หลังจากที่เจเทาวน์จัดการเรื่องของลีวายเสร็จ ร่างกายก็ฟื้นตัวได้บ้างแล้ว วันรุ่งขึ้นก็จะเดินทางกลับไปยังบ้านเกิด พร้อมกับแมวของเขา
ตอนอยู่สนามบินเขาถูกตามสัมภาษณ์ นักข่าวถามว่าทำไมครั้งนี้ต้องเอาแมวกลับไปด้วย แทนที่จะให้แฟนสาวเลี้ยงดูมันต่อ
ใบหน้าเจเทาวน์มยกยิ้มอย่างอ่อนโยน“เธอยังต้องทำงาน ไม่อยากให้เธอเหนื่อยมากไปกว่านี้”
เมื่อเทาเท่เห็นคลิปสัมภาษณ์นี้ของเจเทาวน์ ก็ถึงกับขนลุกซู่ จากนั้นก็โยนโทรศัพท์ไปไว้ข้างๆ
ไม่ว่ายังไง เทาเท่ก็ถือว่าโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เจเทาวน์ไปแล้ว เขาไม่ต้องมาเป็นกังวลกลัวว่าระหว่างเจเทาวน์กับหลินจือจะมีอะไรกันอีก และไม่ต้องมานั่งหึงหวงเวลาที่หลินจืออยู่กับเจเทาวน์
เทาเท่มากินข้าวกับโซเมน ไวท์เข้ากะดึก ดังนั้นจึงไม่ได้มาด้วย
โซเมนบ่นกับเทาเท่“ นายอย่านัดฉันมากินข้าวบ่อยๆได้ไหม นายควรจะนัดหลินจือออกมาให้ได้สักครั้งจะดีกว่า”
เทาเท่กลอกตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ หากเขานัดหลินจือออกมาได้ จะมานัดโซเมนเพื่อฆ่าเวลาอีกทำไม ?
หากเขานัดหลินจือออกมาได้ เพื่อนที่เป็นดั่งพี่น้องอย่างโซเมนก็คงจะหมดความหมาย ถึงตอนนั้นหางตาก็คงไม่แม้แต่จะชายตามอง และจะให้โซเมนต้องมาอิจฉาตาร้อนกับเขาเป็นแน่
โซเมนพูดอย่างขอไปทีว่า“เออนี่ หลินจือไปเปกก้าแล้วนะ เกรงว่าต่อให้นายอยากจะนัดเธอออกมายังไงช่วงนี้ก็คงไม่ได้ ”
ใบหน้าเทาเท่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เธอไปเปกก้า?”
เรื่องที่หลินจือไปเปกก้า เทาเท่ไม่รู้เรื่องเลย
โซเมนพยักหน้า“ใช่ ฉันเห็นเธอโพสต์ลงโซเซียล ฝากแมวที่นายให้ไว้กับนานิ ฉันก็เลยทักไปถามเธอ เธอบอกฉันว่าเธอไปเปกก้า”
โซเมนกับไวท์ต่างมีช่องทางติดต่อกับหลินจือ ก็ย่อมต้องรู้ความเคลื่อนไหวของหลินจือ แต่เทาเท่ที่เพิ่งถูกบล็อก ก็จึงไม่รู้เรื่องอะไร
เทาเท่ทั้งช็อกและทั้งหงุดหงิด ในใจรู้สึกพ่ายแพ้อย่างอธิบายไม่ถูก
ตอนนี้เขาในใจเธอ ยังเทียบโซเมนไม่ได้เลย
โซเมนพูดต่อว่า“เออนี่ เรื่องแก้วที่นายให้ฉันไปถาม จากที่ได้รับรายงานคงหาซื้อไม่ได้แล้ว ทำได้แค่ให้คนทำตามแบบภาพเหมือนเท่านั้น ”
โซเมนพูดอย่างหนักแน่น“นายคงไม่ได้จะให้หลินจือใช่ไหม?”
ดวงตาของเทาเท่ไม่สามารถซ่อนความผิดหวังได้“ใช่ ฉันทำแก้วใบนั้นของเธอแตก”
โซเมนแบมือออก“ฉันไม่รู้จะว่าอะไรนายแล้วจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นใครที่ตามจีบผู้หญิงแล้วต้องลำบากเหมือนนายมาก่อน ”
เทาเท่เองก็เหนื่อยใจเหมือนกัน เขาไม่คิดว่าการตามจีบหลินจืออีกครั้งนั้นมันจะยากเย็นขนาดนี้
เขาคิดว่าเธอที่เคยรักเขามากมายขนาดนั้น เขาแค่ทำดีด้วยหน่อย เธอก็จะกลับมาหาเขาได้
ใครจะไปคิดว่าเขาแสดงออกมาขนาดนี้แล้ว เธอกลับไม่มองมาที่เขาเลย หนำซ้ำยังปิดกั้นเขาอีก ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเธอเขาต้องมารับรู้มันจากคนอื่น
“แต่จะยากลำบากสักหน่อยก็ไม่ได้เสียหายอะไร ของที่ได้มาอย่างยากลำบาก ควรค่าแก่การทะนุถนอมเสมอ”โซเมนพูดปลอบเทาเท่มาคำหนึ่ง ก็เห็นเทาเท่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรหาจอนห์ สั่งการให้จอนห์จองตั๋วเครื่องบินไปเปกก้าคืนนี้ให้เขาใบหนึ่ง
โซเมนรู้สึกเทาเท่ทำตัวเกินเรื่องไป “นายจะตามไปทำไม?”
เทาเท่ขมวดคิ้วและพูดอย่างจริงจังว่า“ เธอไปเปกก้าต้องไปพบจอร์แดนแน่ๆ จอร์แดนบอกว่าจะรับเธอเป็นบุตรบุญธรรม”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้คำพูดของเทาเท่ก็เปลี่ยนทันที“จอร์แดนเคยเจอเธอแค่ครั้งเดียว ทำไมถึงต้องรับเธอเป็นบุตรบุญธรรมด้วย ?”
คิ้วของโซเมนก็ขมวดขึ้นและถามอย่างเป็นกังวลว่า “นี่นายหมายความว่า จอร์แดนคิดไม่ซื่อกับเธองั้นเหรอ?”
แต่โซเมนก็คิดวิเคราะห์ตาม“แต่จอร์แดนอยู่วงการนี้ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสียมาก่อน และภูมิหลังของเขาก็ไม่เอื้อให้เขาทำเรื่องอย่างว่านี้ด้วย ?”
ภูมิหลังของบางคนนั้นไม่กลัวว่าต้องแปดเปื้อนกับอะไรแต่ของบางคนมีเรื่องเสื่อมเสียอะไรไม่ได้เลย
ตระกูลแม็กซิมัสเป็นอย่างหลัง ไม่ใช่เพราะสถานะของตระกูลแม็กซิมัสนั้นไม่สูงส่งเลยแปดเปื้อนได้ แต่เพราะสถานะของพวกเขานั้นสูงส่งเกินไป จึงมีเรื่องเสื่อมเสียอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เทาเท่แค่นเสียงหึแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า“รู้หน้าไม่รู้ใจ บนโลกนี้ คนหน้าเนื้อใจเสือนั้นมีถมไป เธอเองก็ไร้เดียงสามาก ดังนั้นฉันต้องตามไปดู”
โซเมนรู้สึกว่าคำพูดของเขาก็ค่อนข้างมีเหตุผล แต่ก็กำชับว่า “นายก็ต้องระมัดระวังตัวด้วย อย่าไปล่วงเกินอะไรจอร์แดนเขาเข้าล่ะ ”
โซเมนรู้สึกว่าตอนนี้เทาเท่เห็นผู้ชายทุกคนที่อยู่รอบๆตัวหลินจือนั้นเป็นศัตรูหัวใจไปซะหมด เป็นปฏิปักษ์กับทุกคน ดังนั้นเขาจึงได้พูดกำชับเทาเท่
หากจอร์แดนรับหลินจือเป็นลูกบุญธรรมอย่างจริงใจ แล้วเทาเท่ไปทำเรื่องให้ขุ่นเคืองใจโดยไม่ตั้งใจ อย่างนี้แล้วอนาคตจะมีผลตามมายังไง ?
เกรงว่าการตามจีบหลินจือนั้นจะยากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเบื้องหลังของหลินจือนั้นเป็นตระกูลแม็กซิมัส ที่ยิ่งใหญ่
เทาเท่ตอบรับไปส่งๆ จากนั้นก็กินกันไปอีกสักสองสามคำก็แยกกัน กลับบ้านเก็บสัมภาระแล้วเตรียมตัวขึ้นเครื่อง
หลินจือไปเปกก้าจริงๆ เดิมทีเธอได้พูดคุยกับจอร์แดนแล้วว่าจะตามไป แต่เพราะเจเทาวน์เกิดล้มป่วยเลยล่าช้าไปหนึ่งวัน หลังจากที่เจเทาวน์บอกลาเธอว่าเขาจะกลับบ้านเกิด เธอก็จึงได้ซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางไปเปกก้า
หลินจือมาถึงในตอนบ่าย จอร์แดนให้คนไปรับเธอ เดิมทีเธอได้จองโรงแรมเอาไว้แล้ว แต่จอร์แดนให้เธอเข้าพักในโรงแรมที่เขาจัดหาไว้ให้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโรงแรมที่หรูหราและแพงที่สุดในเมืองเวลฟ์
หลินจือยากที่จะปฏิเสธคำเชื้อเชิญ จึงเข้าพักตามที่ได้จัดไว้ให้
หลังจากที่พักผ่อนไปสักพัก ตอนค่ำจอร์แดนก็ขับรถมารับเธอไปกินข้าวด้วยตัวเอง
หลินจือไม่ใช่คนโง่เขลาที่ไม่รู้จักระวังตัว และเธอเองก็เคยสงสัยในความกระตือรือร้นนี้ของจอร์แดนที่มีต่อเธอ
แต่หลังจากที่เธอได้พบกับจอร์แดนอีกครั้ง จากสายตาของจอร์แดนเธอมองออกว่ามันมีความจริงใจและความยินดีอย่างมาก ซึ่งมันชัดเจน ว่าจอร์แดนต้อนรับเธออย่างจริงใจ
และหลินจือเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป มีความรู้สึกใกล้ชิดและไว้วางใจจอร์แดนอย่างอธิบายไม่ถูก ความรู้สึกโดยสัญชาตญาณบอกเธอว่าจอร์แดนจะไม่คิดร้ายกับเธอ
ขณะที่รับประทานอาหารกับจอร์แดน หลินจือบอกว่าพรุ่งนี้เช้าเธออยากไปเยี่ยมคุณนายตระกูลแม็กซิมัสที่โรงพยาบาล
คุณนายตระกูลแม็กซิมัสมีชื่อเรียกว่าลูน่า ตระกูลลาแวนเคยเป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงมาก่อน ในตอนนั้นลูน่ากับจอร์แดนมีฐานะทางครอบครัวที่เท่าเทียมกัน แต่หลายปีมานี้ตระกูลลาแวนถดถอยลงไปมาก แต่นั่นก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับความสัมพันธ์ของจอร์แดนกับลูน่า
จอร์แดนไม่ได้สนใจเรื่องที่พวกเขาไม่มีลูกด้วยกัน แล้วเรื่องชื่อเสียงของครอบครัวพวกนั้นเขาจะไปสนใจได้ยังไง
“อืม”จอร์แดนมีความยินดีอย่างมาก“ ฉันจัดการทุกอย่างไว้ให้แล้ว พรุ่งนี้เช้าคุณน้าลูน่าของเราก็ออกจากโรงพยาบาลได้ จากนั้นตอนค่ำเราจะไปร่วมงานรวมญาติกัน”
กลัวว่าหลินจือจะเป็นกังวลเรื่องงานรวมญาติ จอร์แดนพูดด้วยรอยยิ้มว่า“วางใจเถอะ ฉันได้เล่าถึงการมีอยู่ของเธอให้ทุกคนฟังแล้ว อย่ากังวลไปเลยว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับเธอ”
หลินจือรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก“ขอบคุณค่ะ”
จอร์แดนพูดต่อว่า “ต่อไปไม่จำเป็นต้องพูดคำว่าขอบคุณกับพวกเราอีก ”
หลังจากที่ทานอาหารค่ำแล้วเสร็จ จอร์แดนบอกว่าจะขับรถพาเธอวนดูรอบๆบริเวณ เพื่อให้คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมในเมืองเวลฟ์ จอร์แดนยังได้พูดอีกว่า หากเป็นไปได้ เขาหวังอยากจะให้หลินจือมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเวลฟ์
แน่นอนว่าจอร์แดนยังพูดด้วยว่า เขารู้ว่าหลินจือเติบโตมาในเมืองเจสเวิร์ด และจะไม่บังคับอะไรเธอ