เดิมทีเทาเท่คิดว่า แค่ทำแก้วแตกไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร แต่เมื่อเห็นสีหน้าหลินจือเหมือนกำลังจะร้องไห้ เขาจึงรีบขอโทษขอโพยทันที “ขอโทษ ทีแรกผมตั้งใจจะล้างจานพวกนี้ แต่ว่ามือลื่นไปหน่อย เลยทำให้แก้วร่วงลงไปแตก…”
“เทาเท่ คุณนี่มันไม่มีปัญญาทำเรื่องให้สำเร็จลุล่วง ซ้ำยังมีแต่ทำให้บกพร่องเสียการไปหมด!” หลินจือด่าทอด้วยความเดือดดาล ก่อนจะหันไปหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดมาเก็บเศษแก้วไปทิ้ง
เทาเท่ผู้ถูกด่ายังคงยืนยิ่งอยู่อย่างนั้น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้จิตใจตัวเองสงบลง
ไม่มีปัญญาทำเรื่องให้สำเร็จลุล่วง ซ้ำยังมีแต่ทำให้บกพร่องเสียการไปหมดงั้นเหรอ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้กับเขาสักคน!
ในวงการธุรกิจ มีเรื่องไหนบ้างที่เขาไม่เคยทำได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ภายใต้การควบคุมดูแลของเขา อย่างน้อยต้องยิ่งใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า ไม่ใช่ต้องคอยพึ่งพาผู้อำนวยการเบลซอย่างฟอเรนากรุปในเมื่อก่อนอีกต่อไป
นี่คือเหตุผลว่าทำไม เทาเท่จึงไม่เคยมองเบลซอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง
แต่ดูเหมือนว่า…
เทาเท่จ้องมองหญิงสาวที่กำลังหยิบจับอุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ตรงหน้า ภายในใจก็อดรู้สึกเศร้าขึ้นมาไม่ได้ ดูเหมือนว่า…เรื่องการแต่งงานเขาทำล้มเหลว
เขาสูญเสียผู้หญิงที่ควรเป็นของเขาไป
ดังนั้น ที่เธอกำลังด่าเขาอยู่ตอนนี้ เป็นสิ่งที่เขาสมควรได้รับมัน
หลินจือเก็บเศษแก้วไปทิ้งลงถังขยะ เทาเท่เอื้อมมือไปจับแขนเธอไว้ จ้องเธออย่างจริงจังแล้วให้สัญญาว่า “ผมจะซื้อให้ใหม่”
ครุ่นคิดอยู่สักพักเขาก็เน้นย้ำอีกครั้ง “ให้แก้วกาแฟที่ดีที่สุดในโลกเลย แล้วแต่คุณเลือกมา”
ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน เขาก็จะซื้อมันคืนให้เธอ
หลินจือจับมือเขาไว้อย่างไม่สบอารมณ์ “แก้วใบนี้ฉันชอปมาจากต่างประเทศ และตอนที่ซื้อมามันเป็นแรร์ไอเทม มีแค่ชิ้นเดียว!”
อีกอย่าง เขาคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่างงั้นเหรอ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินจือก็อดพูดขึ้นมาเสียไม่ได้ “ไม่มีทางที่กระจกแตกแล้วจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม สิ่งที่สูญเสียไปแล้ว ไม่มีวันหวนกลับคืนมาได้”
“ช่างเถอะ ไม่ต้องสนใจหรอก” หลินจือพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “เก่าไม่ไป ใหม่ก็มา”
หลินจือกำลังพูดปลอบใจตัวเอง เทาเท่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ กลับรู้สึกว่าทุกคำพูดของเธอทิ่มแทงอยู่ภายในใจเขา
เธอพูดเรื่องแก้ว ทว่าเขากลับรู้สึกว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องความรู้สึกระหว่างพวกเขาสองคน
เมื่อสูญเสียไปแล้ว ไม่มีวันหวนคืนกลับมา
“ท่านประธานเทาเท่ ถ้าคุณทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็เชิญออกไป ดีไหมคะ?” หลินจือไม่อยากให้เขาอยู่ที่นี่ต่อแม้เสี้ยววินาที
ด้วยท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์ของเธอ เทาเท่จึงเดินออกไปจากบ้านเงียบๆ
หลินจือปิดประตูบ้านแล้วกลับเข้าไปในครัวอีกรอบ นั่งยองๆ ลงข้างถังขยะ จ้องมองแก้วตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความลำบากใจ พลางทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ
แต่ในขณะเดียวกัน หลินจือเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เมื่อครู่เทาเท่บอกว่าเขากำลังล้างจานงั้นเหรอ
วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกรึไง
เทาเท่คุณชายผู้ไม่เคยทำอะไรเองเลยสักอย่าง เพราะมีคนรายล้อมคอยเอาอกเอาใจ เขากำลังล้างจานงั้นเหรอ
อย่างเขาอย่าเรียกว่าล้างเลย เป็นการทำลายเสียมากกว่า
ใช่ คราวหน้าต้องไม่ให้เขามารับประทานอาหารที่นี่อีก จาน ถ้วย แก้วของเธอ คงไม่ทนทานต่อการทำลายล้างของเขาได้
หลินจือสาบาน หลังจากนี้เธอจะไม่ให้เทาเท่เข้ามารับประทานอาหารที่นี่อีกเด็ดขาด
เทาเท่นั่งอยู่บนรถ ครุ่นคิดอยู่นานสองนานจากนั้นจึงกดโทรศัพท์ไปหานานิ
นอกจากต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงาน ส่วนใหญ่เวลานี้นานิคงกำลังหลับอยู่
เพราะต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมารับสาย หล่อนจึงบ่นกลับปลายสายอย่างหัวเสีย “ใคร โทรมาทำไมตั้งแต่เช้า”
เทาเท่พูดอย่างใช้ความอดทน “ฉันเอง เทาเท่”
“เทาเท่?” นานิพึมพำ ทันใดนั้นก็ตามมาด้วยเสียงคำรามทั้งที่ยังสะลึมสะลืออยู่ “คุณคงไม่ได้รังแกหลินจืออีกแล้วใช่ไหม”
เทาเท่เหนื่อยล้า ในสายตาของนานิ เขาเป็นคนที่คอยเอาแต่รังแกหลินจือทั้งวันทั้งคืนหรือยังไง
แต่เมื่อลองคิดดู เขาทำแก้วสุดที่รักของหลินจือแตก ดูเหมือนเขาจะรังแกเธอจริงอย่างว่า
ด้วยเหตุนี้เขาจึงพูดไปเพียงว่า “ผมทำแก้วเธอแตกใบหนึ่ง เลยอยากถามคุณว่า คุณพอจะมีรูปถ่ายแก้วใบนั้นของเธอไหม ผมอยากชดใช้ให้เธอ”
หลังจากสิ้นเสียงของเทาเท่ นานิก็หัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข “เทาเท่ คุณจบเห่แล้ว!”
“งานอดิเรกส่วนใหญ่ของหลินจือคือการสะสมพวกของใช้บนโต๊ะอาหารเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น แก้ว จานรองแก้ว หรือแม้กระทั่งถ้วยชามที่อยู่ในบ้านของเธอ ทุกอย่างคือเลือดเนื้อคือหัวใจของเธอ คุณทำของเธอแตกไปแล้วหนึ่งใบ คงถูกลิสต์รายชื่อลงในบัญชีดำไปเรียบร้อยแล้ว!”
คำพูดของนานิทำให้ใบหน้าของเทาเท่หม่นหมองลง แล้วแบบนี้ในอนาคตเขาจะไปรับประทานอาหารที่บ้านเธอได้อย่างไร
แต่สิ่งที่นานิพูดมาไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด ในฐานะเพื่อนกันมาตั้งนานหลายปี เธอรู้จักหลินจือดี
คนส่วนใหญ่ที่ชอบทำอาหารต่างโปรดปรานของใช้บนโต๊ะอาหารไม่เหมือนกัน อย่างหลินจือเองก็ด้วย เวลาไปชอปปิ้ง เมื่อเห็นของใช้บนโต๊ะอาหารที่ชื่นชอบขาก็ฉุดไม่อยู่ แค่คิดก็รู้แล้วว่าเธอต้องซื้อของเหล่านั้นหิ้วกลับมามากแค่ไหน
นานิพูดด้วยความปรารถนาดี “ของเหล่านั้นของเธอเป็นของแรร์ไอเทม คุณหาซื้อของที่เหมือนอันเดิมไม่ได้หรอก”
นานิยืมเรื่องของใช้มาพูดถึงอีกเรื่อง เธอเอ่ยขึ้นเสียงทุ้มต่ำ “อีกอย่าง แม้ว่าคุณจะทำออกมาใหม่ให้เหมือนเดิมทุกประการ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ใช่ของของเธอในตอนนั้น”
“สิ่งของนี้ก็เหมือนกับความรู้สึก ไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้” คำพูดสุดท้ายของนานิ เพียงพูดเบาๆ กลับสะเทือนอารมณ์ ทิ่มแทงเข้ามาตรงหน้าอกของเทาเท่อย่างรุนแรง
เทาเท่บีบโทรศัพท์ในมือแน่น “ในเมื่อย้อนอดีตไม่ได้ ก็เริ่มต้นใหม่ ให้เธอตกหลุมรักของที่ซื้อมาใหม่ชิ้นนี้”
และทำให้เธอตกหลุมรักเทาเท่คนใหม่คนนี้ด้วยเช่นกัน เพราะเทาเท่คนนี้เปลี่ยนทุกอย่างเพื่อเธอ และในอนาคตเขาก็จะรักและทะนุถนอมเธออย่างดี
นานิไม่คิดว่าเทาเท่จะดื้อดึงขนาดนี้ แน่นอนว่าเธอฟังออก ความหมายของคำพูดที่กล่าวมานั้นหมายถึงการเริ่มต้นใหม่กับหลินจือ
นานิกลับไม่ได้มองสวยงามเช่นนั้น เธอพูดกับเทาเท่อย่างตรงไปตรงมา “ประธานเทาเท่ ไม่ใช่ว่าฉันจะโจมตีคุณหรอกนะ ฉันขอพูดตามความจริงจากความรู้สึกของฉันสักหน่อย”
“ตอนที่เธอต้องการความรักของคุณ คุณมอบเศษกระเบื้องแตกๆ ให้เธอ แต่ตอนที่เธอกำลังเพ่งความสนใจให้กับหน้าที่การงาน คุณกลับมาก่อปราสาทรักให้เธอเสียอย่างนั้น คุณคิดว่ามันเหมาะสมแล้วเหรอ”
คำพูดของนานิช่างร้ายแรง แต่ก็ชี้ชัดถึงสถานะระหว่างเทาเท่กับหลินจือ
เทาเท่ประกาศอย่างดุดัน “ผมทำให้เธอรักและภูมิใจในหน้าที่การงานของเธอได้”
ตอนนี้นานิหมดคำพูดกับเขาเต็มทน เธอมองไม่ออกเลยว่าเทาเท่จะหน้าด่านหน้าทนขนาดนี้ เธอพูดคำพูดแบบนั้นออกมาเพื่อเย้ยหยันเขา เยาะเย้ยที่เขาพลาดจากหลินจือไปแล้ว
เขายังมีหน้าพูดออกมาว่า จะทำให้หลินจือรักและภูมิใจในหน้าที่การงานของเธอ ความมั่นอกมั่นใจนี้ นานิยอมรับความพ่ายแพ้
นานิถามเขาว่า “คุณจริงจัง?”
“แน่นอน” เทาเท่ตอบกลับไปอย่างแน่วแน่
นานิพูดเสริมขึ้นอีกว่า “ในเมื่อคุณมั่นใจ งั้นคุณก็บอกมาว่าแก้วใบที่แตกลักษณะเป็นยังไง ฉันจะช่วยดูและหารูปให้”
เทาเท่อธิบายว่า “เป็นลวดลายสลับสีน้ำเงิน และก็มีขอบทอง”
นานิจุ๊ปาก “ถ้าเป็นใบนั้นฉันรู้แล้ว ดูท่าว่าคุณจะโชคไม่ดีเอาซะเลยนะ ใบนั้นเธอได้มาจากต่างประเทศ ถูกนำเข้ามาหลายพันไมล์เลยล่ะ”
“ฉันจะส่งรูปให้คุณทีหลัง ขอให้โชคดี” นานิอวยพรจบก็วางสายไป
ไม่นานเทาเท่ก็ได้รับรูปที่นานิส่งมาให้ เป็นภาพหน้าจอวีแชทโมเมนต์ก่อนหน้านี้ของหลินจือ เป็นรูปตอนที่เธอกำลังชงชายามบ่ายด้วยแก้วกาแฟใบหนึ่ง และเป็นใบนี้
แรกเริ่มเทาเท่กดค้นหาวีแชทโมเมนต์ของหลินจือได้ แต่ตอนนี้เขาถูกเธอบล็อกไปเรียบร้อยแล้ว