เพราะจอร์แดนขับรถพาหลินจือวนไปรอบๆ ดังนั้นตอนที่หลินจือกลับมาถึงที่โรงแรมก็จึงเป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว
เมื่อหลินจือลงจากรถก็เห็นเทาเท่ที่ยืนอยู่ใต้ชายคาของระเบียงโรงแรม เธอตกใจมาก จ้องมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อและถามว่า “นี่คุณ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ใบหน้าของเทาเท่มืดมน แม้เขาจะติดต่อหลินจือไม่ได้ แต่ก็สามารถเช็กหมายเลขห้องและโรงแรมที่เธอพักได้
เขาเลือกพักที่นี่โดยไม่ลังเลใจ สิ่งแรกที่ทำหลังจากที่เก็บสัมภาระแล้วคือไปเคาะห้องเธอ แต่เคาะอยู่นานก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้
ดังนั้นเขาจึงไปรอเธอที่ด้านนอกของโรงแรม ไม่คิดว่าจะรอจนเกือบห้าทุ่มถึงได้เจอเธอ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเทาเท่นั้นหงุดหงิดแค่ไหน ทั้งเป็นห่วงและเป็นกังวล หญิงสาวที่หน้าตาสะสวยอย่างเธอ ออกไปกับผู้ชายที่เพิ่งจะเคยเจอกันแค่สองครั้ง และกลับมาซะดึกดื่นป่านนี้ ไม่กลัวว่าจะถูกหลอกไปขายหรือยังไง?
จอร์แดนที่อยู่ในรถก็เห็นเทาเท่ด้วยเช่นกัน จอร์แดนทักทายกับเทาเท่อย่างเรียบเฉย“ประธานเทาเท่ ช่างบังเอิญจัง?”
ตั้งแต่ที่รู้ว่าเทาเท่เป็นอดีตสามีของหลินจือ และพินอินยังเป็นน้องสาวแท้ๆของเทาเท่ จอร์แดนก็มีอคติกับตระกูลฟอเรนาขึ้นมาทันที
แต่เขากับเทาเท่มีโปรเจกต์ใหม่ที่ต้องร่วมงานกัน ดังนั้นก็จึงทักทายเทาเท่ไปตามมารยาทเท่านั้น
หากรู้ล่วงหน้าก่อนว่าคนในครอบครัวของเทาเท่ปฏิบัติตัวต่อหลินจือแบบนี้ จอร์แดนไม่มีทางร่วมงานกับเทาเท่แน่
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ”เทาเท่พูดด้วยอารมณ์โมโหทันที“ไม่ทราบว่าดึกป่านนี้แล้วคุณจอร์แดนเพิ่งพาหญิงสาวมาส่ง มีเจตนาอะไรหรือเปล่าครับ?”
หลินจือที่อยู่ข้างๆจ้องมองเทาเท่ตาเขม็ง นี่เขากินยามาผิดหรือยังไง ? เขารู้หรือเปล่าว่าคำพูดนี้ของเขามันหยาบคายกับจอร์แดนมากแค่ไหน?
จอร์แดนที่อยู่บนรถกลั้นหัวเราะไม่อยู่“ประธานเทาเท่ คุณคิดมากไปแล้ว ผมแค่พาเธอออกไปทานข้าว จากนั้นก็ขับรถวนไปรอบๆ ให้เธอได้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่เท่านั้น ”
จากนั้นจอร์แดนก็หันมาถามกลับเทาเท่“แล้วนี่ คุณถามผมในฐานะอะไรไม่ทราบ?”
ในความหมายก็คือ เทาเท่ในฐานะอดีตสามี มีสิทธิ์อะไรมาตั้งคำถามแบบนี้ ?
เทาเท่จุกกับคำถามนี้ของจอร์แดน ทันใดนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
เขาหันมองไปยังหลินจือที่อยู่ข้างๆและพูดว่า “เรามาคุยกันหน่อย ”
ทันทีที่พูดจบเขาก็คว้าไปที่แขนของหลินจือแล้วจะพาเธอเดินจากไป ด้วยพฤติกรรมของเขาที่พาเธอไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวนี้ หลินจือก็ดิ้นรนขัดขืน
เธอยังไม่ได้บอกลาจอร์แดน อีกอย่าง จู่ๆเขาก็โผล่มาที่นี่แล้วยังมาโกรธอย่างไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเธอรู้สึกว่ามันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
เมื่อจอร์แดนเห็นพฤติกรรมที่หยาบคายของเทาเท่ ก็โมโหขึ้นมาทันที ดับเครื่องแล้วลงจากรถเดินเข้าไปขวางแล้วพูดเสียงเข้มว่า“ปล่อยเธอ!”
เทาเท่จับหลินจือไว้แน่นสายตาจ้องมองไปยังจอร์แดนอย่างเย็นชา บรรยากาศของคนทั้งสองก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
หลินจือไม่อยากให้บุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างเทาเท่กับจอร์แดนต้องมาทะเลาะกันที่หน้าโรงแรมแบบนี้ หากมีใครมาเห็นเข้ามันคงไม่ดีกับคนทั้งคู่
ดังนั้นเธอจึงหันมองไปยังเทาเท่แล้วพูดว่า“เราคุยกันได้ แต่คุณช่วยปล่อยฉันก่อน”
เทาเท่ก็ถึงได้ปล่อยเธอ หลินจือหันไปพูดกับจอร์แดนว่า “คุณอาจอร์แดน คุณกลับไปก่อนนะคะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”
คุณอาจอร์แดน?
เมื่อเทาเท่ได้ยินคำเรียกขานจอร์แดนของหลินจือ ความโกรธก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
“พวกเธอหย่ากันไปแล้ว มีอะไรให้ต้องคุยกันอีก ? ”จอร์แดนเหลือบมองไปยังเทาเท่แวบหนึ่ง“อีกอย่าง ดูพฤติกรรมของเขาสิ จะให้ฉันวางใจปล่อยเธอไปคุยกับเขาได้ยังไง?”
เทาเท่ยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ตอบกลับอย่างไม่เกรงว่า “แล้วคุณจอร์แดนล่ะวางใจได้มากแค่ไหนกัน?”
เทาเท่ลืมสิ้นกับคำพูดของโซเมนที่ได้บอกเขา ให้เขาระวังตัวอย่าไปล่วงเกินจอร์แดน
เมื่อเขานึกถึงจอร์แดนที่พาหลินจือออกไปจนค่ำมืด แล้วยังได้ยินคำเรียกขานของหลินจือที่เรียกจอร์แดนว่าคุณอาจอร์แดน ก็ไม่ได้สนใจว่าจะล่วงเกินใครให้ขุ่นเคืองใจอะไรหรือไม่
จอร์แดนโมโหกับคำพูดของเทาเท่เป็นอย่างมาก หลินจือเดินเข้าไปปลอบ “คุณใจเย็นๆก่อน”
“นี่ก็ดึกมากแล้ว คุณกลับไปก่อนนะคะ หากมีอะไรฉันจะโทรไปหาเอง”หลินจือยืนยันกับจอร์แดน“นี่มันเป็นถิ่นของคุณ เขาไม่กล้าทำอะไรฉันหรอกค่ะ”
ตอนนี้หลินจือแค่อยากไกล่เกลี่ยความขัดแย้งนี้ อย่างแรกเลยคือมันดึกมากแล้ว และอย่างที่สองหากมีใครมาเห็นเข้ามันคงดูไม่ดี
ภายใต้การพูดปลอบซ้ำๆของเธอ จอร์แดนก็ถึงได้จ้องเขม็งมองเทาเท่ไปแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังขึ้นรถแล้วจากไป
ทันทีที่รถของจอร์แดนหายลับไป เทาเท่ก็เดินไปหาหลินจือแล้วลากเธอเดินตาม
เขาพาเธอไปยังจุดที่เงียบสงบในสวนของโรงแรม กักเก็บความโกรธแล้วพูดสั่งสอนว่า“หลินจือ คุณมีสมองหรือเปล่า ? จอร์แดนบอกว่าจะรับคุณเป็นลูกบุญธรรม คุณก็ตอบตกลงเลยเหรอ ? เขาพาคุณออกไปจนค่ำมืดดึกดื่น คุณก็ยังกล้าไปกับเขาอีก?”
หลินจือพูดกับเขาไม่ได้ว่าเธอรู้สึกเชื่อใจจอร์แดนอย่างอธิบายไม่ถูก ทำได้เพียงสะบัดแขนตัวเองที่เจ็บจากการเกาะกุมของเขาออกแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า“มันเกี่ยวอะไรกับคุณไม่ทราบ?”
เทาเท่ถึงกับจุก กำลังจะอ้าปากพูด ก็เห็นหลินจือย่นคิ้วแล้วพูดตำหนิว่า“เทาเท่ คุณดั้นด้นมาจากเมืองเจสเวิร์ด ก็เพื่อมาสั่งสอนฉัน และมาเพื่อทะเลาะกับฉันงั้นเหรอ?”
หลินจือไม่พูดประโยคนี้ก็ยังไม่เท่าไร แต่พอพูดแล้วอารมณ์โมโหของเทาเท่ที่กักเก็บเอาไว้ตลอดทั้งคืนก็ปะทุขึ้น เขาเดินเข้าไปหาแล้วกดร่างเธอแนบชิดไปกับกำแพง หรี่ตาลงแล้วพูดคุกคามว่า“คุณรู้ว่าผมอุตส่าห์ดั้นด้นมาเหรอ ? แล้วคุณคิดว่า ทำไมผมถึงต้องบินตามมาด้วยล่ะ?”
เทาเท่คาดคั้นเอาคำตอบ หลินจือเบี่ยงสายตาออกแล้วพูดว่า “ฉันจะไปรู้ความคิดคุณได้ยังไง ”
เทาเท่กัดฟันแล้วกดเสียงต่ำว่า “เพราะผมเป็นห่วงคุณ !”
หลินจือไม่อยากได้ยินคำสารภาพของเทาเท่ ดังนั้นก็จึงยกมือขึ้นแล้วพยายามผลักเขาออก
เธอไม่เคยเชื่อในคำบอกรักและห่วงใยของเทาเท่ แต่เมื่อเขาพูดมันขึ้นบ่อยๆ เธอก็จึงเริ่มที่จะเชื่อมัน
เทาเท่กุมไปที่สองมือของเธอ ผ่อนเสียงเบาพลางถอนหายใจแล้วหลุบตามองเธอ“ ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ และคิดถึงคุณมาก ผมทนไม่ได้ที่จะไม่ได้เจอคุณหลายวัน ดังนั้นก็จึงตามมา ”
ก่อนจะเจอเธอเมื่อครู่ เขาคิดอยู่ตลอดว่าตัวเองแค่เป็นห่วงเธอ แต่พอได้เจอเธอแล้วก็เพิ่งจะมารู้ตัว ว่าเขาแทบทนรอไม่ไหวจนต้องตามมา เพราะคิดถึงเธอ และไม่อยากจะห่างเธอ
หลังจากที่เขามั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเธอ ภาพของเธอไม่เคยจะหายไปจากครรลองสายตาของเขาได้เกินหนึ่งวัน
เมื่อคิดถึงมาถึงตรงนี้ อารมณ์ของเทาเท่ก็สับสนขึ้นมาทันที ควบคุมตัวเองไม่ได้จนอยากจะโน้มกายเข้าหาหวังจะจูบเธอ
วิตกกังวลมาตลอดทั้งคืน นี้คือสิ่งที่เขาอยากจะทำมากที่สุดในตอนนี้
ภายใต้วิกฤตการณ์นี้หลินจือดึงมือตัวเองออก แล้วตบไปที่ใบหน้าของเขาด้วยความโกรธ
นี่เขาจูบจนเคยตัวหรือยังไง ?
ก่อนหน้านั้นเขาจูบเธอมาแล้วครั้งหนึ่งที่บ้านของเธอ ตอนนี้ก็ทำแบบเดียวกันอีก ?
หลินจือรู้สึกว่าตัวเองต้องแข็งแกร่งขึ้น มิฉะนั้นแล้วเขาก็จะได้คืบเอาศอกขึ้นเรื่อยๆ ?
เทาเท่ผู้ซึ่งถูกตบหน้า ยังคงยืนอยู่กับที่และไม่ได้รู้สึกโกรธกับการถูกตบ แต่กลับจับไปที่มือของหลินจืออย่างไม่มีโมโห“ ผมขอโทษ ผมไม่ควรทำแบบนี้ ”
“ผมควบคุมตัวเองไม่ได้……”หลินจือไม่อยากจะสนใจเขา สะบัดมือเขาออกหันหลังแล้ววิ่งไปยังทิศทางของห้องโถงโรงแรม
เทาเท่ไม่ได้วิ่งตามไป เพราะเขายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ