ้นท์ไม่พูดแบบนั้นกับฉันใช่ไหม?” ส้มเปรี้ยวเริ่มสะอื้น

เปปเปอร์ถอนหายใจ “เอาล่ะ ผมขอโทษ ผมผิดเอง บางทีผมอาจมองมายมิ้นท์ดีเกินไป”

บุคลิกที่สองของส้มเปรี้ยวมักจะปรากฏเฉพาะเมื่อเธอถูกกระตุ้นเท่านั้น

บางทีสิ่งที่มายมิ้นท์พูดอาจกระตุ้นบุคลิกที่สองของเธอออกมาจริงๆ

ส้มเปรี้ยวดูภูมิใจมากที่เห็นเปปเปอร์พ่ายแพ้ด้วยน้ำตาของเธอ

เธอเข้าไปกอดชายหนุ่มเอาไว้ แล้วซุกใบหน้าของเธอไปที่หน้าอกของเขา “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยกโทษให้”

เปปเปอร์มองลงมายังส้มเปรี้ยวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่ไม่ได้กอดเธอกลับ เขามีความคิดอยากจะผลักเธอออกไปด้วยซ้ำ

เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมีความคิดแบบนั้นตัวเขาเองก็หาคำตอบไม่ได้ ทำได้แค่อดทนเอาไว้และพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ส้มเปรี้ยว รอกลับไปพรุ่งนี้แล้วผมจะหานักจิตวิทยาดีๆ ให้คุณ”

“จิตแพทย์?” ส้มเปรี้ยวเก็บรอยยิ้มลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองเปปเปอร์

ชายหนุ่มพยักหน้า “บุคลิกที่สองของคุณอันตรายมาก จำเป็นต้องได้รับการรักษา”

“แต่ว่า……”

“ส้มเปรี้ยว” เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นมองลงมายังเธอด้วยดวงตาลึกล้ำ “บุคลิกที่สองของคุณทำเรื่องแย่มาไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว ตราบใดที่ยังมีอยู่ หล่อนก็จะโจมตีมายมิ้นท์ต่อไปเรื่อยๆ ผมสามารถจัดการกับเรื่องที่บุคลิกที่สองของคุณทำได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะทำได้ตลอดไป เข้าใจไหม?”

หัวใจของส้มเปรี้ยวเกร็งขึ้นมา “ดังนั้นเปปเปอร์คะ คุณหมายถึงว่าถ้าฉันไม่รักษาบุคลิกที่สองของฉัน คุณจะไปจากฉันเหรอ?”

“ใช่ครับ” เปปเปอร์ยอมรับโดยไม่ลังเล

ต่อให้เขาจะทำร้ายคนในตระกูลทัศนาเกศา ก็จะไม่ยอมเอาภรรยาที่มีจิตใจโหดเหี้ยมแบบนี้แน่ๆ

เขาอดทนกับเธอเพราะเขารักเธอ แต่เขาไม่สามารถอดทนได้ตลอดไป

ส้มเปรี้ยวได้ยินคำพูดของเปปเปอร์ สมองของเธอก็แทบจะระเบิด

จากนั้นเธอเพิ่งจะรู้ว่าแม้ว่าเธอจะใช้บุคลิกที่สองเป็นโล่กำบังในการจัดการมายมิ้นท์ นานไปเข้าก็คงจะทำให้เปปเปอร์ไม่ชอบ

โชคดีจริงที่ยังพอมีเวลา

“เข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะให้ความร่วมมือในการรักษา” ส้มเปรี้ยวพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

เปปเปอร์ลูบศีรษะของเธอ “ดีมากครับ”

ส้มเปรี้ยวยิ้มและหลับตาลงเพื่อปกปิดความมืดมิดในดวงตาของเธอ

ดูเหมือนว่าเธอจะต้องเร่งฆ่ามายมิ้นท์ด้วยวิธีนี้แล้ว เพื่อเธอจะได้ไม่ต้องแสร้งทำเป็นมีบุคลิกที่สองแบบนี้อีก เปปเปอร์จะได้ไม่สงสัยเธอ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมื่อมายมิ้นท์ตายไปเสีย เปปเปอร์ก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากมายมิ้นท์อีก

จ๊อกๆ

ท้องของส้มเปรี้ยวร้องดังขึ้น

เปปเปอร์มองไปที่เธอ “ยังไม่อิ่มเหรอครับ?”

ส้มเปรี้ยวพยักหน้า “ก็ฉันเห็นว่าคุณไม่สนใจฉันเลย ฉันก็กินไม่ลงน่ะค่ะ”

เปปเปอร์จับมือเธอเอาไว้ “งั้นกลับไปกินต่อเถอะครับ”

“ไม่เอาค่ะ ฉันไม่อยากกลับไปเจอพวกเขา พวกเขาก็คงไม่ต้องการเห็นหน้าฉันเช่นกัน” ส้มเปรี้ยวส่ายหัวและพูด

เมื่อเปปเปอร์คิดถึงท่าทางของพวกมายมิ้นท์ที่มีต่อส้มเปรี้ยว เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก

ผ่านไปสองวินาที เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น “งั้นคุณรอผมสักครู่นะครับ ผมจะไปเอาขนมมาให้คุณกินรองท้องไปก่อน”

“ค่ะ” ส้มเปรี้ยวยิ้มเห็นด้วย

เปปเปอร์ปล่อยมือเธอและเดินเข้าไปที่ร้านอาหาร

คนในร้านอาหารต่างประหลาดใจที่เห็นเขากลับมาอีกครั้ง

“พี่ ยังกินไม่อิ่มเหรอ?” ปีโป้ถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นเปปเปอร์เอาขนมใส่จาน

เปปเปอร์วางตะเกียบลงแล้วตอบว่า “เอาไปให้ส้มเปรี้ยว เธอยังกินไม่อิ่ม”

เมื่อปีโป้ได้ยินดังนั้นก็เบ้ริมฝีปากทันที “เพราะเธออีกแล้ว กินไม่อิ่มแล้วเดินมาเอาเองไม่เป็นหรือไง? ทำไมต้องใช้ให้พี่มาเอาให้ด้วย?

เปปเปอร์ไม่สนใจจะสนใจ เขาเดินไปอีกด้านหนึ่งของโต๊ะยาวและเห็นมะม่วงวางอยู่ในจานผลไม้ เขาจึงทำท่าจะหยิบมาใส่จาน

ลาเต้เห็นดังนั้นก็ห้ามเขาทันที “หยุดนะ นั่นของที่รักผม”

ของมายมิ้นท์?

เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นมองไปที่มายมิ้นท์ด้วยสายตาอันประหลาดใจ “คุณชอบมะม่วงเหรอ?”

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?” มายมิ้นท์มองเขาอย่างนิ่งเงียบ น้ำเสียงของเธอช่างเย็นชา

ริมฝีปากบางของเปปเปอร์ขยับเล็กน้อย “ไม่ครับ”

ลาเต้พึมพำว่า “ที่รักของผมชอบกินมะม่วงมาตั้งแต่เด็ก มะม่วงนี้ผมให้พ่อครัวจัดเตรียมมาให้โดยเฉพาะ ถ้าคุณจะเอาก็ไปบอกพ่อครัวเอง”